อิ๊งค์หนุนแม้วกลับ! แต่ปัดไม่เกี่ยวแลนด์สไลด์ จตุพรท้าให้มาก่อน14พ.ค.

“อุ๊งอิ๊ง” เคารพและเป็นกำลังใจให้ “ทักษิณ” หากจะกลับมาไทยแล้วติดคุกจริง! รีบปัดไม่เกี่ยวกับแลนด์สไลด์ของเพื่อไทย “สมชาย” เชื่อแค่กลยุทธ์ปั่นกระแสเลือกตั้ง ยันแน่จริงก็ควรกลับมาก่อน 14 พ.ค. “จตุพร” ถล่มยับคิดถึงแต่ตัวเอง ไม่เคยมีหัวใจให้กับประชาชน ดูได้จากอดีตที่ลูกน้องติดคุกมากมาย ท้าแน่จริงกลับมาก่อนวันเลือกตั้งเพื่อวัดพลังแลนด์สไลด์ “วิรัช” ปูดข่าว พท.จับมือ พปชร.ให้ “ลุงป้อม” มีมูล ยกเคสชิงเก้าอี้นายกฯ คราวที่แล้วยังชงชื่อ “ธนาธร”

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 มีนาคม ยังคงมีความต่อเนื่องจากการให้สัมภาษณ์ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต่อสื่อว่าพร้อมจะกลับประเทศไทยแม้ต้องถูกจับกุมคุมขัง โดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย  (พท.) กล่าวว่า ได้คุยกับนายทักษิณแล้ว  ซึ่งประโยคเช่นนี้เราก็ได้คุยในครอบครัวตลอด ถ้าเหตุการณ์ปกติที่คดีต่างๆ  ดำเนินไปตามปกติ ไม่ใช่หลังรัฐประหาร ก็คงไม่ต้องเป็นแบบนี้ ซึ่งเคารพการตัดสินใจของนายทักษิณอยู่แล้ว เพราะเขาออกไปนอกประเทศนานแล้ว เขาจะตัดสินใจอย่างไรเราก็เคารพการตัดสินใจของเขาอยู่แล้ว และเป็นกำลังใจให้

“อิ๊งค์พูดจากใจเลยว่าอิ๊งค์เปลี่ยนความจริงไม่ได้ที่อิ๊งค์เป็นลูกของคุณพ่อ และก็ไม่อยากจะเปลี่ยนด้วย ฉะนั้น การนำพรรคเพื่อไทยต่อไปสำหรับการเลือกตั้ง และยื่นนโยบายสู่ประชาชน เป็นหน้าที่หลักซึ่งเราจะทำต่อไป ในสิ่งที่คุณพ่อพูด ถ้าจะเกิดอะไรขึ้น และเป็นผลอย่างไร ก็อยากให้เป็นส่วนของท่าน เพราะท่านพูดอยู่แล้วว่าการที่จะกลับมาหรืออะไรก็ตามไม่เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทย และบอกว่าจะไม่มีการทำอะไรทั้งสิ้น คุณพ่อพูดมาก่อนหน้านี้ตั้งหลายเดือนแล้ว ก็ยังเป็นเช่นนั้นอยู่” น.ส.แพทองธารกล่าว

เมื่อถามว่า นายทักษิณระบุเวลากลับประเทศแล้วหรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ยังไม่ได้บอก ถ้าบอกแล้วอาจตื่นเต้นจนหลุดไปแล้วก็ได้ ทั้งนี้ จากใจหวังตลอดทำไมเราจะไม่อยากให้คุณพ่อกลับบ้าน ทำไมจะไม่อยากให้คุณตากลับมาเลี้ยงหลาน โดยเฉพาะตอนนี้ที่เหลือไม่ถึง 2 เดือนก็จะคลอดแล้ว ฉะนั้นมีความหวังแน่นอน

ถามต่อว่า การที่นายทักษิณให้สัมภาษณ์ในช่วงนี้ เกี่ยวข้องกับการหาเสียงแบบแลนด์สไลด์เพื่อจะนำนายทักษิณกลับมาประเทศได้หรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า เราถามหัวหน้าและทุกคน คุณพ่อก็คือหนึ่งในแรงใจของเรา นั่นเป็นสิ่งที่เถียงไม่ได้ เป็นกำลังใจสำคัญ ท่านเป็นคนก่อตั้งพรรคตั้งแต่ไทยรักไทย แต่ตอนนี้ไม่เกี่ยวกัน

นายนพดล ปัทมะ รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค พท. กล่าวถึงกรณีการวิจารณ์พรรค พท.จะแลนด์สไลด์เพื่อเอานายทักษิณกลับบ้านว่า ไม่เกี่ยว การชนะแลนด์สไลด์เพื่อให้มีเสียงมากพอจัดตั้งรัฐบาลที่เข้มแข็ง และเอาชนะเสียง ส.ว.ในการโหวตตัวนายกฯ ในรัฐสภาได้ ส่วนการวิจารณ์ท่าทีล่าสุดของนายทักษิณก็วิจารณ์ไป เพราะถ้าไม่เดินทางกลับก็วิจารณ์แบบหนึ่ง พอบอกจะกลับไทยเข้าสู่กระบวนการก็วิจารณ์แบบหนึ่ง ยืนยันว่าพรรค พท.ไม่เสียสมาธิในการเดินหน้าเสนอนโยบายเพื่อขอการสนับสนุนจากประชาชนไปเป็นรัฐบาลแก้ปัญหาประเทศต่อไป

หนุนทักษิณเคารพกฎหมาย

ส่วนนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวว่า ในช่วงเลือกตั้งทุกพรรคการเมืองต่างหาวิธีการมาโน้มน้าวเรียกคะแนนนิยมให้กับตัวเอง กรณีนายทักษิณนั้น การออกมาพูดอย่างนี้ย่อมมีผลกระทบต่อคะแนนเสียงเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง หากพูดแล้วเกิดประโยชน์กับประชาชน พูดแล้วสามารถทำสิ่งดีๆ ให้แผ่นดินไทย ก็คิดว่าทุกๆ พรรคควรออกมาพูดกันให้เยอะๆ อย่างเช่น ชทพ.ก็มีหลายแนวที่มานำเสนอให้กับประชาชน 

เมื่อถามย้ำว่า นายทักษิณจะกลับมา ควรมารับโทษใช่หรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า คนไทยทุกคนในแผ่นดินไทยอยู่ภายใต้กฎหมายทั้งนั้น ดังนั้นการดำเนินการทุกอย่างภายใต้กรอบกฎหมายเป็นเรื่องที่ควรกระทำและเราสนับสนุน

นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา โพสต์เฟซบุ๊กในเรื่องนี้ว่า อย่าให้ราคากลยุทธ์ปั่นกระแสเลือกตั้ง เพราะหลักเกณฑ์การขอลดโทษของกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ที่เคยใช้อำนาจเลื่อนชั้นนักโทษเส้นดี เฉพาะรายแบบ 3 วาระรวดแบบเดิมๆ นั้น ทำไม่ได้แล้ว ทุกคนต้องเข้าเกณฑ์ใหม่รับโทษให้สังคมปลอดภัยก่อนอย่างน้อย 1 ใน 3 ของคำพิพากษาถึงที่สุด นายทักษิณก็ต้องใช้หลักเกณฑ์เดียวกันกับนักโทษเด็ดขาดทั่วไปคือ ต้องรับโทษจำคุกก่อนไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 หรือ 8 ปี สุดแต่ระยะเวลาใดจะเป็นคุณมากกว่าจากโทษที่ศาลพิพากษาคดีถึงที่สุดแล้วยังไม่หมดอายุความเหลืออยู่ 10 ปี นายทักษิณต้องเป็นนักโทษเด็ดขาดจำคุกในเรือนจำ 3 ปี 6 เดือนก่อนจึงเข้าเกณฑ์ขอเลื่อนชั้นเป็นนักโทษชั้นดี ชั้นดีเยี่ยม    ชั้นเยี่ยม เพื่อขอรับพระราชทานอภัยโทษได้ต่อไป

“การเคลื่อนไหวครั้งนี้ของนายทักษิณ จึงเป็นอีกหนึ่งวาทกรรมเพื่อสร้างตัดกระแสมวลชนที่สงสัยและมีคำถามเรื่องการที่จะมีการออกพระราชกำหนดนิรโทษกรรมสุดซอยอีกหรือไม่  หลังจากได้รับชัยชนะจากการเลือกตั้งครั้งนี้ เขาจึงต้องปฏิเสธผ่านสื่อมวลชนว่าจะไม่ออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้ตัวเอง แต่ได้เตรียมแผนการหลายเรื่องไว้สำหรับการไม่ต้องรับโทษในคดีที่ศาลฎีกาพิพากษาถึงที่สุดไว้แล้ว ภายใต้หลักคิดเดิมว่าชีวิตนี้จะไม่ยอมติดคุกแม้แต่วันเดียว” นายสมชายโพสต์ และว่า นานมากถึง 16 ปีแล้วที่นายทักษิณหนีคดีไป ถามว่าวันนี้นายทักษิณพร้อมไหม ถ้าพร้อมกลับรับโทษในเรือนจำก่อน 1 ใน 3 จริง บินเครื่องบินส่วนตัวเดินทางกลับไทยได้ทุกวัน ไม่ต้องรอหลังวันเลือกตั้ง 14 พ.ค.หรอกนานไป

ซัด ‘แม้ว’ เล่นการเมือง

ขณะที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน  เฟซบุ๊กไลฟ์ในหัวข้อ ทองแท้และทองชุบ  ว่า นายทักษิณพูดเหมือนเป็นคนลำบาก แต่มีคนหลายคนทั้งครอบครัวผู้สูญเสียในเหตุการณ์กรือเซะ ปราบปรามยาเสพติด การชุมนุมที่ตากใบ และกรณีความตายใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเอารัฐตำรวจมาฆ่าตัดตอนประชาชนทั้งนั้น  แม้ประชาชนจะเป็นคนดีหรือไม่ก็ตาม แต่ทุกคนต้องอยู่ในกระบวนการยุติธรรม ไม่ใช่ต้องถูกฆ่าตัดตอน พวกเขาจึงไม่มีโอกาสได้รับความอบอุ่นจากครอบครัว และไม่มีโอกาสได้ทวงหาความยุติธรรมเลย

“คนกลับรักทักษิณสรรเสริญเยินยอ เพราะคนไม่สนใจในรายละเอียด ทั้งกรือเซะ ตากใบ ตายกันมาก ถ้าทักษิณ มีโอกาสนั่งคิด แล้วจะรู้ว่าทุกคนมีโอกาสและมีสิทธิ์ได้ทวงหาความยุติธรรมเช่นกัน ส่วนทักษิณไม่มีใคร ไม่ให้อยู่ในประเทศ แต่หนีกระบวนการยุติธรรมไปเอง ไม่อยู่เอง” นายจตุพรกล่าว

 นายจตุพรกล่าวว่า มาวันนี้เมื่อนายทักษิณคิดจะกลับบ้าน ก็ให้ทบทวนช้าๆ เพราะฟังดูเหมือนกลับหลังเลือกตั้ง หรือตีความว่ามาก่อนเลือกตั้งก็ได้ เพราะพูดเป็นปลายเปิดไม่ระบุแน่ชัด นั่นแสดงถึงการอยากกลับบ้าน ทั้งที่ไม่มีใครห้ามให้ออกไป หรือกีดกันไม่ให้เข้าประเทศเช่นกัน แต่กระบวนการทางกฎหมายที่ถึงที่สุดตามคำพิพากษาของศาลฎีกาแล้ว เมื่อกลับมามีทางเดียวต้องเข้าคุกเท่านั้น

 “ทักษิณยอมแลกกับทุกอย่างเพื่อตัวเองทั้งนั้น ทักษิณเป็นคนที่ไม่เคยเอาประชาชนเป็นใหญ่ และประชาชนก็ไม่มีอยู่ในหัวใจเลย ถ้าประชาชนอยู่ในหัวใจจริงๆ แล้วทักษิณจะไม่กล้าทำอย่างนั้น ทำไมวัฒนา เมืองสุข, บุญทรง เตริยาภิรมย์, ภูมิ สาระผล รวมทั้งสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ทำไมคนเหล่านี้ซึ่งเป็นลูกน้องยังกล้าติดคุก ทักษิณเคยเห็นใจพวกเขาหรือเปล่า ทำไมทักษิณเป็นหัวหน้าพวกเขา แต่ไม่กล้าติดคุก แล้วเอาลูกน้องให้ติดคุกแทน” นายจตุพรระบุ

 นายจตุพรกล่าวว่า วันนี้ทักษิณต้องการกลับบ้านอีก จึงสอดคล้องกับคำพูดของนายเศรษฐา ทวีสิน ไปพูดคำใหญ่โตไว้ว่าผู้นำไร้หัวใจ ขับไล่คนมีความรู้ความสามารถออกนอกประเทศเพียงเขาไม่ฟังโอวาท จากนั้นนายเศรษฐาก็ใส่เนคไทเหลืองไปไหว้ศาลหลักเมืองและวัดพระแก้ว ขณะที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน บอกย้ายพรรคมาเพื่อไทยตามดินฟ้าอากาศ และฟ้าเปิดแล้ว จนมาถึงนายทักษิณให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนญี่ปุ่น โดยช่วงสัมภาษณ์นั้นมั่นใจคะแนนเสียงจะได้ 250 เสียง แต่ในไทยปั่นไป 310 เสียง ดังนั้นสิ่งสำคัญคือไม่มั่นใจคะแนนเสียงจะได้รับตามที่คุยใหญ่โตไว้

 “ประเทศให้ทักษิณมากกว่าทุกคนได้รับอีก ที่สำคัญทักษิณคิดจะให้อะไรกับประเทศบ้าง ถ้าคิดจะกลับในสองห้วงเวลาคือก่อนเลือกตั้งและหลังเลือกตั้งแล้ว ถ้าทักษิณพูดจริง ก็เชื่อว่าจะได้กลับบ้าน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่ง และอีกส่วนหนึ่งไม่แน่ใจเรื่องคะแนนเสียงว่าจะแลนด์สไลด์ ดังนั้นการพูดกลับบ้านจึงประสงค์การเมือง คิดเป็นอื่นไม่ได้ ถ้าแฟร์กับประชาชนต้องกลับก่อนเลือกตั้งเดิมพันกับคะแนนแลนด์สไลด์กันเลย ขอท้าด้วย ถ้ากลับก็กลับก่อน 14 พ.ค. 2566 อย่าบอกว่าภายในปีนี้ อย่าเล่นบทดาวพระศุกร์ทนทุกข์ เพราะประชาชนทุกข์ยิ่งกว่าทักษิณ ขอให้ทักษิณกล้าๆ หน่อย อย่าโกหกซ้ำซาก เพราะคะแนนเสียงปั่นไม่ขึ้นจึงต้องโกหก ถ้าไม่อยากให้ลูกเดือดร้อนก็กลับมาในช่วง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังเป็นนายกฯ อยู่ ทำไมไม่เอาชีวิตคุณมาเดิมพันบ้าง ชอบเอาแต่ชีวิตคนอื่นมาเดิมพันให้ตัวเองเท่านั้น กล้าๆ หน่อย กลับมาเลยเข้าคุก 12 ปี อย่างมากติดไม่เกิน 4 ปี” นายจตุพรระบุ

นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา ’35 และอดีตประธานคณะกรรมการศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดอง สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าวว่า ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี หากความคิดตกผลึกมีความตั้งใจแต่กลับมาเลี้ยงลูกหลาน เป็นการแสดงความเคารพต่อกฎหมายไทยภายใต้พระปรมาภิไธยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายในการปกครองประเทศ โดยอย่าเข้าใจผิดว่าการนิรโทษกรรมทำเพื่อตนเองหรือบุคคลใด แต่เป็นการทำเพื่อทุกคนในประเทศที่มีแนวคิดและศรัทธาทางการเมืองต่างกัน

ปูดข่าวดันก้น ‘ประวิตร’ มีมูล

“หลักการนิรโทษกรรมคือประชาชนได้มีโอกาสเปลี่ยนแปลงชีวิตที่ดีขึ้น โดยออกกฎหมายนิรโทษกรรมตามที่คณะกรรมการศึกษาแนวทางสร้างความปรองดองได้ศึกษาและมีข้อเสนอแนะไว้หมดแล้ว และได้รับความเห็นชอบเป็นเอกฉันท์จากรัฐสภาโดยไม่มีผู้ใดคัดค้าน โดยไม่รวมคดีทุจริตประพฤติมิชอบ คดีอาญาร้ายแรง และคดีมาตรา 112  ซึ่งเป็นพระราชอำนาจ ไม่มีผู้ใดสามารถก้าวล่วงได้ ซึ่งกรณีนายทักษิณ เป็นเรื่องนอกเหนือที่ผู้ใดจะสามารถยุ่งเกี่ยวได้ แต่ก็เป็นก้าวแรกของสังคมไทย ที่มีความตั้งใจที่จะเริ่มต้นใหม่ แต่ขอเตือนว่าอย่ามีวาระซ่อนเร้น ด้วยการใช้เสียงประชาชนไปกดดันกระบวนการยุติธรรมเหมือนที่ผ่านมา จะทำให้เกิดความขัดแย้งและวิกฤตซ้ำรอยอีก” นายอดุลย์กล่าว

วันเดียวกัน ยังคงมีประเด็นการจับมือของพรรคเพื่อไทยและพรรคพลังประชารัฐในการพานายทักษิณกลับมา   โดยยอมให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นนายกฯ โดยนายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค พปชร. กล่าวว่า ไปถามนายทักษิณ เดี๋ยวก็โฟนอินเข้ามาเอง ส่วนที่หลายคนเข้าไปค้นหาในสื่อของญี่ปุ่นแล้วไม่เจอนั้น ขนาดทักษิณเคยกล่าวว่า บอกว่าจะได้ ส.ส.ทั้งประเทศ 310 ที่นั่ง โดยที่ไม่มีข้อมูลอะไรก็เขียนลงกันเยอะ อันนี้ก็ต้องมีข้อมูล แล้ววันสุดท้ายค่อยว่ากัน

เมื่อถามว่า เป็นข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลจากวงในใช่หรือไม่ นายวิรัช บอกว่า ไม่ทราบว่าเป็นวงในหรือวงนอก แต่ก็เห็นอยู่ และไม่ได้มีใครที่ส่งข้อมูลให้  โดยรู้มาจากก่อนหยุดพูด และบอกกับผู้สื่อข่าวว่าแค่นี้พอแล้ว บางอย่างก็อย่าเพิ่งเปิด ต้องเกริ่นไว้ก่อน

เมื่อถามว่า การดีลขั้วตั้งรัฐบาลระหว่างพรรค พปชร.และ พท.มีความเป็นไปได้หรือไม่นั้น นายวิรัชกล่าวว่า เป็นไปได้หมด ไม่ว่าจะฝั่งโน้นหรือฝั่งนี้ พรรค พปชร.เราก้าวข้ามความขัดแย้ง เราจะไม่สุดโต่งข้างหนึ่งข้างใด

ถามย้ำว่า พปชร.มีเสียงน้อยกว่า พท. นายทักษิณจะให้ พล.อ.ประวิตรเป็นนายกฯ หรือไม่ นายวิรัชกล่าวว่า เมื่อถึงเวลาวันนั้นเขาคงตัดสินได้ การเลือกตั้งครั้งที่แล้วพรรค พท.ยังสนับสนุนให้นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ขึ้นเป็นแคนดิเดตนายกฯ แข่งกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จำได้หรือเปล่า เพิ่งผ่านมาไม่นานเอง เพราะเมื่อถึงเวลาคับขัน เขาก็ทำได้ แต่เมื่อมีการหาเสียงปราศรัยก็จะบอกว่าเขาจะเป็น

เมื่อถามว่า มีเหตุผลใดที่พรรค พท.จะให้ พล.อ.ประวิตรขึ้นเป็นแคนดิเดตนายกฯ นายวิรัชกล่าวว่า เพราะก้าวข้ามความขัดแย้ง ส่วนจะหมายถึงกรณีที่นายทักษิณพร้อมกลับเข้ามาติดคุกหรือไม่นั้น ไม่ทราบ ให้ไปถามนายทักษิณเอง เพราะเวลานั้นข่าวคงไปถึงท่านแล้ว เดี๋ยวท่านก็โฟนอินกลับมาเอง และก็จะเป็นคำตอบ แต่หากไม่ตอบก็ขอไม่พูดถึง การที่จะพูดอะไรออกไปก่อนบางอย่างก็เป็นสิ่งที่ดี บางอย่างก็ทำให้เขาตัดสินใจไปอีกข้างหนึ่ง วันนี้จึงขอเพียงเท่านี้ ส่วนจะรวมถึงการนิรโทษกรรมหรือไม่ ในส่วนนี้ยังไม่ได้ยิน

นายนพดลกล่าวในเรื่องนี้ว่า พท.ยึดหลักการเคารพเสียงและเจตจำนงของประชาชนผ่านการเลือกตั้ง ดังนั้นต้องยึดผลการเลือกตั้ง ขณะนี้จึงไม่ได้จับมือกับพรรคการเมืองใดตามที่แสดงความคิดเห็นกัน การจะจับมือกับพรรคใดหรือไม่ อย่างไร เป็นเรื่องที่คณะกรรมการบริหารพรรคจะมีมติหลังมีผลการเลือกตั้ง ซึ่งรออีกไม่นาน

ทสท.ย้ำไม่จับมือพรรค 2 ลุง

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) กล่าวว่า พรรคยังไม่ได้คิดสมการจับขั้วกับพรรคการเมืองใด แต่ได้ประกาศหลายครั้งว่าไม่จับมือร่วมงานกับเผด็จการ ย้ำว่าเราไม่สนับสนุนการผสมพันธุ์ข้ามขั้ว เพราะถือว่าต้มประชาชน วันนี้ไม่กล้าจับมือพรรคไหน เพราะไม่รู้ว่าท้ายที่สุดเขาเป็นอย่างไร ขอจับมือกับประชาชน เพื่อก้าวข้ามสิ่งชั่วร้าย

เมื่อถามว่า นายทักษิณระบุว่าพรรค พท.อาจจับมือกับ พล.อ.ประวิตร แต่ขอเป็นตัวเลือกสุดท้าย มองอย่างไร คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า เราปฏิเสธชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยในการจับมือข้ามขั้ว ส่วนใครที่จำเป็นต้องจับมือข้ามขั้ว ก็เป็นเรื่องของพรรคนั้น คิดว่าการทำการเมืองในวันนี้คิดแบบคนเป็นแม่ ไม่ได้คิดว่าจะได้กี่เก้าอี้ เพื่อแลกเป็นรัฐมนตรี เข้าไปโกง เข้าไปซื้อเสียง ถ้าแบบนั้นไม่ทำ ไม่ได้กระหายอำนาจ หากต้องขวนขวายไปรับตำแหน่งและเปลี่ยนแปลงประเทศไม่ได้ เสียเวลาไปพายเรือให้โจรนั่ง

“เราประกาศชัดเจนว่าจะไม่เป็นที่เหยียบยืนให้กับเผด็จการ รวมถึงไม่สนับสนุนให้มีการผสมข้ามสายพันธุ์ เพราะเท่ากับเป็นการหลอกประชาชนก่อนเลือกตั้ง” คุณหญิงสุดารัตน์ระบุ

น.ต.ศิธา ทิวารี เลขาธิการพรรค ทสท. ยืนยันว่า เราจะไม่พายเรือให้ทหารที่เคยปล้นอำนาจประชาชน ฉีกรัฐธรรมนูญ กลับมาขึ้นฝั่ง แต่เราจะเอาลุงไปลอยทะเล พรรค ทสท.จะแสวงจุดร่วม แต่สงวนจุดต่าง กับทุกพรรคในฝั่งประชาธิปไตย ที่ไม่เป็นนั่งร้านสืบทอดอำนาจให้เผด็จการของทุกลุง ไม่ใช่รวมลุงคนโน้น เพื่อไล่ลุงคนนี้ โดยเฉพาะพรรค พท.ที่พรรคใหญ่สุดในฝั่งประชาธิปไตยควรชัดเจนที่สุดในเรื่องนี้  พี่ใหญ่ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับน้องๆ ต้องแสดงความมั่นใจว่าจะไม่สนับสนุนลุงเป็นนายกฯ รัฐบาลใครก็อยากเป็น เพราะอยากทำนโยบายให้สำเร็จ แต่ถ้าต้องไปร่วมกับลุงแล้วบริหารอย่างที่ผ่านมาไม่ไหว

 “เราเคยเจอวัคซีนสูตรไขว้มาแล้ว แต่ถ้าต้องเจอรัฐบาลสูตรไขว้อีก ไขว้ข้ามขั้วทางการเมืองแบบนี้ ประชาชนรับไม่ได้” น.ต.ศิธากล่าว และว่า การโปรโมตด้วยนโยบายแลนด์สไลด์ มันคือการชิงคะแนนจากฝั่งเดียวกันเอง ทั้งๆ ที่พรรคฝ่ายประชาธิปไตยสามารถร่วมมือกันได้ ถ้ามัวแต่ทะเลาะกันเองฝ่ายประชาธิปไตยไปไม่รอดแน่ๆ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง