ศก.ไทยฟื้นแน่ ปัจจัยบวกอื้อ! ดัชนีเชื่อมั่นพุ่ง

ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจฯ   ม.หอการค้าไทย เผยหลายปัจจัยบวกดันดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ม.ค.66 อยู่ที่ 51.7 ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 และอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 26 เดือนนับตั้งแต่เดือน ธ.ค.2563 คาดเศรษฐกิจไทยฟื้นดีขึ้นหลังไตรมาส 1

เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยว่า จากการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือน ม.ค.2566 พบว่าดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค (Consumer Confidence Index: CCI) ที่ปรับตัวดีขึ้นจากระดับ 49.7 เป็น 51.7 ซึ่งเป็นการปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 และอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 26 เดือน นับตั้งแต่เดือน ธ.ค.2563 เป็นต้นมา

สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสหางานทำโดยรวม และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ระดับ 46.0, 49.0 และ 60.2 ตามลำดับ ปรับตัวดีขึ้นทุกรายการเมื่อเทียบกับดัชนีในเดือน ธ.ค.2565 แสดงว่าผู้บริโภคเริ่มมีความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัวขึ้น

ทั้งนี้ การที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้น มาจากผู้บริโภครู้สึกว่าเศรษฐกิจเริ่มปรับตัวดีขึ้นหลังจากที่การท่องเที่ยวฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจน ทั้งการท่องเที่ยวของคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่เริ่มเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย หลังจากที่จีนเปิดประเทศ รวมถึงสถานการณ์โควิดในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในประเทศมากขึ้น และกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภูมิภาคต่างๆ ปรับตัวดีขึ้น รวมถึงราคาน้ำมันเบนซินปรับตัวลดลงอย่างมากจากช่วงครึ่งปีแรก ทำให้ประชาชนรู้สึกผ่อนคลายเรื่องค่าครองชีพลง ส่งผลให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทุกรายการปรับตัวดีขึ้นทุกรายการอย่างมีนัยสำคัญ

ขณะเดียวกัน ผู้บริโภคยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับค่าครองชีพที่ยังทรงตัวสูง รวมถึงความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ตลอดจนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อของประเทศต่างๆ ทั่วโลก ที่อาจเป็นปัจจัยที่เพิ่มแรงกดดันของการฟื้นตัวของระบบเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย รวมทั้งปัญหาสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนที่ยืดเยื้อเข้ามาซ้ำเติม ยิ่งส่งผลกระทบทางจิตวิทยาในเชิงลบอย่างมากต่อกำลังซื้อภายในประเทศ ภาคการท่องเที่ยว ภาคการส่งออก ธุรกิจโดยทั่วไป และการจ้างงานในอนาคต โดยยังคงมีโอกาสบั่นทอนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทั้งในปัจจุบันและในอนาคตได้อย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจไทยช่วงไตรมาส 1 ยังโตแบบรูปตัวเค ยังโตแบบไม่ทั่วถึง  เพราะยังมีปัญหาราคาน้ำมันและราคาพลังงานยังทรงตัวในระดับสูง ขณะที่ภาคการส่งออกอาจชะลอตัวไม่มากจากที่คาด  เพราะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวน้อยกว่าที่คาด ด้านภาคการท่องเที่ยวของไทยฟื้นเร็วกว่าปกติ จากการเข้ามาของนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะจีน คาดว่าทั้งปีนี้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนจะเพิ่มเป็น 6-7 ล้านคน สร้างรายได้ราว 3-3.5 แสนล้านบาท บวกกับเม็ดเงินจากการเลือกตั้งที่หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจอีก 5 หมื่นล้านบาท จะทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้นชัดเจนในช่วงไตรมาส 2 จากรูปตัวเค เป็นตัวเจ จึงมองว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้อาจโตมากได้กว่าคาดการณ์ หรืออย่างน้อย 0.3-0.5% และทั้งปีอาจจะขยายตัวเกิน 4% ได้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง