มติเอกฉันท์สั่ง‘ศักดิ์สยาม’หยุดปฏิบัติหน้าที่

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์รับปม “ศักดิ์สยาม” ถือหุ้น “หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น” แล้ว พร้อมมีมติให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที เจ้าตัวลั่นพร้อมแจงใน 15 วันตามกำหนด “บิ๊กตู่” ยันไม่กระทบการทำงานรัฐบาล “ปกรณ์วุฒิ” ดี๊ด๊าบอกเป็นผลงานเสียงข้างน้อย นายทะเบียน ภท.เตือนธนาธรอย่าโหน

เมื่อวันศุกร์ที่ 3 มี.ค. ศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณาเรื่องที่ 8/2566 ที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งคำร้องขอให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่าความเป็นรัฐมนตรีของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5) ประกอบมาตรา 187 หรือไม่ โดยกรณีนี้ประธานสภาฯ ส่งคำร้องจาก ส.ส.ฝ่ายค้านรวม 54 คน ว่านายศักดิ์สยาม ผู้ถูกร้อง ยังคงไว้ซึ่งหุ้นส่วนและยังคงเป็นผู้ถือหุ้นและเจ้าของ หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่นอย่างแท้จริง ซึ่งทำให้ผู้ถูกร้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการหุ้นหรือกิจการของ หจก.เป็นการกระทำอันเป็นการต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 187 ประกอบพระราชบัญญัติการจัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรี พ.ศ.2543 มาตรา 4 (1) เป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายศักดิ์สยาม​สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5) ประกอบมาตรา 187 หรือไม่

โดยศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องแล้วเห็นว่า กรณีเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 วรรคหนึ่ง และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา 7 (9) ศาลจึงมีมติเป็นเอกฉันท์ให้รับคำร้องไว้วินิจฉัย และให้นายศักดิ์สยามชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับสำเนาคำร้อง และมีมติเป็นเอกฉันท์สั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ 3 มี.ค.2566 จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัย แจ้งให้คู่กรณีและนายกรัฐมนตรีทราบ

นายศักดิ์สยามกล่าวหลังรับทราบคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ว่า มั่นใจในพยานหลักฐานที่เตรียมจะชี้แจง โดยยืนยันว่าได้ถอนหุ้นจาก หจก.บุรีเจริญฯ ก่อนรับตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีชัดเจน และจะชี้แจงข้อกล่าวหาตามกรอบเวลา 15 วัน ส่วนในระหว่างหยุดปฏิบัติหน้าที่นั้น นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม จะปฏิบัติหน้าที่รักษาการ รมว.แทน ดังนั้นโครงการต่างๆ ที่อยู่ในขั้นตอนเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) และงานอื่นๆ ที่ต้องได้รับการพิจารณาจาก รมว.คมนาคมไม่สะดุดแน่นอน

นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวว่า ถือเป็นปกติตามขั้นตอนกฎหมาย ที่เมื่อมีผู้ยื่นคำร้องให้วินิจฉัย ศาลก็รับพิจารณาในเบื้องต้น และสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ โดยได้คุยกับนายศักดิ์สยาม ก็ยืนยันสามารถชี้แจงเรื่องเหล่านี้ได้ทั้งหมด ไม่มีความกังวลอะไร อีกทั้งที่ผ่านมาก็ได้อธิบายให้ ส.ส.และสมาชิกพรรคทราบข้อเท็จจริง รวมทั้งชี้แจงเรื่องนี้ให้สังคมรับทราบมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ในส่วนของสมาชิกพรรค ภท.ทุกคนมีกำลังใจดี และไม่มีผลกระทบอะไรต่อพรรค  และยังมุ่งหน้าทำงานและลงพื้นที่หาเสียงต่อไป

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า เป็นเรื่องของศาล ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญได้ให้โอกาสในการชี้แจง ติดตามกันต่อไปก็แล้วกัน ส่วนจะมีผลต่อการทำงานของ ครม.หรือไม่นั้น ไม่มีหรอก เพราะงานทำกันไปตามนโยบายอยู่แล้ว นโยบายก็ได้วางไว้มากพอสมควร ไม่ว่าจะใครก็ตามก็ทำงานกันตามนโยบายในภาพรวม ซึ่งได้มอบนโยบายไปแล้ว แต่ละกระทรวงก็ต้องปฏิบัติเพื่อให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ชาติ มีทั้งหมดแล้ว ถึงอย่างไรก็ตาม ถึงรัฐมนตรีไม่อยู่ก็ยังมีปลัดกระทรวงอยู่ และรองนายกฯ ก็ยังอยู่ และในระหว่างนี้ก็อาจต้องตั้งผู้แทนชั่วคราว

เมื่อถามว่า ดูเหมือนว่าในช่วงนี้รัฐมนตรีของพรรค ภท.พบกับอุปสรรคอย่างมาก พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ตอบคำถามดังกล่าวแต่อย่างใด

นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ซึ่งเป็นผู้อภิปรายไม่ไว้วางใจเรื่องดังกล่าว ระบุว่า คำสั่งของศาลที่ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ในวันนี้ พิสูจน์ว่า ถึงแม้จะเป็นเสียงข้างน้อยในสภาผู้แทนราษฎร ไม่สามารถล้มรัฐมนตรีกลางสภาได้ แต่หากมีข้อมูลหลักฐานที่แน่นหนาพอ ผู้แทนราษฎรก็ยังสามารถทำหน้าที่ตรวจสอบจนอาจดึงรัฐมนตรีลงจากเก้าอี้ได้จริงๆ

“ขอเรียกร้องไปยัง ครม.ที่กำลังจะอนุมัติงบทิ้งทวนก่อนยุบสภาว่า ขอให้ระงับโครงการที่เสนอเข้า ครม.โดยนายศักดิ์สยามทั้งหมด เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประชาชนเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ประชาชนจะตัดสินในคูหาเลือกตั้งว่าใครควรที่จะเข้ามาบริหารเงินภาษีของพวกเขาในรัฐบาลชุดต่อไป” นายปกรณ์วุฒิกล่าว

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรค ก.ก. กล่าวว่า เป็นผลจากการอภิปรายและการทำงานในสภาของ ส.ส.พรรคก้าวไกล ซึ่งนายปกรณ์วุฒิผู้อภิปรายทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ซึ่งในสภาชุดนี้มีนักการเมืองบางกลุ่ม พรรคการเมืองบางพรรค ที่รับผลประโยชน์มหาศาลเป็นพันเป็นหมื่นล้าน จากสัมปทานที่มีข้อกังขามากมาย เช่น รถไฟฟ้าสายสีส้ม การสัมปทานพื้นที่พาณิชย์ในสนามบินสุวรรณภูมิ โครงการประมูลถนนสายใหญ่ๆ ทั่วประเทศ ภูมิใจมากที่นายปกรณ์วุฒิได้เป็นตัวแทนประชาชนในการทำและกล้าพูดเรื่องนี้ จนนำไปสู่การให้นายศักดิ์สยามยุติบทบาทรัฐมนตรี แม้ในทางปฏิบัติจะไม่มีผลอะไรมาก เพราะอีก 2 สัปดาห์ก็จะหมดวาระอยู่แล้ว แต่อย่างน้อยเป็นสัญลักษณ์ให้สังคมเห็นว่ามีคนที่กล้าปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนในสภา

นายศุภชัยโพสต์เฟซบุ๊กตอบโต้นายธนาธรว่า หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องไปแล้ว ทั้งหมดเข้าสู่กระบวนการพิจารณา โดยนายศักดิ์สยามยังถือว่าเป็นบริสุทธิ์อยู่ ดังนั้นเมื่อมีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็น รวมถึงบุคคลอื่นๆ อย่างนายธนาธร จึงขอเตือนว่าอาจเป็นการละเมิดอำนาจศาล รวมทั้งสุ่มเสี่ยงต่อการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ทำให้หลงผิดต่อคะแนนนิยม ซึ่งอาจมีความผิดฐานอาญาด้วย จึงขอเตือนว่าอย่าได้ฉกฉวยสถานการณ์

วันเดียวกัน นายวิญญัติ ชาติมนตรี เลขาธิการสมาพันธ์นักกฎหมายเพื่อสิทธิและเสรีภาพ (สกสส.) เข้ายื่นหนังสือต่อเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ตรวจสอบ สอบสวน การได้เลื่อนอันดับเพื่อเป็น ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อของนายสุรบถ หลีกภัย ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ว่ามีลักษณะเข้าข่ายบุคคลมีลักษณะต้องห้ามมิให้สมัคร ส.ส. และจะทำให้กระบวนการเป็น ส.ส. ขัดหรือฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายใดหรือไม่ เนื่องจากนายสุรบถเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ ตามกฎหมาย ซึ่งเป็นบุคคลที่มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 98 (3) และ พ.ร.ป.การเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ.2561 มาตรา 42 (3)

 “ในฐานะประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ติดตามการบังคับใช้กฎหมายของ กกต. และการตีความขององค์กรศาลที่เคยเป็นกรณีตัวอย่าง กรณีนี้จึงมาขอให้ กกต.ได้ตรวจสอบ สอบสวน เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ไม่มีการเลือกปฏิบัติ ซึ่งผมได้แนบหลักฐานจากการสืบค้นทางทะเบียนมาด้วย” นายวิญญัติกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง