
“สมศักดิ์” ยัน 22 ก.พ.บังคับใช้ กม.ป้องกันทรมานฯ ตามกำหนด ยกเว้นมาตรา 22-25 ที่ขยายออกไปอีก 7 เดือน อัยการระบุพร้อมดำเนินการ แม้ยังติดขัดเรื่องอุปกรณ์สนับสนุน แต่ก็จะบริหารจัดการให้ได้ “นักวิชาการ” เตรียมแถลงค้าน พ.ร.ก.ยื้อเวลาของตำรวจ
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 19 ก.พ. นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าของพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 ว่า กฎหมายยังมีผลบังคับใช้วันที่ 22 ก.พ.นี้ โดยไม่มีการเลื่อนบังคับใช้ทั้งฉบับ แต่เป็นเพียงการเลื่อนบังคับใช้แค่ 4 มาตราเท่านั้น เนื่องจากเป็นกฎหมายใหม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่มีความพร้อมด้านเครื่องมือ จึงมีหนังสือถึงกระทรวงยุติธรรม เมื่อวันที่ 6 ม.ค. เพื่อขอให้ขยายระยะเวลาการบังคับใช้กฎหมาย ในหมวด 3 ซึ่งมีทั้งหมด 8 มาตรา ออกไปก่อนแบบไม่มีกำหนด เนื่องจากมีเหตุขัดข้องทั้งงบประมาณ อุปกรณ์ความพร้อมของบุคลากร และมาตรฐานกลางในการปฏิบัติงาน
นายสมศักดิ์กล่าวว่า ได้มีการหารือร่วมกันทั้งนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กระทรวงยุติธรรม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 3 ก.พ. ซึ่งได้ข้อยุติยอมให้เลื่อนบังคับใช้กฎหมายแค่ 7 เดือน และให้เลื่อนใช้แค่ 4 มาตรา จากที่ขอมา 8 มาตรา ยธ.จึงจัดทำพระราชกำหนดเพื่อขยายกำหนดเวลาบังคับใช้ 4 มาตรา คือ มาตรา 22-25 ออกไปจนถึงวันที่ 30 ก.ย.2566 โดยมาตรา 22 คือ การบันทึกภาพและเสียงอย่างต่อเนื่อง, มาตรา 23 การบันทึกข้อมูลผู้ถูกควบคุม เช่น ชื่อ นามสกุล อัตลักษณ์, มาตรา 24 ญาติ ทนายขอเจ้าหน้าที่เปิดเผยข้อมูลผู้ถูกควบคุมตัวได้ และมาตรา 25 ข้อยกเว้นการเปิดเผยข้อมูล เช่น ละเมิดสิทธิส่วนตัว
“กฎหมายฉบับนี้ได้ถูกผลักดันตั้งแต่ปี 2550 แต่ก็สะดุดมาโดยตลอด จนมาถึงยุคผมเป็น รมว.ยุติธรรม ก็ได้เสนอกฎหมายนี้เข้าคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 มิ.ย.2563 และเสนอกฎหมายเข้าสภา เมื่อวันที่ 15 ก.ย.2564 จนทุกฝ่ายเห็นชอบ ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 25 ต.ค.2565 และกำลังจะมีผลบังคับใช้วันที่ 22 ก.พ.นี้ ซึ่งกฎหมายฉบับนี้ผมต้องการยกระดับกระบวนการยุติธรรมให้โปร่งใส เท่าเทียม ไม่มีการกลั่นแกล้งกันได้อีกต่อไป เพราะทุกขั้นตอนจากนี้ต้องมีการบันทึกภาพทั้งหมด โดยผมรู้สึกภูมิใจ ที่มีหลายฝ่ายชื่นชมกฎหมายฉบับนี้ ถึงขั้นมีนักวิชาการด้านกฎหมายยกให้ว่าเป็นการช่วยปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมของไทยในรอบ 100 ปี ก็ทำให้ผมรู้สึกได้เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยพัฒนากระบวนการยุติธรรมให้เป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างแท้จริง” นายสมศักดิ์กล่าว
ด้านนายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) กล่าวว่า น.ส.นารี ตัณฑเสถียร อสส.มีนโยบายที่ให้ยกระดับปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานในการคุ้มครองสิทธิ์ประชาชน ใช้กฎหมายในการคุ้มครองสังคม อัยการต้องยกระดับปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานให้ดีให้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม สำนักงานอัยการสูงสุดจึงได้เตรียมความพร้อมในการบังคับใช้ พ.ร.บ.ป้องกันปราบปรามการทรมานการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 โดยได้มีการเตรียมการตั้งแต่ก่อนกฎหมายประกาศในราชกิจจานุเบกษา โดยตั้งคณะทำงานเตรียมความพร้อมในการดำเนินการตามร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานฯ และเรื่องอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในส่วนของสำนักงาน อสส.ตามคำสั่งสำนักงาน อสส.ที่ 1642/2565 ลงวันที่ 22 ก.ย.65 ซึ่งคณะทำงานได้ประชุมยกร่างระเบียบในการดำเนินการตามกฎหมายดังกล่าว ตลอดจนกำหนดแนวทางปฏิบัติในการดำเนินการของพนักงานอัยการ จนนำไปสู่การประกาศใช้ระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2566 และแนวทางปฏิบัติว่าด้วยการดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2566
นายโกศลวัฒน์กล่าวอีกว่า สำนักงาน อสส.ยังได้จัดโครงการสัมมนาการดำเนินการของพนักงานอัยการตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 เพื่อให้พนักงานอัยการได้กำหนดแนวทางปฏิบัติ ในการนำกฎหมายใหม่นี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชน คุ้มครองสิทธิของประชาชนได้อย่างถูกต้อง ระดมสมองวางแผนในการทำให้กฎหมายเกิดประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อการดูแลสังคมตามนโยบาย อสส. แม้กฎหมายนี้จะต้องมีอุปกรณ์สนับสนุนการทำงานในการบันทึกภาพถ่าย และยังไม่มีการจัดสรรงบประมาณสนับสนุนตามที่กฎหมายประกาศใช้ แต่สำนักงาน อสส.ก็พร้อมบริหารการจัดการความยุติธรรมให้กฎหมายมีประสิทธิภาพได้ในทันที พร้อมปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายทุกมาตรา
ขณะเดียวกัน กลุ่มองค์กรเอกชน (เอ็นจีโอ) และนักวิชาการได้นัดหมายที่จะแถลงข่าวคัดค้าน! การออกพระราชกำหนดเลื่อนการบังคับใช้กฎหมายซ้อมทรมาน-อุ้มหายฯ ในวันจันทร์ที่ 20 ก.พ.2566 เวลา 10.00 น. ณ ห้องจิตติ ติงศภัทิย์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ซึ่งจะนำแถลงโดย ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล ผู้อำนวยการศูนย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, นายสุรพงษ์ กองจันทึก ประธานมูลนิธิผสานวัฒนธรรม และนายศราวุฒิ ประทุมราช ประธานสมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส.).
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘ส.ว.จอมบู๊’ดอดพบตร.แล้ว
ส.ว.จอมบู๊ "กิตติศักดิ์ รัตนวราหะ" ดอดพบพนักงานสอบสวน สภ.โพทะเล หลังถูกตำรวจแจ้ง 3 ข้อกล่าวหาคดีเชื่อมโยงชายชุดดำบุกวัดบางคลาน ทำร้ายพระ ชาวบ้าน ไวยาวัจกรวัด แต่เจ้าตัวปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
ไม่วางมือ‘บิ๊กตู่’ยังนำทัพรทสช.
ไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ รวมไทยสร้างชาติเขย่าพรรค เดินหน้าเป็นสถาบันการเมือง "ธนกร" เผย "บิ๊กตู่" ยังอยู่นำพรรคต่อไป บนอุดมการณ์ปกป้องสถาบันหลักของชาติ ส่วน "บิ๊กป้อม" ฟิต จ่อลงพื้นที่กำแพงเพชร
สอน‘ก้าวไกล’ ‘สุชาติ’ชี้อย่าเห็น‘ประธานสภาฯ’เป็นของพรรค
ยังซัดกันนัวเนีย "สุชาติ" อบรมก้าวไกล ตำแหน่งประธานสภาฯ ไม่ใช่ของพรรคการเมือง ใช้อำนาจตามอำเภอใจไม่ได้ วอนอย่ากล่าวหาสภาในทางเสียหาย เพราะเหมือนกับตำหนิการทำหน้าที่ของตัวเองด้วย "ณัฐวุฒิ" เตือนอย่าคิดว่าการต่อสู้จบลงแล้ว
ปชป.ย้อนความคิดก้าวไกล แก้.112-เลิกโทษหมิ่นศาล!
ประชาธิปัตย์ปฏิเสธไม่มีดีลการเมืองตั้งรัฐบาลกับเพื่อไทย แจงเหตุผล "ชวน" เบรกร่างแก้ไข ม.112 ของก้าวไกล เพราะขัดแย้งต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ย้ำไม่ไว้วางใจก้าวไกล ในอดีตเคยเสนอยกเลิกอัตราโทษจำคุกฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานและศาล ขณะที่มีการคุกคามข่มขู่ตุลาการ เอาชื่อผู้พิพากษา และข้อมูลส่วนตัวมาพูดบนเวทีปราศรัย
ร้อง‘กกต.’พรึ่บ ฟันป๊อกบงการ พ่วงอิ๊งค์พบพ่อ
“สนธิญา” จัดเต็มร้อง กกต.ฟัน “ปิยบุตร” ครอบงำก้าวไกลปมเก้าอี้ประธานสภาฯ
ก.ก.โว100วันได้เมาเท่าเทียมแน่!
งานชุก! “พิธา” นำทีมเศรษฐกิจก้าวไกลพบนักธุรกิจรุ่นใหม่