ยื่นซักฟอกรบ.หน้ากากคนดี

"บิ๊กป้อม" ตีมึนปัดตอบเหตุวิวาทะกับ "จุรินทร์'" กลางวง ครม.ปมตั้งอธิบดีกรมฝนหลวงฯ “วิษณุ” แจงไม่ใช่ 3 ป.ตีกัน การทักท้วงเป็นเรื่องปกติต้องรอถาม รมว.เกษตรฯ ในการประชุม ครม.รอบหน้า "พปชร." เจ้าที่แรง “มิ่งขวัญ” ยื่นหนังสือลาออกจากสมาชิกแล้วหลังอยู่ได้แค่ 22 วัน “อนุทิน" ป้องพลังดูด ขอมีน้ำใจนักกีฬาหยุดด้อยค่า ส.ส.ย้ายค่ายว่า "เนรคุณ" จับตา "ทสท.-สอท." นัดแถลงควบรวมพรรค 29 ธ.ค.นี้ ฝ่ายค้านโหนสื่อยื่นญัตติเปิดอภิปรายรัฐบาลไม่ลงมติ "กระชากหน้ากากคนดี 8 ปีที่แปดเปื้อน" เล็งเป้า "ประยุทธ์" จำเลยหลัก นัดพ่นน้ำลายหลังกลาง ม.ค.

เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม ภายหลังเอกอัครราชทูตราชอาณาจักรกัมพูชาประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จากนั้น พล.อ.ประวิตรได้เดินออกมาด้วยท่าทียิ้มแย้ม พร้อมกับทักทายสื่อมวลชนที่กำลังรอให้ระวังขบวนรถตนที่กำลังจะเข้ามารับ

จากนั้นผู้สื่อข่าวพยายามถามถึงความชัดเจนว่า จะเป็นแคนดิเดตนายกฯ พรรค พปชร.คนเดียวหรือไม่ และความขัดแย้งการแต่งตั้งอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ของกระทรวงเกษตรฯ จนเกิดวิวาทะกับนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ที่กำกับดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) โดย พล.อ.ประวิตรหันมาบอกกับผู้สื่อข่าวว่าให้ถามทีละคน จากนั้นก็เดินขึ้นรถโดยไม่ให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด

ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีปัญหาการแต่งตั้งอธิบดีกรมฝนหลวงฯ ในที่ประชุม ครม.เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า เป็นเรื่องธรรมดาในการประชุมที่จะมีการทักท้วง ตั้งข้อสังเกต ซึ่งเคยเกิดมาเสมอ  ซึ่งครั้งนี้มีการตั้งข้อสังเกตจริงเกี่ยวกับตำแหน่งหนึ่งตามบัญชีรายชื่อที่มีการเสนอมา แต่บังเอิญ รมว.เกษตรและสหกรณ์เจ้าของเรื่องไม่ได้มาประชุม มาแต่รัฐมนตรีช่วยว่าการที่เป็นผู้ได้รับมอบหมายให้บังคับบัญชากรมฝนหลวงฯ ก็มีสิทธิ์ที่จะทักท้วงเป็นธรรมดา 

นายวิษณุกล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่รัฐมนตรีว่าการลงนามในหนังสือส่งเข้ามา ก็ต้องยึดถือตามนั้น ยกเว้นแต่ว่าท่านจะเปลี่ยนใจขอดึงกลับ แต่บังเอิญท่านไม่ได้มา แล้วติดต่อถามท่านก็ไม่ได้ ก็เลยลังเลว่าจะทำอย่างไร เมื่อรัฐมนตรีว่าการไม่มา รัฐมนตรีช่วยว่าการเป็นผู้รักษาการแทน ซึ่งรัฐมนตรีประจำกระทรวงเกษตรฯ 3 คนเหลืออยู่คนเดียวคือ นายสุนทร ปานแสงทอง รมช.เกษตรและสหกรณ์ และมีการท้วงซึ่ง ครม.ก็ต้องฟัง แต่จะให้ตัดสินใจเด็ดขาดเอาตามท่านไม่ได้ เพราะ ครม.ไม่มีอำนาจที่จะเปลี่ยนตัวบุคคล ดังนั้นต้องเคารพรัฐมนตรีว่าการ ก็เลยรอเอาไว้ที่จะถามรัฐมนตรีว่าการให้ชัดเจน และเอาไว้พูดกันใหม่ในการประชุม ครม.วันอังคารหน้าก็ได้

 “การทักท้วงไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาด ไม่ใช่ 3 ป.ตีกันอะไร ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลย เคยเกิดมาแล้วหลายครั้ง” นายวิษณุกล่าว

นายวิษณุยังกล่าวถึงทิศทางการเมืองในอนาคต ภายหลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศเดินหน้าต่อกับพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ถ้ามีโอกาสกลับมาจะพร้อมช่วยงานอีกหรือไม่ว่า "ไม่ตอบครับ  เพราะว่าท่านยังไม่เคยมาพูดอะไรกับผม" เมื่อถามว่าหากพล.อ.ประยุทธ์มาพูดจะรับไว้พิจารณาหรือไม่ นายวิษณุ นิ่งไปซักพักก่อนระบุว่า "รอให้ท่านพูดก่อน"

เมื่อถามว่า ยังพร้อมและทำงานไหวใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า "เครื่องซักแห้ง" นี่มันมียี่ห้อของมัน พร้อมตอบสื่อว่า ตนก็มีหลานให้เลี้ยง 1 คน หรืออนาคตอาจจะเป็น 2 คนเหมือนนักการเมืองคนอื่น ซึ่งการเลี้ยงหลานตนอาจไม่ได้เลี้ยงอะไรไม่ได้เท่าไหร่ แต่ว่ามีความสุขกับการทำงานอย่างอื่นมากกว่า

พปชร.แรง 'มิ่งขวัญ' ไขก๊อกแล้ว

มีรายงานว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมานายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ได้ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค พปชร. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แล้ว แต่ยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลใดๆ  

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.65 พปชร.เพิ่งจะมีการแถลงข่าวเปิดตัวนายมิ่งขวัญไป โดยมีแกนนำ พปชร.มาร่วมเปิดตัวด้วยหลายคน นำโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะหัวหน้าพรรค โดยมีประเด็นที่เรียกเสียงฮือฮา หลังนายมิ่งขวัญระบุว่า พล.อ.ประวิตรจะพิจารณาให้เป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกฯ เพื่อมาเป็นตัวแทนดีเบตในการเลือกตั้ง ทำให้เกิดกระแสต้านจากแกนนำพรรคและ ส.ส.หลายคน เท่ากับว่านายมิ่งขวัญเป็นสมาชิกพรรคได้เพียง 22 วันเท่านั้น

ขณะที่ พล.อ.ประวิตร ปฏิเสธตอบคำถามดังกล่าว  และเป็นที่น่าสังเกต พล.อ.ประวิตรมีท่าทีที่อารมณ์ดีและเดินยิ้มแย้ม โดยไม่มีท่าทางหงุดหงิด ทั้งที่ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามประเด็นดังกล่าว แม้กระทั่งตอนนั่งอยู่ในรถก็มีการยักคิ้วและโบกมือบ๊ายบายก่อนรถเคลื่อนออกจากทำเนียบรัฐบาล

นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค พปชร. กล่าวยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง  ไม่ว่าจะเป็นการลาออกที่พรรค พปชร.หรือที่ กกต. นายมิ่งขวัญยังอยู่ช่วยทำงานในพรรค และเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่งได้รับมอบหมายงานจาก พล.อ.ประวิตรไปทำอยู่เลย  และเมื่อวันที่ 27 ธ.ค. ตนยังได้พบปะพูดคุยกับนายมิ่งขวัญเป็นปกติ

นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกรรมการบริหารพรรค พปชร.และแกนนำกลุ่มสามมิตร กล่าวถึงจุดยืนทางการเมืองส่วนตัวและกลุ่มสามมิตรว่า เราเห็นในส่วนการเมืองได้เดินมาเรื่อยๆ  ปัจจุบันนี้ก็ยังเป็นห่วงกังวลในความไม่แน่นอนทางการเมืองของหลายฝ่าย และจากที่ได้ทำงานการเมืองมาเป็นเวลานาน มีเพื่อนพี่น้องในหลายส่วน ก็ต้องคำนึงถึงหลายอย่าง ไม่ใช่คำนึงถึงตัวเองเท่านั้น การตัดสินใจทางการเมืองต้องมีไทม์ไลน์ เน้นบริบทความเหมาะสมทางการเมืองช่วงปลายวาระรัฐบาล ตนมีคนที่เคารพรักอยู่ ต้องคิดพอสมควร

เมื่อถามว่า จะไม่มีการพลิกขั้วทางการเมืองไปอยู่กับฝ่ายค้านหรือพรรคเพื่อไทยใช่หรือไม่ นายอนุชาระบุว่า  ตอนนี้มีแต่ฝั่งนี้ ส่วนในอนาคตก็ว่ากันอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งอนาคตตนยังไม่รู้เลยว่าใครจะเป็นอย่างไร และตอนนี้พวกเรายังไม่รู้เลยว่าอะไรคือ 100%

ส่วนการตัดสินใจจะคิดคนเดียวหรือคิดร่วมกับกลุ่มสามมิตรคือ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรมนั้น นายอนุชากล่าวว่า ตนสามารถตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง ไม่จำเป็นต้องเป็นเงื่อนไขว่าไปด้วยกันทั้งหมด รวมถึงไม่จำเป็นว่าการตัดสินใจต้องก่อนวันที่ 7 ก.พ.66 ยอมรับว่าการตัดสินใจยากจริงๆ ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ยังไม่ได้ชักชวนตนให้ไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ

'อนุทิน' ป้อง ส.ส.ย้ายค่าย

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงพรรคภูมิใจไทยในช่วงปีหน้าจะมีนักการเมืองทยอยมาเข้าร่วม มากกว่าคราวเปิดรับสมัครสมาชิกเมื่อวันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมาหรือไม่ว่า ทุกอย่างเกิดขึ้นได้หมด ถ้าการเมืองมันถึงคราวเปลี่ยนวาระ หรือทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง  แล้วปี 2566 ถ้าคนจะวิ่งเข้าพรรคภูมิใจไทยมันแตกต่างจากอดีตตรงไหน ถือเป็นเรื่องปกติ พรรคภูมิใจไทยมีทั้งคนเข้าและออก ทำไมตรงนี้ไม่มองว่าเป็นงูเห่าหรือพลังดูดบ้างล่ะ แต่พอมีคนเข้ามาพรรคภูมิใจไทยเป็นเรื่องเลย

"ใครจะมาใครจะไปเรายินดีหมด เราไม่มีการไล่ส่ง ไม่แดกดัน ไม่ด้อยค่า หรือไปดูถูกพรรคที่ไปสังกัด ไม่วิเคราะห์ว่าเขาจะได้หรือตก เพราะเขาเลือกทางเดินแล้ว  คนมีน้ำใจนักกีฬาก็ต้องบอกว่าขอให้ไปดี ให้สำเร็จ มีตำแหน่งแห่งหน ทำไมต้องมานั่งด่าเขา สาปแช่งเขา ไม่มีประโยชน์เลย การที่เราไปด่าเขาก็เท่ากับว่าไปด่าประชาชนที่สนับสนุนเขา แล้วเป็นผู้แทนฯ เป็นนักการเมือง เป็นรัฐมนตรี คุณด่าประชาชนได้หรือไม่ มันสมควรทำหรือไม่”

หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยกล่าวว่า ในอดีตพรรคภูมิใจไทยยิ่งเล่นการเมืองเพื่อนยิ่งหาย คนที่เคยรักนับถือต้องอยู่คนละข้าง เมินใส่กัน ทั้งที่ไม่มีเรื่องโกรธเคืองเลย เราจะทำให้ความสัมพันธ์ที่เล่นการเมืองกันมามันหายไปหมดเลยหรือ มันได้อะไรขึ้นมา อายุก็มากขึ้น แก่ตัวขึ้น แล้วยังจะมาทะเลาะกันอีกเพื่ออะไร คำว่าเนรคุณไม่สมควรใช้ในทางการเมืองเพื่อโจมตีกัน ขอถามว่าไปเอาเงินเขามาหรือไม่  พูดตรงๆ คือเป็น ส.ส.ประชาชนเลือกเขามา เมื่อเข้ามาในสภาแล้วเลือกหัวหน้าพรรคของตัวเองเป็นนายกฯ ก็ตอบแทนกันแล้วจบแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวันชัย เจริญนนทสิทธิ์ ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย ได้ยื่นหนังสือลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทยต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อเวลา 13.40 น. วันที่ 28 ธ.ค. โดยมีรายงานว่านายวันชัยเตรียมสมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย เพื่อขอลงระบบเขต จ.นนทบุรีต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีการแจ้งกำหนดการกับสื่อมวลชนเพื่อขอเชิญไปร่วมทำข่าวการหารือระหว่างพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) กับพรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) ที่ร้านอาหาร Corner สุขุมวิท 26 ในวันที่ 29 ธ.ค. เวลา  10.00 น. โดยในการหารือดังกล่าวมีแกนนำคนสำคัญของทั้งสองพรรคเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง ประกอบด้วย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรค ทสท., นายสมคิด  จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรค สอท., นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค สอท., นายโภคิน พลกุล ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนประเทศ ทสท., นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค สอท. อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวมาตลอดว่าทั้งสองพรรคมีการเจรจาเพื่อควบรวมพรรคกัน แต่ติดเงื่อนไขในรายละเอียดต่างๆ จนยืดเยื้อ  กระทั่งเจรจาลงตัวแล้ว

ที่ทำการพรรคสร้างอนาคตไทย นายวัชระ กรรณิการ์  รองเลขาธิการพรรค สอท. และประธานยุทธศาสตร์ภาคกลาง เป็นประธานการประชุมผู้แสดงเจตจำนงเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภาคกลาง โดยนายวัชระกล่าวว่า พรรคสร้างอนาคตไทยเปรียบเสมือนชายหนุ่มรูปงามที่จบปริญญาเอก  มีความรู้ดี ทรงดี มีฐานะพออยู่พอกิน พอเลี้ยงตัวและคนในครอบครัวได้ ไม่ได้ร่ำรวยมหาศาล ไม่ใช่ลูกเสี่ยหรือลูกเจ้าสัวมาตั้งแต่เกิดที่มีเงินมหาศาล ส่วนเรื่องการควบรวมพรรคก็เหมือนการหาเจ้าสาวมาร่วมชีวิต ที่ต้องหาคนดีๆ  เคมีเข้ากันได้เพื่อจะส่งเสริมซึ่งกันและกัน

ฝ่ายค้านโหนสื่อยื่นซักฟอก

ที่รัฐสภา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์  ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกล พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อและเลขาธิการพรรคประชาชาติ นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อชาติ  พร้อมด้วย ส.ส.พรรคร่วมฝ่ายค้าน ร่วมกันยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีโดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้รับญัตติ โดย นพ.ชลน่านกล่าวว่า เป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญตามมาตรา 152 ภายใต้ยุทธการ “ถอดหน้ากากคนดี” เนื้อหาที่จะอภิปรายจะชี้ให้เห็นถึงการบริหารงานราชการแผ่นดินที่บกพร่อง ไม่ได้ทำตามคำแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ครอบคลุมทุกมิติทั้งด้านการเมือง สังคม เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม เป็นต้น 

 “ตามที่สื่อมวลชนมอบฉายาให้รัฐบาลหน้ากากคนดี  ฝ่ายค้านจะขอกระชากหน้ากาก อภิปรายเจาะลึกทุกประเด็นให้เห็นว่า ภายใต้หน้ากากคนดีที่อยู่มา 8 ปี เนื้อแท้ของคนดีที่เข้ามาทำหน้าที่บริหารบ้านเมืองเป็นอย่างไร  ถือเป็นปีสุดท้ายของรัฐบาลก่อนการเลือกตั้งใหญ่ปีหน้า  การอภิปรายครั้งนี้ ส.ส.ลงมติไม่ได้ แต่ประชาชนจะได้ร่วมตรวจสอบ ได้ดูว่าคนดีนั้นแท้จริงแล้วเป็นอย่างไร เพื่อจะได้นำไปตัดสินใจในการเลือกตั้งปี 2566” นพ.ชลน่านกล่าว 

เมื่อถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่ามีการละเว้น พล.อ.ประวิตร นพ.ชลน่านกล่าวว่า เนื้อหาในญัตติเขียนครอบคลุมถึงหน้าที่ความรับผิดชอบรองนายกฯ ท่านนี้อยู่ด้วย มีอยู่ในกรอบของญัตติ เราพูดในนามคณะรัฐมนตรี เป้าหมายหลักอยู่ที่คณะรัฐมนตรี ซึ่งเป็นความรับผิดชอบร่วมตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 164

 “การอภิปรายครั้งนี้พุ่งเป้าไปที่ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นจำเลยหมายเลข 1 พรรคร่วมฝ่ายค้านไม่อยากเป็นเครื่องซักล้างให้ใคร แต่มีความจำเป็นต้องล้างสิ่งที่แปดเปื้อนออก ที่แปดเปื้อนในระบบรัฐสภาแปดเปื้อนในระบอบประชาธิปไตย แปดเปื้อนโอกาสของประชาชน เราต้องซักล้างให้ได้” นพ.ชลน่านกล่าว 

ด้านนายชวนกล่าวว่า ช่วงเวลาการอภิปรายน่าจะหลังจากกลางเดือน ม.ค.66 ไปแล้ว เพราะต้องไปหารือฝ่ายรัฐบาลว่ามีความพร้อมทางเวลาเมื่อไหร่

 นายชุมสาย ศรียาภัย รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย  กล่าวถึงกรณีที่นายสนธิญา สวัสดี ยื่นคำร้องต่อ กกต.เพื่อขอให้ยุบพรรคเพื่อไทย ด้วยสาเหตุที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เดินทางไปพบ ดร.ทักษิณ  ชินวัตร ผู้เป็นบิดาที่ฮ่องกง โดยกล่าวหาว่าเป็นความผิดตาม พ.ร.ป.พรรคการเมือง ว่ายังไม่เห็นคำร้องของนายสนธิญา หากดูประเด็นจากสื่อเห็นว่าไม่มีมูลอันจะเป็นความผิดได้ตามที่กล่าวอ้าง ไม่มีข้อเท็จจริง ไร้แก่นสารสาระ การกระทำดังกล่าวของนายสนธิญาน่าจะเข้าข่ายเป็นการกล่าวหาพรรคการเมือง หรือบุคคลใดว่ากระทำความผิดตาม พ.ร.ป.พรรคการเมืองต่อ กกต.โดยรู้อยู่ว่าเป็นความเท็จ ฝ่ายกฎหมายของพรรคเพื่อไทยจะเข้ายื่น กกต.ให้ตรวจสอบการกระทำของนายสนธิญา ในวันที่ 29 ธ.ค. เวลา 10.00 น. ที่สำนักงาน กกต.

ขณะที่นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ  เขียนข้อความลงทวิตเตอร์ส่วนตัวว่า "ลูกสาวไปเยี่ยม หรือโพสต์ภาพลงโซเชียลคู่กับพ่อ ไม่มีใครบ้องตื้นคิดว่าเป็นการผิดศีลธรรม หรือก่อกวนความสงบเรียบร้อย ของประชาชนหรอกครับ ถ้าจะมองว่าผิด หรือก่อกวนอย่างที่กล่าวอ้าง พวกสุนัขรับใช้ ที่คอยตามเชลียร์ท็อปบูตให้เผด็จการฯ น่าจะผิดชัดเจนกว่าเยอะ".

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง