“ภูมิธรรม” ย้ำสิ้นเดือนนี้ออกหมายจับขบวนการทุจริตยา รพ.ทหารผ่านศึก ไม่ชัวร์ทำกันมาเป็นสิบปี แต่ถ้าสอบถึงใครก็ตามนั้น “บิ๊กเต่า” เผยดำเนินคดีกลุ่มเเรกภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ ย้ำ “ไม่มีมวยล้มต้มคนดู” ด้าน ป.ป.ช.ร่วม ป.ป.ท.-ปปป.จับกุม 7 เจ้าหน้าที่ กทม. จัดจ้างซ่อมรถบัสทิพย์ สูญ 2.8 ล้าน
เมื่อวันที่ 12 มีนาคม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม แถลงภายหลังเป็นประธานการประชุมสภาทหารผ่านศึก ถึงความคืบหน้าการสืบสวนกรณีคดีทุจริตยาโรงพยาบาลทหารผ่านศึกว่า ได้ตั้งกรรมการสอบ และได้เรียกผู้อำนวยการองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกมาคุย ซึ่งการสอบสวนขั้นต้นถือว่าคืบหน้าไปด้วยดี ขณะนี้กำลังตรวจสอบผู้ที่อยู่ในเครือข่าย ว่าป่วยเป็นโรคนั้นจริงหรือไม่ ซึ่งก็มีการจ่ายยาให้ อีกทั้งมีผู้ป่วยเบาหวาน แต่พอไปตรวจเลือดแล้วก็พบว่าไม่ได้เป็น ส่วนที่ป่วยจริงๆ ก็มี ตอนนี้สอบปากคำไปเกือบ 150 คนแล้ว และมีการไปสอบเพิ่มเติมที่ จ.ลพบุรีและสมุทรปราการ ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีรายชื่อเครือข่ายปรากฏอยู่
นอกจากนี้ ยังมีคนที่ไม่ได้อยู่ในรายชื่อแต่อาสามาให้ข้อมูลอีกกว่า 30 ราย นี่เป็นเฉพาะจุดแรกที่เริ่มสอบสวน ซึ่งได้เชิญให้เจ้าหน้าที่ป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เข้ามาร่วมตรวจสอบ เพราะเราต้องดูเรื่องเส้นทางการเงินด้วย ซึ่งได้รับความร่วมมืออย่างดี คาดว่าสิ้นเดือนมีนาคมนี้จะสามารถออกหมายจับได้ เพราะตอนนี้พบเครือข่ายและผู้เกี่ยวข้องแล้ว แต่ขอให้ชัดเจนออกหมายจับก่อน ค่อยว่ากัน ขณะเดียวกันเราก็สอบต่อด้วยอีกทางว่าหมดเครือข่ายนี้หรือยัง หรือมีต่อ เพราะเราพบหลายจุด ซึ่งอาจจะอยู่ในเครือข่ายเดียวกัน ก็จะขอเวลาดำเนินการ
เมื่อถามว่า หากรอจนถึงสิ้นเดือนมีนาคม จะมีการทำลายพยานหลักฐานหรือไม่ เพราะขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งให้พักงานเจ้าหน้าที่บางส่วน นายภูมิธรรมกล่าวว่า เดี๋ยวรอ เพราะมีหลายหน่วย พร้อมยืนยันว่าหลักฐานทำลายไม่ได้ เพราะเราเข้าไปกำชับเข้มงวดในการตรวจสอบอยู่แล้ว อีกทั้งหลักฐานที่เราได้มาก็พอสมควร กำลังหารายละเอียดให้ครบถ้วน จึงขอไม่เปิดเผยรายละเอียดมากกว่านี้ เพราะอยู่ในกระบวนการ
ส่วนกรณีขบวนการทำกันมาเป็นสิบปีแล้ว การตรวจสอบจะย้อนหลังไปถึงผู้ที่เกษียณไปแล้วหรือไม่นั้น นายภูมิธรรมกล่าวว่า เขาทำมา 10 ปีแล้วจริงหรือไม่ ตอบไม่ได้ แต่เราพบ ณ ขณะนี้ ก็ต้องทำให้ชัดเจนก่อน ส่วนถ้าสอบแล้วต่อไปถึงไหนเราก็ต้องไปตรงนั้น เพราะความผิดมันขึ้นอยู่กับอายุความและความเป็นจริง
“ถ้าความเป็นจริงมันถึง เราก็ต้องเอาให้ถึง และผมได้พูดในที่ประชุมว่าเราเป็นองค์กรที่เกี่ยวข้องและเป็นประโยชน์ต่อทหารหาญที่สละชีพและทุพพลภาพจากการสู้รบเพื่อปกป้องประเทศชาติ แทนที่เงินเหล่านี้จะไปช่วยพวกเขาได้มากขึ้น กลับถูกเบียดบัดไป” นายภูมิธรรมกล่าว และยอมรับว่า ระบบที่มีการจัดวางใหม่ อาจจะกระทบต่อการบริการประชาชนบ้าง แต่โรงพยาบาลเอกชนหรือโรงพยาบาลรัฐที่ทันสมัย อย่างเช่นโรงพยาบาลรามาธิบดี, โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และโรงพยาบาลศิริราช เขาก็ใช้กันได้ แม้ประชาชนจะได้รับผลกระทบบ้าง
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยว่า ภายหลังสอบปากคำผู้เกี่ยวข้อง ทำให้ตอนนี้กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) สรุปรายละเอียดและส่งผลการสืบสวนสอบสวนให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เนื่องจากผู้กระทำผิดเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งภายหลัง ป.ป.ช.ได้ตรวจสอบแล้วได้ส่งเรื่องกับมาให้ บก.ปปป. ให้สืบสวนสอบสวนต่อให้ถึงที่สุด พร้อมย้ำว่า คดีทุจริตยาและเวชภัณฑ์โรงพยาบาลทหารผ่านศึกนี้ จะไม่มีมวยล้มต้มคนดูแน่นอน เนื่องจากมีแผนประทุษกรรมชัดเจน โดยขณะนี้ทราบเเล้วใครเป็นผู้บงการ และใครเป็นผู้สั่งการ
ส่วนในกรณีของผู้ป่วยในวันที่ 13 มี.ค. จะมีการหารือเพื่อจำแนกผู้เกี่ยวข้องออกเป็นกลุ่ม คือ 1.ผู้ที่มีเจตนากระทำความผิดและให้การสนับสนุนขบวนการทุจริตยาและเวชภัณฑ์ 2.ผู้ที่ถูกล่อลวงให้กระทำความผิด 3.ผู้บงการ 4.เหยื่อที่ถูกหลอก โดยตำรวจจะดำเนินการตามกฎหมายกลุ่มที่ 1 ก่อนภายใน 1-2 สัปดาห์นี้
ด้านนายภูมิวิศาล เกษมศุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. กล่าวว่า วันที่ 13 มี.ค. ทาง ป.ป.ท.จะมีการหารือร่วมกับกรมบัญชีกลาง เพื่อนำคดีดังกล่าวมาถอดบทเรียน และขยายผลไปยังโรงพยาบาลอื่นๆ ว่ามีการทำผิดแบบเดียวกันหรือไม่ และเป็นการป้องกันการทุจริตในอนาคต พร้อมเตรียมนำหมายเลขบัตรประชาชนทั้ง 13 หลัก ของคนไข้ไปตรวจสอบและสกัดกั้นการรับยาแบบหมุนเวียน รวมถึงเป็นการทดสอบสุขภาพรายบุคคลว่าป่วยจริงหรือไม่ และมีความจำเป็นที่จะต้องใช้ยาที่เบิกไปก่อนหน้านี้จริงหรือเปล่า
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าการกระทำดังกล่าวสร้างความเสียหายมากกว่า 2,000 ล้านบาท และผลคดีนี้ยังก่อเหตุร่วมกันทุจริตยาและเวชภัณฑ์ในโรงพยาบาลอื่นอีกหลายที่ ซึ่งขณะนี้จะถูกขยายผลหลังจากคดีของโรงพยาบาลทหารผ่านศึกเสร็จสิ้น ส่วนกรณียา เบื้องต้นชัดเจนแล้วว่ายามีการถูกนำไปขายต่อในธุรกิจยาเถื่อน และมีการโพสต์ขายผ่านเฟซบุ๊ก ซึ่งต้นทุน 0% แต่รับกำไร 100% นอกจากนี้จากการตรวจสอบเส้นเงิน มีการโยงใยไปถึงหัวหน้าขบวนการด้วย
วันเดียวกัน นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มอบหมายให้นายสุขสันต์ ประสาระเอ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ และนายไพโรจน์ นิยมเดชา ผู้อำนวยการสืบสวนกลุ่มสืบสวนและปฏิบัติการข่าว 2 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ร่วมกับสำนักงาน ป.ป.ท.และ บก.ปปป. ปฏิบัติการจับกุมเจ้าหน้าที่สังกัดกองการกีฬา สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร จัดจ้างซ่อมรถโดยสารเป็นเท็จ มูลค่าความเสียหาย 2,790,928 บาท จำนวน 7 ราย ในความผิดฐานร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และร่วมกันเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ทำเอกสาร รับเอกสาร หรือกรอกข้อความลงในเอกสาร
กระทำการดังต่อไปนี้ ในการปฏิบัติการตามหน้าที่ (1) รับรองเป็นหลักฐานว่าตนได้กระทำการอย่างใดขึ้น หรือว่าการอย่างใดได้กระทำต่อหน้าตนอันเป็นความเท็จ (2) รับรองเป็นหลักฐานว่าได้มีการแจ้งซึ่งข้อความอันมิได้มีการแจ้ง (3) ละเว้นไม่จดข้อความซึ่งตนมีหน้าที่ต้องรับจดหรือจดเปลี่ยนแปลงข้อความเช่นว่านั้น หรือ (4) รับรองเป็นหลักฐานซึ่งข้อเท็จจริง อันเอกสารนั้น มุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นความเท็จ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 162 และตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172
คดีนี้สืบเนื่องจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้ตรวจสอบพบความผิดปกติของการจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีการจ้างเหมาซ่อมแซมรถโดยสารปรับอากาศ ขนาด 45-50 ที่นั่ง จำนวน 5 คัน ในหน่วยงานราชการสังกัดกองการกีฬา สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร จึงดำเนินการตรวจสอบเอกสาร พบว่ามีการเบิกฎีกาจ้างเหมาซ่อมรถโดยสารดังกล่าว ในห้วงระหว่างปี พ.ศ.2565-2566 โดยไม่มีการส่งรถเข้าซ่อมจริง จำนวน 11 ครั้ง มีกลุ่มของผู้ต้องหาทั้ง 7 คน ทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่พัสดุขออนุมัติจ้างซ่อม และทำการปลอมใบเสนอราคาของบริษัทซ่อมรถ ทั้ง 5 คัน เพื่อจัดทำเอกสารใบเสนอราคากลางในการจ้างซ่อม แล้วดำเนินการอนุมัติงบประมาณ
สตง.จึงส่งเรื่องให้ ป.ป.ท.ดำเนินการ และมีการตรวจสอบเพิ่มเติม พบว่า ในห้วงระหว่างปี พ.ศ.2565-2567 มีการจ้างเหมาซ่อมรถโดยสารดังกล่าว โดยที่ไม่มีการส่งรถเข้าซ่อมจริงอีก จำนวน 12 ครั้ง และกรุงเทพมหานครได้ตรวจพบการกระทำลักษณะเดียวกันอีก จำนวน 5 ครั้ง รวมจำนวนเงินที่กลุ่มผู้ต้องหาทำการเบิกจ่ายค่าซ่อมรถ โดยไม่มีการซ่อมจริง 28 ครั้ง หรือจำนวน 28 ฎีกาของการเบิกจ่ายงบประมาณ เป็นเงินที่มีการทุจริตทั้งสิ้น 2,790,928 บาท
ต่อมา เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2567 กรุงเทพมหานครได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ในสังกัดกรุงเทพมหานคร เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน บก.ปปป. เพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดทั้ง 7 คน จึงรวบรวมพยานหลักฐานและขออนุมัติหมายจับจากศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ต่อมาในวันที่ 12 มีนาคม 2568 ผู้ต้องหาทั้ง 7 คน ได้ขอเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน กก.1 บก.ปปป. และมีการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งหมดตามกฎหมาย.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นายกฯ เรียก 'ทวี' แจงผลสอบตึกถล่ม พบปลอมลายเซ็นวิศวกรเพียบ
นายกฯ เรียกกระทรวงยุติธรรม รายงานความคืบหน้าคดีตึก สตง.ถล่ม 'ภูมิธรรม' เผยเริ่มคลี่คลาย พบปลอมลายเซ็นวิศวกรหลายคน
'ภูมิธรรม' โยนถามนายกฯ ข่าวปรับครม. ยันสัมพันธ์พรรคร่วมยังเหนียวแน่น
'ภูมิธรรม' โยนกระแสปรับครม. ปลายเดือน เม.ย. ต้องถามนายกฯ ตอบแทนไม่ได้ ยันสัมพันธ์พรรคร่วมรัฐบาลยังเหนียวแน่น
ชี้ออกแบบไม่สมมาตร DSIค้นนอมินีตึกสตง.
เผยผลสอบตึก สตง.พุ่งเป้าไปที่การออกแบบ-ปล่องลิฟต์ไม่สมมาตร “อนุทิน” ไม่สบายใจหลังพบปลอมลายเซ็นวิศวกร
พท.ตัดหางพีช ปัดเอี่ยวทักษิณ ฟันข้อหาหนัก
เครือข่ายทักษิณทั้งนั้น! ลูกชายนายกเบี้ยวซิ่้งบีเอ็มฯ เบียดกระบะ คู่กรณีเจ็บสาหัส
คุก5ปี93เดือน‘เอกราช’ ภท.จ่อตะเพิดพ้นพรรค
ยังไม่หลุด สส.! ศาลขอนแก่นให้ประกันตัว "เอกราช ช่างเหลา" หลังสั่งจำคุก 5 ปี 93 เดือน
สภาสูงขู่สส.เร่งกาสิโนควํ่าแน่
"กมธ.กาสิโน" สภาสูงถกนัดแรก 23 เม.ย. แนะ สส.รอผลการศึกษาชุดนี้ให้เสร็จก่อน