โปรดเกล้าฯกม.ลูก ‘ลุงตู่’ แหลงใต้ประกาศอีก 2 ปีประเทศดีขึ้น ลั่นรทสช. อยู่ยาว

            เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2566 นายวิรัช รัตนเศรษฐ  รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ กรณีที่มีข่าวว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรค  จะเปิดตัวนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค ในวันที่ 28 ม.ค. เวลา 15.00 น. ที่พรรค พปชร. หลังจากตกลงกลับมาร่วมงานกับพรรค พปชร.ว่า ล่าสุดได้ข้อสรุปชัดเจนว่า พปชร.จะเปิดตัวนายอุตตมและนายสนธิรัตน์ในวันที่ 30 ม.ค. เวลา 15.00 น. ที่พรรค พปชร. ก่อนงานระดมทุนของพรรคที่จะจัดขึ้นในเย็นวันเดียวกัน เวลา  17.00 น. ที่ รร.เซ็นทาราแกรนด์ บางกอกคอนเวนชัน เซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ ส่วนที่มีข่าวว่าจะเปิดตัวในวันนี้ อาจมีความคลาดเคลื่อนในการสื่อสารเท่านั้น

            ด้านนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ว่า ยังไม่รู้ว่าใครดีลกับใครบ้าง แต่สิ่งที่ตนยืนยันมาโดยตลอดคือ พรรคการเมืองอย่าง พปชร.ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็ดี  หรือรวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ของ พล.อ.ประยุทธ์ก็ดี  ทั้งสองคนนี้มีต้นธารมาจากการยึดอำนาจ พวกเขาสร้างพรรคการเมืองเพื่อสืบทอดอำนาจ และเป็นพรรคของทหารอย่างชัดเจน ดังนั้นใครก็ตามที่เข้าไปเกี่ยวดองหนองยุ่ง จะต้องระมัดระวังให้ดี เพราะในท้ายที่สุดประชาชนจะไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.ประวิตร สิ่งที่ประชาชนอยากเห็นคือ อนาคตใหม่ของประเทศไทยที่ไม่อยู่ภายใต้ร่วมเงาของแก๊ง 3 ป.อีกต่อไป

            วันเดียวกันนี้ ที่วัดสาวสุวรรณาราม ต.เวียงคุก อ.เมืองหนองคาย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย  พร้อมด้วย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย พร้อมด้วยแกนนำพรรค อาทิ นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพมหานคร และ ส.ส.ในพื้นที่ อาทิ นายเอกธนัช อินทร์รอด, นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ และ น.ส.ชนก จันทาทอง รวมถึง ส.ส.พรรคเพื่อไทยพื้นที่ใกล้เคียง  ต่างแวะซื้ออาหารเช้าในพื้นที่ เช่น ข้าวจี่ หมูปิ้ง ไก่ย่าง  พร้อมพูดคุยกับแม่ค้า โดย น.ส.แพทองธารได้ทดลองกินข้าวจี่ พร้อมระบุว่าอร่อยมาก และได้ป้อนให้นายปิฎก สุขสวัสดิ์ สามีด้วย จากนั้น น.ส.แพทองธารได้ร่วมถ่ายรูปกับบรรดาแม่ค้าอย่างเป็นกันเอง โดยช่วงหนึ่งแม่ค้าที่ขายของ พูดกับ น.ส.แพทองธารว่า "โดนลูกน้องหักเหลี่ยมโหดมาหรือ" น.ส.แพทองธารหัวเราะพร้อมกล่าวว่า "ไม่เป็นไร ปล่อยเขาไป"

            จากนั้นเวลา 09.15 น. น.ส.แพทองธารและคณะเดินทางไปถึงเวทีปราศรัย ที่ลานเทศบาลตำบลท่าบ่อ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย มีประชาชนมารอฟังคำปราศรัยจำนวนมากจนเต็มพื้นที่ โดยทันทีที่ น.ส.แพทองธารเดินทางมาถึง ประชาชนต่างลุกขึ้นโบกมือให้และพร้อมใจกันมอบดอกไม้อย่างอบอุ่น

            โดยนายเอกธนัชปราศรัยย้ำกับประชาชนว่า การเลือกตั้งครั้งต่อไปขอให้เลือกพรรคเพื่อไทยทั้งสองใบ ให้เราได้เข้าไปทำงานแก้ปัญหาให้ประชาชน ด้านนายกฤษฎากล่าวว่า หากพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลต่อเนื่อง รถไฟความเร็วสูงคงเสร็จ และได้ต่อกับรถไฟที่มาจากจีนและประเทศลาวแล้ว และในอนาคตหากเราได้เป็นรัฐบาล  มั่นใจว่าจะสามารถทำให้สินค้าการเกษตรดีขึ้นแน่นอน 

รวยแน่ถ้าเพื่อไทยเป็นรัฐบาล

            นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน ปราศรัยว่า  8 ปีของรัฐบาลประยุทธ์ ทำให้พี่น้องประชาชนเป็นหนี้  สินค้าราคาเกษตรตกทุกตัว ค่าไฟ แก๊ส ปุ๋ยแพง แต่ราคาข้าวกลับถูกลง ถ้าเพื่อไทยเป็นรัฐบาลจะไม่ใช่แค่พักหนี้  พักเงินต้น พักดอก แต่จะเดินหน้าล้างหนี้ให้ เราจะลดรายจ่ายให้ประชาชน อันไหนรัฐช่วยได้ เช่น น้ำ ไฟ แก๊ส จะช่วย พอลดลงแล้วสินค้าตัวอื่นจะเริ่มลดราคาลง ตอนนี้ประชาชนลำบาก เราจะลดรายจ่ายลงทุกตัวภายในปี 2570 ค่าแรง 600 บาทต่อวันแน่นอน เปลี่ยนเบี้ยยังชีพผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ให้เป็นบำนาญเดือนละ 3,000 บาท นอกจากนี้เพื่อไทยจะขอปราบยาเสพติดให้สิ้นซาก  เราจะขอลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ เติมบำนาญ เพิ่มสวัสดิการ ทั้งหมดจะทำได้ต้องช่วยกันเลือกเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์อย่างเดียว

            ส่วนนายอดิศร เพียงเกษ สมาชิกพรรคเพื่อไทยและแกนนำคนเสื้อแดงกล่าวว่า ไม่มีนายกฯ คนใดที่คนเกลียดเท่าประยุทธ์ จันทร์โอชา ประเทศหยุดอยู่เมื่อมีรัฐประหาร  วันนี้ไม่ได้มาปลุกระดม แต่มายุยงให้ชนะ คนจะมาเป็นนายกฯ ได้คือ อุ๊งอิ๊ง นอกจากได้นายกฯ แล้วยังแถมลูกในท้องด้วย ตอนนี้ยาบ้าก็เต็มบ้านเมือง ยังจะเอากัญชามาอีกหรือ ตอนนี้หมดเวลาทหาร เป็นเวลาของประชาธิปไตย

            นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ปราศรัยว่า พี่น้องหนองคายแลนด์สไลด์ต้องยกจังหวัด กาบัตรสองใบเพื่อไทยเท่านั้น หนองคายมีต้นทุนของพื้นที่ ต้นทุนผู้คนที่ดีที่สุด หนองคายควรเป็นจังหวัดปกครองตนเอง  กทม.เลือกตั้งผู้ว่าฯ ได้ หนองคายก็ต้องทำได้ มีศักยภาพพร้อม ถ้าเราไม่แลนด์สไลด์ นโยบายดีๆ สิ่งดีๆ ก็จะไม่เกิดขึ้น เพื่อไทยต้องแลนด์สไลด์ได้ ส.ส.ทั้งสามเขตเท่านั้น  ส.ส.ของเราทุกคนมีความรู้ความสามารถ

            "ถ้าไม่แลนด์สไลด์ พล.อ.ประยุทธ์จะกลับมาเป็นรัฐบาล ถ้าแลนด์สไลด์จะไม่มีใครแย่งเราจัดตั้งรัฐบาล  พรรคเพื่อไทยจะเป็นรัฐบาลของประชาชน แคนดิเดตนายกฯ พรรคไม่ประกาศ เพราะคนประกาศคือประชาชน เราจะไม่จับมือกับพรรคใด ไม่จับมือกับพรรคพลังประชารัฐหรือพรรคที่มาจากเผด็จการ จะจับมือกับประชาชนอย่างเดียว" นพ.ชลน่านกล่าว

            ขณะที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ปราศรัยว่า หนองคายมีหลายอำเภอติดฝั่งโขง  อีกฝั่งเป็นลาว ทำมาค้าขายชายแดน แต่รัฐบาลไม่คิดจะเปิดตัว ส.ส.อย่างเดียว เดี๋ยวนี้ประวิตร ประยุทธ์หันมาเอาเคล็ด ประวิตรจะไปเปิดปราศรัยกรุงเทพฯ ที่เขต ป้อมปราบศัตรูพ่าย ประยุทธ์ก็คิดจะชนะ จะไปปราศรัยที่ ชนะสงคราม เราไม่ต้องไปป้อมปราบศัตรูพ่ายหรือชนะสงคราม  ให้มาหนองคาย ให้ชาวบ้านถีบลงโขง แต่ไม่ใช้ความรุนแรง ใช้เพียงปากกาเข้าคูหากาเพื่อไทยเท่านั้น

            "พอคนไปถามประยุทธ์เรื่องทักษิณ กลับบอกว่าอย่าถามถึง ไม่ชอบคนคนนี้ พี่น้องถ้าประยุทธ์มาหาเสียงหนองคาย ไม่ต้องไปด่า ไปปาไข่ ถ้าประยุทธ์เดินมาหาบอกแค่ทักษิณๆ คิดว่าน่าจะอกแตกตาย คนมันขาดสติ ไม่มีปัญญาแก้ปัญหา แต่ริษยาคนทำเป็น พรรคอื่นเสนอนายกฯ คนเดียวหรือสามคน แต่เราเสนอ 4 คน รวมคนในท้องอุ๊งอิ๊งด้วย เราเหนือกว่า เราจะส่งรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ ครบแน่นอน แต่หนึ่งในนั้นที่จะเป็นนายกฯ น่าจะอยู่แถวๆ นี้แน่นอน มีคนปั่นกระแสเพื่อไทยจะจับมือกับประวิตรหรือพลังประชารัฐ เราไม่จับมือเผด็จการแน่นอน ขอให้เลือกเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์" นายณัฐวุฒิกล่าว

'อุ๊งอิ๊ง' ท่องคาถาแลนด์สไลด์

            ต่อมา น.ส.แพทองธารปราศรัยว่า "พ่อใหญ่ทักษิณ  อายิ่งลักษณ์ จำได้บ่ คุณพ่อฝากความคิดถึงชาวหนองคาย  วันนี้ไม่ได้มาด้วย ต้อนรับคนหน้าเหมือนก่อน ถ้าไม่รัฐประหาร เรามีรถไฟความเร็วสูง ถ้าเพื่อไทยมาจะช่วยพี่น้องล้างหนี้ ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาสให้พี่น้อง ช่วยเหลือเกษตรกร ขออาสานำสินค้าเกษตรไปขาย ข้าราชการก็จะเงินเดือนเพิ่มแน่นอน วันนี้ยาเสพติดมากมาย  ลูกหลานติดยา เพื่อไทยมายาเสพติดต้องหมดไป สินค้าเกษตรขึ้นทุกตัว เราต้องกำหนดชีวิตของเราได้ โดยการเลือกตั้งที่จะมาถึง ต้องเลือกรัฐบาลที่จะมาดูแลเราให้ได้  ขอฝากเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์ เลือกทั้งคนทั้งพรรค"

            นอกจากนี้ น.ส.แพทองธารยังให้สัมภาษณ์ถึงการรวมพรรค ระหว่างพลังประชารัฐกับแกนนำพรรคสร้างอนาคตไทยว่า ถือเป็นเกมการเมือง พรรคเพื่อไทยเอานโยบายแลกความไว้ใจประชาชน เราตั้งใจจริงๆ เราโดนยุบแล้วลุกขึ้นมาใหม่ เราก็ตั้งใจแก้ปัญหาปากท้องประชาชน ถือเป็นจุดประสงค์หลัก เราทำพรรคให้แข็งแรงแล้วสื่อสารสิ่งที่อยากทำให้ประชาชน

            เมื่อถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ  เหมือนแยกกันเดินร่วมกันตี ท้ายที่สุดพรรคเพื่อไทยจะวัดพลังด้วยได้หรือไม่ น.ส.แพทองธารตอบว่า เป็นหน้าที่ของประชาชนตัดสินว่าพรรคเพื่อไทยจะมีแรงพอหรือไม่ในการต่อสู้ทางการเมือง ไม่ได้สนใจว่าเขาจะรวมหรือไม่อย่างไร  ทำของเราให้ดีที่สุด

            ซักว่า หลังการเลือกตั้งพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล จะจับมือกันต่อไปหรือไม่ หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยตอบว่า พรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน และเชื่อว่าเราเป็นพรรคฝ่ายประชาธิปไตยเหมือนกัน  ดังนั้นการจับมืออะไรเป็นเรื่องของอนาคต ตนไม่ทราบจริงๆ

            ที่อาคารอุทยานการเรียนรู้ป๋วย 100 ปี มธ.รังสิต  นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีการประชุมใหญ่สามัญประจำปีว่า  เป็นการประชุมสามอย่างเพื่อเข้าสู่โหมดการเลือกตั้ง อย่างแรกคือ การเตรียมข้อบังคับให้เข้ากับกฎหมายใหม่ เตรียมองคาพยพ โครงสร้างของแต่ละจังหวัด และเป็นการเปิดตัวแอปพลิเคชัน “ก้าวไกลทูเดย์” พร้อมเปิดตัวยุทธศาสตร์  ให้ประชาชนกาก้าวไกล ให้ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต ตนคิดว่าประเทศไทยเศรษฐกิจโต แต่ต้องลดความเหลื่อมล้ำไปด้วย จะเอาปัญหาในประเทศไทยมาสร้างเป็นโอกาส สร้างเป็นอุตสาหกรรม เป็นงาน ตนจะเป็นนายกรัฐมนตรีที่เมื่อปัญหามาปัญญามี ปัญหามีไว้ให้แก้ไม่ได้มีไว้ให้กลุ้ม และไม่ได้มีไว้ให้ดองเหมือนเดิมๆ ซึ่งทั้งหมดจะเกิดได้ประชาชนต้องปิดสวิตช์ 3 ป.เพื่อเปิดความหวังให้ประเทศ

            ส่วนที่มีการพูดว่า พรรคก้าวไกลเป็นพรรคเอ็กซ์ตรีม นายพิธากล่าวยืนยันว่า สิ่งที่พรรคก้าวไกลกำลังทำอยู่เป็นเรื่องปกติ แต่ต้องยอมรับว่าสถานการณ์โลกตอนนี้สุดโต่งมาก เพราะฉะนั้นเราต้องการองคาพยพของรัฐ ที่พร้อม จะสามารถคืนสามัญสำนึกให้การเมืองไทยให้ได้ก่อน เพื่อจะให้มีรัฐบาลที่พร้อมต่อสู้กับความท้าทายที่สุดโต่งของโลกในปัจจุบัน

ปิดสวิตช์ 3 .

            "การที่การเมืองไทยเศรษฐกิจไทย ยังย่ำอยู่กับที่เหมือนเดิม บริหารด้วยระบบราชการแบบรวมศูนย์เหมือน 130 ปีที่แล้ว ตรงนี้ต่างหากที่เป็นสุดโต่ง และเป็นความเสี่ยงที่มากที่สุดของประชาชน ที่จะเลือกพรรคการเมือง นักการเมืองแบบเดิมๆ แล้วคาดว่าจะได้รับผลใหม่ๆ นี่ต่างหากเป็นเรื่องที่สุดโต่ง" นายพิธากล่าว

            ส่วนคำว่าประชาธิปไตยที่เหมาะสมนั้น นายพิธา กล่าวว่า ประชาชนจะเป็นคนตอบได้ดี สำหรับก้าวไกล คำว่าประชาธิปไตยไม่ได้มีแค่การเลือกตั้งอย่างเดียว แต่เป็นการที่ยึดโยงกับประชาชน การเมืองที่ประชาชนเป็นใหญ่  ไม่ต้องมานั่งคิดว่าพลังของลากตั้งหรือเลือกตั้งมากกว่ากัน  การเลือกตั้งสู้กันด้วยนโยบาย สู้กันด้วยผู้สมัคร ไม่มีการรัฐประหารทุก 5 ปี ไม่มีการยุบพรรคเมื่อใกล้จะแพ้การเลือกตั้ง นี่คือสิ่งที่พรรคก้าวไกลมองว่าเป็นประชาธิปไตย การที่ประชาชนจะมาควบคุมวาระทางสังคม มีสิทธิเสรีภาพ ชุมนุมกันอย่างสงบ ไม่มีกฎหมายกดขี่ ใครจะมองเหมาะสมไม่เหมาะสมประชาชนเป็นคนเลือก

            พร้อมกันนี้ นายพิธายังกล่าวถึงกระแสการดีลกันระหว่างพรรคพลังประชารัฐกับพรรคสร้างอนาคตไทยว่า  เป็นเรื่องที่ดีที่พรรคการเมืองแต่ละพรรคมีการพูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมา โปร่งใสกับประชาชน ในส่วนของพรรคก้าวไกลยืนยันชัดเจนว่า ต้องการจะปิดสวิตช์ 3 ป. เอาพรรค คสช.ออกจากการเมืองไทย เพราะฉะนั้นพรรคก้าวไกลจะไม่ร่วมรัฐบาลกับทั้งพรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติ และตนยืนยันว่าขั้วพรรคฝ่ายค้านปัจจุบัน เป็นชุดคำตอบที่ดีที่สุดของความท้าทายในประเทศไทยตอนนี้

            ที่หอประชุมมหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล อ.เมืองนครราชสีมา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์  พร้อมผู้บริหารของพรรค อาทิ นายนิพนธ์ บุญญามณี,  นายไชยยศ จิรเมธากร รองหัวหน้าพรรค คุณหญิงกัลยา  โสภณพนิช รมช.ศึกษาธิการ นายสุทัศน์ เงินหมื่น ส.ส. บัญชีรายชื่อ นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรค ร่วมงาน “รวมพลัง ประชาธิปัตย์” เพื่อเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

            นายจุรินทร์ให้สัมภาษณ์ว่า การเปิดตัวผู้สมัครในภาคอีสานวันนี้มีความพร้อม โดยจะเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.ภาคอีสาน จำนวนทั้งหมด 99 เขตเลือกตั้ง จาก 132 เขต ไม่รวมบัญชีรายชื่อที่พรรคจะประกาศในโอกาสต่อไป แต่สำหรับบัญชีรายชื่อนั้น จะมีผู้ที่มีศักยภาพในภาคอีสานเข้าร่วมด้วย ส่วนผู้สมัครเขตที่เหลืออีก 33 เขต จะรอการแบ่งเขตที่มีความชัดเจนก่อน โดยทั่วประเทศพรรคจะส่งครบทั้ง 400 เขต บวกบัญชีรายชื่อ 100 คน ส่งครบทั้ง 500 คน

            เขากล่าวว่า อีสานเชื่อมโลกเป็นวิสัยทัศน์ประชาธิปัตย์ ที่จะขับเคลื่อนอีสานไปสู่ความร่ำรวยต่อไปในอนาคต เพราะวันนี้ถึงเวลาที่จำเป็นต้องพาภาคอีสานทั้งหมด ไม่ใช่เฉพาะเชื่อมไทย แต่ต้องพาอีสานเชื่อมโลก ด้วยเส้นทางคมนาคม ด้วยการท่องเที่ยว ด้วยการค้า รวมถึงการค้าชายแดน ซึ่งมีความสำคัญกับอีสานมาก และที่สำคัญคือเชื่อมโลกด้วยซอฟต์เพาเวอร์ ศิลปวัฒนธรรม อัตลักษณ์ของความเป็นอีสาน ที่สามารถขายให้คนทั้งโลกได้ เพื่อสร้างเงิน สร้างอนาคตให้คนอีสานต่อไป ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือวิสัยทัศน์อีสานเชื่อมโลกของประชาธิปัตย์ ที่จะทำให้คนอีสานทั้งหมด นอกจากนโยบายอื่นๆ อีกอย่างน้อย 8  นโยบายที่ได้ประกาศไปแล้ว

เราจะทำอะไรให้คนอีสาน

            “พรรคประชาธิปัตย์เราสู้กับตัวเอง สู้กับความเชื่อมั่นศรัทธาที่เรายึดมั่นตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา และมั่นใจว่าความเชื่อมั่นศรัทธาที่ประชาชนคนอีสาน และคนไทยทั้งประเทศมีต่อประชาธิปัตย์ดีขึ้นเป็นลำดับ ตลอดระยะเวลาหลังการเลือกตั้งที่ผ่านมา ประชาธิปัตย์มีผลงานชัดเจนเป็นรูปธรรมจับต้องได้ รวมทั้งเรามีผลงานที่ทำให้กับคนอีสาน  ไม่ว่าจะเป็นประกันรายได้ จ่ายเงินส่วนต่างให้กับเกษตรกร  ซึ่งพิสูจน์ชัดเจนว่าเราทำได้ไวทำได้จริง และยังมีนโยบายอื่นๆ ที่จะประกาศต่อไปว่าเราจะทำอะไรให้คนอีสานบ้าง”  นายจุรินทร์กล่าว

            เมื่อถามถึงความมั่นใจในภาคใต้ เพราะเป็นพื้นที่เป้าหมายของหลายพรรคการเมือง นายจุรินทร์กล่าวว่า พรรคมีความมั่นใจ ซึ่งประชาธิปัตย์ส่งครบทั้ง 58 เขต และได้เตรียมผู้สมัครไว้ก่อนหน้านี้นานแล้ว โดยจะมีการเปิดตัวในวันที่ 11-12 ก.พ.ทั้ง 58 เขต ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ส่วนวันที่ 29 ม.ค.นี้ จะมีการเปิดตัวผู้สมัครจังหวัดภูเก็ต ทั้ง 3 เขต

            “ภาพรวมในภาคใต้นั้น ผมยังมั่นใจว่าเสียงตอบรับประชาธิปัตย์ดีขึ้น วันนี้กับเมื่อวานก็มีความแตกต่างแล้ว  และผลการเลือกตั้งซ่อมที่ผ่านมา 2-3 ครั้ง ประชาธิปัตย์ก็ได้รับเสียงตอบรับอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นสงขลา ชุมพร และพื้นที่อื่นๆ เพราะฉะนั้นเรามั่นใจว่าเที่ยวหน้าประชาธิปัตย์ในภาคใต้ดีขึ้น คราวที่แล้วเราได้แค่ 22 แต่เที่ยวนี้ไม่ 22  แล้ว อาจจะเพิ่มขึ้นอีก 1 เท่าตัวก็เป็นไปได้ จากทั้งหมด 58 เขต” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว

            นายจุรินทร์กล่าวอีกว่า พรรคจะเดินหน้าตามแนวทางของเราต่อไป โดยขายอุดมการณ์ ขายผลงาน และขายความตั้งใจจริงที่เรารับใช้พี่น้องคนภาคใต้มายาวนาน รวมทั้งยังมีจุดขายความเป็นสถาบันการเมือง ประชาธิปัตย์ไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ เรามีนโยบายอะไร บอกอะไรกับพี่น้องประชาชน วันข้างหน้าเราต้องมาพบกับประชาชนอีก ไม่ใช่ 2-3 ปี 4 ปี ไปตามตัวไม่เจอแล้ว สำหรับประชาธิปัตย์ไม่เป็นอย่างนั้น ประชาชนฝากผีฝากไข้ในทางการเมืองไว้กับประชาธิปัตย์ได้

            ที่จังหวัดชุมพร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานะสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) พร้อมแกนนำพรรค อาทิ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ในฐานะสมาชิกพรรค นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  ในฐานะสมาชิกพรรค นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในฐานะสมาชิกพรรค และคณะ ได้เปิดเวทีปราศรัยหาเสียงของพรรค ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในการขึ้นเวทีปราศรัยของ พล.อ.ประยุทธ์ในนามสมาชิกพรรค

            นายสุพล จุลใส ส.ส.ชุมพร เปิดเผยว่า การที่ พล.อ.ประยุทธ์มาเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ ถือว่าเป็นการเปิดพื้นที่ภาคใต้เพื่อเดินเกมเต็มตัวของพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่จะเข้ามาทำพื้นที่ในจังหวัดภาคใต้ด้วย เพราะในส่วนของจังหวัดชุมพรได้ส่งผู้สมัคร ส.ส.ลงแข่งทั้ง 3 เขต และมั่นใจว่าประชาชนชาวจังหวัดชุมพรจะให้ความอนุเคราะห์ให้เข้ามาดูแลประชาชนทั้ง 3 เขต

พรรคอื่นเนื้อไม่หอม​

            นายสายัณห์​ ยุติธรรม​ ส.ส.พลังประชารัฐ จังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวถึงการลงพื้นที่ปราศรัยใหญ่ของ พล.อ.ประยุทธ์ว่า ถือเป็นสัญญาณที่ดี ซึ่งระหว่างทางก็จะเห็นภาพนายกรัฐมนตรี ผู้สมัคร ส.ส.ในพื้นที่ ลองดูแล้วมีบารมี มีราศี ที่จะได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป และการเมืองได้เริ่มต้นแล้วใน 14 จังหวัดภาคใต้ และมั่นใจว่าหลังจากนี้นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปพบกับประชาชนทุกจังหวัดในพื้นที่ภาคใต้​ ซึ่งในส่วนของจังหวัดนครศรีธรรมราช นายกรัฐมนตรีก็จะเดินทางไปพบปะกับประชาชนเช่นเดียวกันในเดือนกุมภาพันธ์​ เพื่อติดตามโครงการแผนงานในพื้นที่

            เมื่อถามว่า พื้นที่ภาคใต้เนื้อหอมมีหลายพรรคการเมืองเตรียมประกาศปักหมุด​ นายสายัณห์​ตอบว่า​ ตนบอกว่าพื้นที่ภาคใต้เนื้อหอมเฉพาะพรรครวมไทยสร้างชาติ​  พรรคอื่นเนื้อไม่หอม​ ขอให้คอยดูผลเลือกตั้งออกมา​ ทั้งนี้ ที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตนไม่รู้พื้นที่จังหวัดชายแดนใต้​  แต่​ 10 จังหวัดใต้​เป็นของรวมไทยสร้างชาติ​ เพราะตั้งแต่นายกฯ เป็นนายกฯ มา 8 ปี ก็มีโครงการรัฐบาลใหญ่ๆ ลงไปเป็นหน้าเป็นตาให้กลับคืนภาคใต้

            ที่ลานหน้าเทศบาลจังหวัดชุมพร พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานะ ประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์ พรรครวมไทยสร้างชาติ ขึ้นเวทีปราศรัยโดยกล่าวเป็นภาษาใต้ว่า "ได้เวลาพูดทักทายพวกเราแล้วนะ รอกันมาตั้งนาน รักลุงตู่บ้างไหม" พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า จังหวัดชุมพรเป็นประตูสู่ภาคใต้ วันนี้ก็มีรถไฟรางคู่มาสู่จังหวัดชุมพร ปีนี้เสร็จแน่นอน และระยะที่สองจากชุมพรไปสงขลาและปาดังเบซาร์ วันนี้อยากจะบอกกับพวกเราว่า หัวใจและร่างกายของนายกฯ อยู่กับประชาชนทุกคน ตลอดเวลาที่ผ่านมานายกฯ ทุ่มเททุกอย่าง หลายคนอาจจะทราบและไม่ทราบ แต่ทำเพื่อพวกเราทุกคน เพื่อคนทั้งประเทศ เพื่อชาวชุมพรและภาคใต้ทั้งหมด

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า และนี่คือคำสัญญาของตน ลูกผู้ชายคนหนึ่งที่จะทำให้คนไทยทั้งชาติดีขึ้น และอีก 2 ปีข้างหน้าทุกอย่างจะต้องดีขึ้นไปอีก วันนี้มาในฐานะนักการเมือง ในฐานะสมาชิกพรรครวมไทยทั้งชาติ ตนรักคนชุมพรทุกช่วงวัย จากเด็ก เยาวชน ผู้ใหญ่ คนชรา แต่ที่ตนเข้ามาทำงานที่นี่ก่อนหน้านี้จนถึงวันนี้ ไม่เคยลืมคำสัญญาที่สัญญากับตัวเองว่าจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เพื่อประชาชนและลูกหลานของเรา ถ้าเราไม่ทำให้ต่อเนื่องมันก็ไปไม่ถึงจุดหมายปลายทางสุดท้าย

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า วันนี้ยืนยันว่าที่อาสาเข้ามาทำตรงนี้ในฐานะสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ เพราะตนเชื่อมั่นในขีดความสามารถของหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค ตลอดจน ส.สทุกคนที่ลงเลือกตั้ง ตนเชื่อว่าเราจะทำการเมืองของเราให้ดีที่สุด หลายปีที่ผ่านมาตนพยายามทำหลายอย่าง ท่านก็เห็นด้วยตา ต้องยอมรับว่าตนทำไปหลายอย่าง มากกว่ารัฐบาลที่ผ่านมาหลายพรรค หลายปีและหลายเท่าด้วยซ้ำ แต่มันยังไม่สิ้นสุด จะต้องอาศัยการทำงานที่สานต่อให้มันดีมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ตนไม่ได้บอกว่าพรรคนี้จะอยู่ 2 ปี ถ้าทำดีก็ให้เขาอยู่ไปหลายๆ ปี ไม่ได้ตั้งมาปีเดียวแล้วเลิกไม่ใช่

"ผมทำงานมาหลายปี ไม่ลืมคำสัญญาว่าจะพลิกโฉมประเทศไทยให้ดีขึ้นให้ได้โดยเร็วภายใน 2 ปี ถ้ามองด้วยความเป็นธรรมไม่ต้องดูที่ตัวผม จะเห็นว่าหลายอย่างมันเกิดขึ้นแล้ว และผมยืนยันว่าจะเป็นคนทำต่อให้ดีที่สุด ถ้ามีโอกาส" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

โปรดเกล้าฯ กม.ลูก 2 ฉบับ

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า วันนี้ตนทำงานด้วยความละเอียดถี่ถ้วนในการกำหนดนโยบายต่างๆ และดูแลทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาคและท้องถิ่น หลายอย่างดีขึ้น ประชาชนพอใจมากยิ่งขึ้น และต้องทำต่อเนื่อง ซึ่งเป็นหน้าที่รัฐบาลต่อไป จะเป็นใครตนไม่ทราบ

"เรากำลังต่อจิกซอว์ของประเทศไทย ชุมพรคือด้ามขวาน ถ้าขวานไม่มีด้ามก็เป็นแค่สากกะเบือเท่านั้นเอง ผมพูดไม่สุภาพนิดนึง แต่นั่นคือความจริง ย้ำว่าผมให้ความสำคัญกับทุกภาค ทุกกลุ่ม วันนี้ผมมาในฐานะนักการเมือง จำเป็นต้องพูดอีกแบบ ผมก็ต้องระวัง ท่านระวังให้ผม ผมระวังให้ท่าน"

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า ในส่วนนโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่จังหวัดชุมพรนี้ก็ได้เหมือนกัน และตนยืนยันว่าจะทำต่อ โครงการคนละครึ่งจะสานต่อถ้าตนได้อยู่ต่อ และทำให้ดีขึ้นกว่าเดิม ตนรู้ว่าทุกคนอดทนกับตนมา  8 ปีแล้ว ฉะนั้นตนคิดว่าถ้าได้อยู่ต่อก็จะทำที่มันยังค้างคาให้เสร็จ และเริ่มต้นของใหม่ไว้ให้รัฐบาลต่อไปและคนใหม่เขาทำ ถ้าเราไม่วางพื้นฐานตรงนี้ มันก็จะกลับมาที่เดิมอยู่อย่างนี้ มันจับต้องไม่ได้ ตนขอไม่ไปว่าใคร จึงอาสาที่จะเป็นผู้นำในเรื่องนี้ ถ้าจะนำพาในสิ่งที่ทุกคนต้องการและอยากได้ ซึ่งจะต้องนำพา 2 อย่างคือ ดูแลผู้มีรายได้น้อย  สร้างเศรษฐกิจใหม่ขึ้นมา ต้องหารายได้เข้าประเทศให้ได้ วันนี้มีการลงทุนจำนวนมากเข้ามาในประเทศ มี 3-4  บริษัทเข้ามา และจะสามารถผลิตรถไฟฟ้าได้ปีละ 1 ล้านคัน ไม่ใช่เอามาประกอบอย่างเดียว ต้องสร้างแบตเตอรี่และประกอบในประเทศไทย ซึ่งจะสร้างงานคนอีกตั้งเท่าไหร่ ต้องใช้แรงงานของเรา ตนจึงอยากให้ทุกคนพัฒนาฝีมือแรงงานของตนเอง ถ้าเราไม่พัฒนาคนไปด้วยกันมันจะยาก ยืนยันว่าตอนนี้ระบบการเงินการคลังของเรายังแข็งแกร่งอยู่ นั่นคือสิ่งที่ประสบความสำเร็จ ถ้าเราไม่ระมัดระวังหรือผลีผลามมันล่มไปแล้ว วันนี้พยุงบางอย่างไว้ได้  บางอย่างก็อาจดีขึ้น จะต้องไม่ผิดพลาด ประเทศต้องไม่ล้มละลายเด็ดขาด

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนมาพูดวันนี้เพราะว่าพูดอย่างคนอื่นเขาไม่ได้ เพราะตนต้องระวัง ความจริงวันนี้เขียนมาเยอะว่าจะพูดอะไร แต่เห็นหน้าแล้วพูดไม่ออก  เพราะทุกคนชื่นชม ตนคิดว่าการเลือกตั้งและการหาเสียงครั้งนี้ไม่ใช่เป็นการเกทับบลัฟแหลกแจกของอะไรเยอะแยะไปหมด เพราะจะทำให้ปัญหากลับมาที่ประเทศ เราต้องจริงใจและเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ใจ ตนพยายามทำอย่างดีที่สุด มันจะมีอะไรเราก็สอบสวนกันไปและลงโทษกันไป  มันเป็นอย่างนี้ ปัญหาหนี้สินนั้นตนแก้ไว้หมดแล้ว แต่ถ้าจะให้ยกเลิกหนี้ไปเลยมันลำบาก เพราะเป็นเงินของธนาคาร เราจึงพยายามหามาตรการเพื่อลดความเดือดร้อนให้ดีที่สุด

"เดี๋ยวจะหาว่าที่ปราศรัยวันนี้เขาหาว่าผมเขียนโพยมาอ่าน ผมเขียนเองทั้งหมด แล้วแต่ทุกคนจะเมตตา จะให้ผมพูดแบบมันๆ คงไม่ได้ ให้ผมพูดผมก็พูดได้ แต่มันต้องมีหลักการและเหตุผล เมื่อกี้เขาสอนผมพูดภาษาใต้ ผมก็งงไปหมด เขาบอกคนใต้เสียงไปทางทองแดง ผมรู้ไม่กี่คำ รักคนใต้จังฮู้ รักชาวชุมพรจังฮู้ อาหารใต้ผมชอบกินแต่เผ็ดมาก ผมรักคนชุมพรนะ เดี๋ยวต้องไปฝึกพูดใหม่ วันนี้ฝากความรักความปรารถนาดี ฝากหัวใจไว้กับพวกเรา ดูแลหัวใจผมได้ไหม ผมฝากหัวใจไว้กับพวกเราและหัวใจสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ"

ขณะที่เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่พระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2566 และโปรดเกล้าฯ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที่ 2)  พ.ศ.2566 ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป.         

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง