ฉีดวัคซีนกัน‘กลายพันธุ์’ วอนอย่าวิตกโอไมครอน

ไทยติดเชื้อต่ำกว่า 5 พันคน ดับ 27 ราย "พญ.อภิสมัย" ชี้ยุโรปติดเชื้อพุ่งเพราะการ์ดตกเลิกสวมหน้ากาก ย้ำไทยถ้าไม่รีบรณรงค์ให้ประชาชนฉีดวัคซีนเราอาจจะเป็นที่หนึ่งที่เกิดการกลายพันธุ์ของเชื้อได้ ด้าน "บิ๊กตู่" วอนอย่าวิตกกับโอไมครอนเกินไป กำชับตำรวจพื้นที่ไหนปล่อยฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินโดนแน่

เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2564 พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทยว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 4,753 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 4,684 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 4,486 ราย มาจากการค้นหาเชิงรุก 198 ราย มาจากเรือนจำ 57 ราย เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 12 ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสมยืนยันตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 2,111,566 ราย หายป่วยเพิ่มขึ้น 6,165 ราย ทำให้มียอดหายป่วยสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 2,013,021 ราย อยู่ระหว่างรักษา 77,811 ราย อาการหนัก 1,369 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 330 ราย

เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 27 ราย เป็นชาย 14 ราย หญิง 13 ราย เป็นผู้เสียชีวิตที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 22 ราย มีโรคเรื้อรัง 5 ราย พบผู้เสียชีวิตมากสุดอยู่ใน จ.แม่ฮ่องสอน 3 ราย ทำให้มียอดผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 20,734 ราย

อย่างไรก็ตาม แม้ตัวเลขผู้ติดเชื้อในประเทศไทยจะลดลง แต่การเตรียมความพร้อมรองรับผู้ติดเชื้อรายใหม่ยังคงมีอยู่ โดยใน กทม. ศูนย์คัดแยกชุมชนยังมีอยู่ 54 แห่ง รวมถึงมีโรงพยาบาลสนามอีก 8 แห่ง เพื่อรองรับกรณีพบผู้ติดเชื้อเพิ่ม ต้องยอมรับว่าการคาดหวังให้ผู้ติดเชื้อเป็นศูนย์คงไม่ได้ จึงต้องเตรียมความพร้อมไว้ก่อน ขณะที่สถานการณ์โลก มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 261,756,353 ราย เสียชีวิตสะสม 5,216,989 ราย

พญ.อภิสมัยกล่าวว่า สำหรับยอดผู้ได้รับวัคซีนของประเทศไทยเมื่อวันที่ 28 พ.ย. มีการฉีดวัคซีนเพิ่มเติม 235,121 โดส รวมยอดฉีดวัคซีนสะสมตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.ทั้งสิ้น 92,360,417 โดส โดยวันที่ 5 ธ.ค. กระทรวงสาธารณสุขตั้งเป้าฉีดวัคซีนให้ได้ 100 ล้านโดส ย้ำว่าวันนี้วัคซีนเพียงพอ ขออย่าลังเล ให้เข้าไปฉีดวัคซีน แม้แต่ในกลุ่มแรงงานต่างด้าวที่ผิดกฎหมายก็ขอให้ผู้ประกอบการพาไปฉีดวัคซีน

ผู้ช่วยโฆษก ศบค.กล่าวว่า การติดตามการแพร่ระบาดของเชื้อกลายพันธุ์ โอไมครอน ซึ่งทางองค์การอนามัยโลกได้ประกาศชัดเจนว่านับเป็นสายพันธุ์ที่มีความน่ากังวลสูง ทำให้กระทรวงสาธารณสุขต้องมีการปรับมาตรการอย่างเร่งด่วน สำหรับการติดเชื้อของต่างประเทศจากทั่วโลก หลายประเทศมีตัวเลขขยับขึ้นสูง เช่น สหราชอาณาจักร ตุรกี เยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี ขอเน้นย้ำว่าประเทศเหล่านี้มีตัวเลขประชากรฉีดวัคซีนแล้วค่อนข้างสูง และก่อนหน้านี้หลายประเทศประกาศผ่อนคลายมาตรการ อนุญาตให้ประชาชนเลิกสวมหน้ากากผ้า หน้ากากอนามัย เปิดร้านอาหารได้อิสระ แต่ขณะนี้จะเห็นได้ว่าหลายประเทศกลับมาคุมเข้มมาตรการอย่างเข้มงวดใหม่ ทำให้เกิดการประท้วงในหลายพื้นที่ ในส่วนเอเชียนั้น ทิศทางตัวเลขยังทรงๆ อยู่ มาเลเซียมีตัวเลขลดลงอย่างต่อเนื่อง มีประเทศที่น่าจับตามองขณะนี้คือเวียดนาม ที่ตัวเลขกระโดดขึ้น สปป.ลาว มีตัวเลขเกินพันมากว่า 2 สัปดาห์แล้ว

"องค์การอนามัยโลกได้ย้ำว่า ในกลุ่มผู้ป่วยสูงอายุ และมีโรคประจำตัวถือว่ามีความเสี่ยงที่น่าเป็นห่วง และเน้นย้ำว่าปัจจัยสำคัญในการเกิดเชื้อกลายพันธุ์มักจะเป็นประเทศที่มีประชากรที่ได้รับวัคซีนค่อนข้างต่ำ มีการกระจายวัคซีนไปยังประชาชนน้อยมาก ทำให้ภูมิคุ้มกันน้อยนั้นเป็นเหตุให้เกิดเชื้อกลายพันธุ์อย่างต่อเนื่อง ดังนั้น ทางกระทรวงสาธารณสุขจึงย้ำว่าหากใครไม่รีบรณรงค์ให้ประชาชนฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมประชากรได้มากที่สุด เราอาจจะเป็นที่หนึ่งที่เกิดการกลายพันธุ์ของเชื้อได้" พญ.อภิสมัยกล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนว่า ได้เน้นย้ำไปแล้ว อย่าให้กลายเป็นเรื่องความวิตกจนเกินไป วันนี้เราได้เพิ่มมาตรการและมาตรฐาน ห้ามคนเข้า-ออกประเทศต้นทางที่มีการแพร่ระบาดอยู่แล้ว และเมื่อวันที่ 28 พ.ย.ได้สั่งการไป ซึ่งก็ได้มีการประกาศออกมาแล้ว อย่าไปกังวล

"ขออย่างเดียวให้ฉีดวัคซีนให้ครบเร็วๆ ตอนนี้เรามีวัคซีนเพียงพอ รวมถึงวัคซีนทางเลือก ที่ยังไม่ได้ฉีดกันก็ขอให้มาฉีดกับเรา ฉีดฟรีอยู่แล้ว ดีกว่าไปรอ ขอให้ไว้ใจก็แล้วกัน" นายกฯ กล่าว

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.อ.ประยุทธ์ไปเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. ครั้งที่ 12/2564 โดยมีผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเข้าร่วมประชุม ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จึงเสร็จสิ้น พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษก ตร. กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีเป็นห่วงเรื่องการฝ่าฝืนกฎหมายสถานบริการ หรือสถานประกอบการต่างๆ ที่ยังคงต้องปฏิบัติตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หรือ พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ ได้กำชับว่าหากพื้นที่ใด ปล่อยปละละเลยไม่เอาใจใส่ มีการฝ่าฝืนอย่างโจ๋งครึ่ม เสี่ยงเป็นแหล่งแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ผู้บังคับบัญชาโดยเฉพาะผู้บังคับการ (ผบก.) ที่ดูแลพื้นที่ต้องมีส่วนรับผิดชอบ

นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลจากทุกศูนย์ของกรมวิทย์และเครือข่ายกว่า 300 แล็บ ว่าโอไมครอนหลุดรอดมาในประเทศไทย แต่โดยธรรมชาติจะเริ่มป้องกันได้ยากสำหรับการแพร่ระบาดของทุกไวรัส แม้จะป้องกันได้ทั้งทางอากาศ แต่ห่วงช่องทางธรรมชาติซึ่งเป็นหัวใจสำคัญ แต่การตรวจจับให้เร็วที่สุดจะเป็นการป้องกันที่ดีที่สุด จึงจะพยายามทำให้ดีที่สุดในการป้องกันอย่างเข้มข้น แต่โดยธรรมชาติเวลาโรคระบาดจะไปทั่ว ถ้าหยุดการเดินทางจริงๆ ต้องหยุดทั้งโลก ซึ่งสุดท้ายคือต้องหาวัคซีนมาป้องกันให้ได้

นายสุพัฒนพงษ์​ พันธ์มีเชาว์​ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน​ ให้สัมภาษณ์ถึงข้อกังวลเรื่องเชื้อกลายพันธุ์โอไมครอนว่า เราระมัดระวังเรื่องเปิดประเทศอยู่แล้ว และใน 63 ประเทศที่ให้เข้ามาก็ไม่มีกลุ่มประเทศแอฟริกา อีกทั้งกลุ่มประเทศดังกล่าวหากจะเข้ามาจะต้องกักตัวอยู่ในสถานที่กักตัวทางเลือกก่อน ต้องมีการตรวจเชื้ออย่างละเอียด ข้อมูลเบื้องต้นยังไม่พบว่ามีปัญหาอะไร แต่รายละเอียดต้องรอฟังกระทรวงสาธารณสุข และนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปก็ยังไม่มีใครเข้ามาอีก

"อย่างที่บอก ไม่เกิน 2-3 สัปดาห์น่าจะรู้ว่าเราจะมีผลกระทบอย่างไร ระหว่างนี้คงมีข้อมูลเข้ามาเรื่อยๆ ย้ำว่าเราระมัดระวังอยู่แล้ว" รองนายกฯ กล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง