ไฟเขียว5.9พันล้านจัดเลือกตั้ง

ครม.อนุมัติ 5,945 ล้านบาทให้ กกต. เพื่อจัดการการเลือกตั้ง ส.ส. "วิษณุ” แจงก่อนใช้งบฯ กกต.ต้องคุยอีกรอบ งง ส.ว.ชงแจกเงิน 500 บาทจูงใจคนไปเลือกตั้ง ไม่เห็นที่ไหนเขาทำกัน หวั่นต้องแก้ กม.ใหญ่โตมโหฬาร ขณะที่ภาคเอกชนขอนแก่นขานรับอ้างช่วยลดรายจ่ายกระตุ้นให้คนมาใช้สิทธิ์ “ฝ่ายค้าน” จ่อยื่นผ่าน “ปธ.ชวน” ร้องศาลฟัน “ศักดิ์สยาม” พ้น “รมต.-ส.ส.” เหตุตั้งนอมินีเอื้อประโยชน์ในคมนาคม 

เมื่อวันอังคาร นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติหลักการให้สำนักงานคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) จำนวน 5,945,161,000 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการควบคุมและการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นการเลือกตั้งทั่วไป เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ แบ่งเป็นค่าใช้จ่าย ดังนี้ 1.รายการค่าใช้จ่ายในการควบคุมและจัดการเลือกตั้ง ส.ส. ที่ดำเนินการโดยสำนักงาน กกต. จำนวน 5,104,546,750 บาท อาทิ ภารกิจในการจัดการเลือกตั้ง ส.ส. ภารกิจเตรียมความพร้อมบุคลากร วิทยากร และเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้ง ส.ส.ทุกระดับ         รวมทั้งภารกิจจัดการเลือกตั้งกรณี กกต.สั่งให้มีการลงคะแนน/เลือกตั้งใหม่/ แทนตำแหน่งที่ว่าง

2.รายการค่าใช้จ่ายในการควบคุมและจัดการเลือกตั้ง ส.ส. ดำเนินการโดยหน่วยงานสนับสนุน ทั้งราชการและรัฐวิสาหกิจ รวม 10 หน่วยงาน วงเงิน  840,614,250 บาท อาทิ ภารกิจสนับสนุนการควบคุมและการจัดการเลือกตั้ง ส.ส.นอกราชอาณาจักร โดยกระทรวงการต่างประเทศ ภารกิจการรักษาความสงบเรียบร้อยโดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  ภารกิจสนับสนุนการรณรงค์เผยแพร่ความรู้การเลือกตั้ง โดยกระทรวงศึกษาธิการ ภารกิจขนส่งบัตรเลือกตั้งและวัสดุอุปกรณ์การเลือกตั้ง หนังสือแจ้งเจ้าบ้านและอื่นๆ โดยบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เป็นต้น

นายอนุชากล่าวด้วยว่า เนื่องจากอายุของสภาผู้แทนราษฎร จะสิ้นสุดลงในวันที่ 23 มีนาคม 2566 ซึ่ง กกต.ต้องจัดให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.เป็นการเลือกตั้งทั่วไปภายใน 45 วัน นับแต่วันที่สภาผู้แทนราษฎรสิ้นอายุ

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวถึงกรณี กกต.ขอรับการสนับสนุนงบประมาณปีงบประมาณ 2567 เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้ง ส.ส. ว่าเป็นระเบียบปกติขององค์กรอิสระ ในการของบประมาณผูกพันเกิน 1 ปี และงบประมาณเกิน 1,000 ล้านบาทในช่วงนี้ การของบประมาณครั้งนี้ของ กกต. ไม่มีนัยทางการเมือง เป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องขอผูกพัน หากมีการเลือกตั้งใช้เท่าไหร่ก็เท่านั้น ซึ่ง กกต.ขอมาประมาณ 6,000 ล้านบาท หากเหลือก็จะเก็บไว้ โดย กกต.ได้แจกแจงรายละเอียดทั้งหมดมาแล้ว ส่วนการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นจะใช้ครบทั้ง 6,000 ล้านเลยหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ เพราะได้ทำความเข้าใจไว้แล้วว่าเมื่อถึงเวลาจะใช้ก็ต้องมาพูดกันอีกครั้งว่าใช้เท่าไหร่

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณี ส.ว.เสนอความคิดให้เงิน 500 บาทจูงใจประชาชนให้เดินทางไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง นายวิษณุกล่าวว่า  ไม่รู้ตนไม่ทราบขอให้ไปถาม ส.ว. และตนไม่อยากพูด เมื่อถามว่าแนวคิดดังกล่าวสามารถทำได้หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า หากจะทำก็ทำได้ แต่ต้องไปแก้กฎหมายใหญ่โตมโหฬาร เพราะขณะนี้กฎหมายไม่อนุญาต ให้จ่ายเงินสำหรับการเลือกตั้ง แต่รัฐอาจจะจัดให้ได้ แต่ต้องแน่ใจว่าต้องเสมอภาค ที่ ส.ว.พูดเพื่อให้ทำ 2-3 ปีข้างหน้า หมายถึงทุกเรื่องที่ ส.ว.เสนอมา เมื่อถามย้ำว่าแล้วมีโอกาสเป็นไปได้หรือไม่ นายวิษณุตอบว่า ไม่เห็นที่ไหนเขาทำกัน

เมื่อถามว่า ข้อเสนอดังกล่าวเป็นข้อเสนอที่แปลกหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า “คุณก็พูดไป พาดหัวไป แต่อย่ามาเอาคำพูดผม” เมื่อถามอีกว่ามีเสียงวิจารณ์ว่าเหมือนการซื้อเสียง นายวิษณุกล่าวว่า ก็ยังไม่เกิดขึ้น อย่าเพิ่งไปว่าอะไรเขาเลย เขาเสนอทางวิชาการ

นายชาญณรงค์ บุริสตระกูล ประธานหอการค้า จ.ขอนแก่น ให้สัมภาษณ์ถึงการที่ ส.ว.พิจารณาเห็นชอบและผ่านวาระการประชุมว่าด้วยรายงานศึกษาแนวทางการส่งเสริมและการพัฒนาการเลือกตั้งให้สุจริตและเที่ยงธรรม ตามที่คณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา ได้เสนอต่อที่ประชุม ส.ว. ให้รัฐจ่ายค่าเดินทางให้กับผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง คนละ 500 บาท สำหรับการเดินทางไปใช้สิทธิเลือกตั้งทั่วทั้งประเทศ 40 ล้านคน วงเงินใช้จ่าย 20,000 ล้านบาท ว่า เห็นด้วยอย่างมาก เพราะถือเป็นแรงจูงใจที่จะให้ทุกคนไปใช้สิทธิเลือกตั้ง และยังคงสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางได้อย่างมาก

"ปัจจุบันจะเห็นได้ว่าคนส่วนใหญ่มาทำงานที่ต่างจังหวัดและไม่ได้ทำงานที่ภูมิลำเนาหรือในเขตที่ตนเองเลือกตั้ง ดังนั้นในการเลือกตั้งแต่ละครั้ง ต้องเดินทางกลับบ้านไปเลือกตั้งตามทะเบียนบ้านที่มีอยู่ ซึ่งถือเป็นรายจ่ายที่หลายคนกังวล และเป็นรายจ่ายที่หลายคนยอมที่จะเสียสิทธิ์และไม่กลับไปเลือกตั้ง ดังนั้นการที่ ส.ว.มีการเสนอรายงานแนวทางดังกล่าวขึ้น ถือเป็นการมองที่ตรงจุด เพราะจะกระตุ้นให้คนไทยนั้นมาใช้สิทธิเลือกตั้งกันให้มากขึ้น ทั้งยังคงกระตุ้นเศรษฐกิจในด้านต่างๆ โดยรวมในช่วงของการเลือกตั้งได้อย่างมาก เพราะคน 40 ล้านคน ได้รับคนละ 500 บาท จะมีเงินสะพัดกว่า 20,000 ล้านบาทเลยทีเดียว"

นายชาญณรงค์กล่าวอีกว่า สำหรับการจ่ายเงินคนละ 500 บาทนั้น รัฐบาลมีเกณฑ์และแนวทางที่ดำเนินการอยู่แล้ว จากหลายโครงการที่ทำมา ทั้งโครงการคนละครึ่ง, เราเที่ยวด้วยกัน หรือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ อีกทั้ง 40 ล้านคนที่มีสิทธิเลือกตั้ง รัฐบาลมีรายละเอียดของแต่ละบุคคลอยู่แล้ว จึงไม่ใช่เรื่องยากที่รัฐบาลจะพิจารณาการจ่ายเงินดังกล่าวได้ ซึ่งก็ขอให้รัฐบาลได้พิจารณาเรื่องดังกล่าวให้เร็วที่สุด และสามารถมีผลบังคับใช้ที่ทันต่อการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงนี้

ที่รัฐสภา มีรายงานว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านได้มีมติเสนอคำร้องผ่านนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เรื่อง ขอให้ส่งคำร้องไปยังประธานศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยว่าความเป็นรัฐมนตรีและสมาชิกภาพความเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม และ ส.ส. สิ้นสุดลง และให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง  ข้อหาที่หยิบยกมานั้น จะเป็นกรณีการใช้นอมินีในการถือหุ้น โดยก่อนหน้านี้นายศักดิ์สยามถือหุ้นในบริษัทรับเหมาก่อสร้างแห่งหนึ่ง อยู่มาวันหนึ่งลาออกจากผู้ถือหุ้น แล้วให้พนักงานเป็นผู้ถือหุ้นแทน แต่โดยพฤตินัยนายศักดิ์สยามคือเจ้าของบริษัทตัวจริง ซึ่งพนักงานรายนี้ไม่มีศักยภาพในการถือหุ้น ขณะเดียวกัน บริษัทแห่งนี้รับงานภายในกระทรวงคมนาคม เข้าข่ายเอื้อผลประโยชน์ต่อบริษัทดังกล่าวทั้งที่นายศักดิ์สยามก็เป็นรัฐมนตรีในกระทรวงนี้

ทั้งนี้ นายศักดิ์สยามมีความผิดตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรค 2 ในการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา หรือคณะกรรมาธิการ การเสนอการแปรญัตติหรือการกระทำด้วยประการใดๆ ที่มีผลให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา หรือกรรมาธิการมีส่วนไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่าย จะกระทำมิได้

นอกจากนี้ ยังได้อ้างอิงความผิดตามกฎหมายประมวลแพ่งและพาณิชย์มาตรา 154 การแสดงเจตนาใดแม้ในใจจริงผู้แสดงจะมิได้เจตนาให้ตนต้องผูกพันตามที่ได้แสดงออกมาก็ตามหาเป็นมูลเหตุให้การแสดงเจตนานั้นเป็นโมฆะ ไม่ เว้นแต่คู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งจะได้รู้ถึงเจตนาอันซ่อนอยู่ในใจของผู้แสดงนั้น และมาตรา 155 การแสดงเจตนาลวงโดยสมรู้กับคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งเป็นโมฆะ แต่จะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้บุคคลภายนอกผู้กระทำการโดยสุจริตและต้องเสียหายจากการแสดงเจตนาลวงนั้นมิได้

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้พรรคร่วมฝ่ายค้านได้รวบรวมรายชื่อ ส.ส.ครบแล้ว คาดว่าพรรคจะยื่นต่อประธานสภาฯ ในวันที่ 25 ม.ค..

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เครือข่ายประชาสังคมฯ ยื่นหนังสือจี้ถก 'กาสิโนคอมเพล็กซ์' ให้รอบด้าน

เครือข่ายประชาสังคมฯ ยื่น กมธ.วิสามัญสถานบันเทิงครบวงจร หวังสภาพิจารณาอย่างรอบด้าน ลั่นคนเสียผลประโยชน์ที่แท้จริงคือ ปชช. ด้าน 'จักรพล' ย้ำ กิดการจ้างงานแน่