ฟ้องบิ๊กตู่แก้ฝุ่นพิษอีกรอบ

ภาคเหนือยังอ่วม คนเชียงใหม่สุดทนฝุ่นพิษ ลงชื่อหนุนฟ้อง “บิ๊กตู่” พ่วง รมต.อีกระลอก หลังจากก่อนหน้านี้ศาลปกครองยกฟ้องไปแล้ว  “อนุทิน” ประกาศใช้ไม้แข็งหากได้เป็นรัฐบาล ก.ก.ชู 7 แนวทางแก้ไข

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 9 เม.ย.2566 ศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.)  รายงานการติดตามตรวจสอบคุณภาพอากาศว่า ภาพรวมฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในประเทศพบเกินค่ามาตรฐานในจังหวัดเชียงราย,   เชียงใหม่, น่าน, แม่ฮ่องสอน, พะเยา, ลำพูน, ลำปาง, แพร่, อุตรดิตถ์, ตาก, กำแพงเพชร และเลย โดยภาคเหนือ เกินค่ามาตรฐานเป็นส่วนใหญ่ ตรวจวัดได้ 29-243 ไมโครกรัม (มคก.)/ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.), ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เกินค่ามาตรฐาน 1 พื้นที่ ตรวจวัดได้ 18-64 มคก./ลบ.ม., ภาคกลางและตะวันตก ภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ดี, ภาคตะวันออก ภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ดีมาก, ภาคใต้ ภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ดีมาก และกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ดีมาก

ส่วนสถานการณ์ในพื้นที่ภาคเหนือนั้น นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ในฐานะผู้บัญชาการศูนย์ป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควัน จ.เชียงราย ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายทำการดับไฟป่าและแนวกันไฟตามภูเขาต่างๆ ที่เกิดไฟอย่างหนักในหลายอำเภอของ จ.เชียงราย ขณะที่ศูนย์ปฏิบัติการด้านการแพทย์และสาธารณสุข จ.เชียงราย รายงานสถานการณ์ด้านสุขภาพว่า ในวันที่ 9 เม.ย. มีผู้ป่วยใน 7 กลุ่มโรคที่เกี่ยวข้องกับทางเดินหายใจเข้ารับการรักษาทั้งสิ้น 142 ราย โดยเป็นผู้ป่วยฉุกเฉิน 60 ราย ผู้ป่วยใน 14 ราย และผู้ป่วยนอก 68 ราย

ขณะที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้มีประชาชนชาวเชียงใหม่ผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ปัญหาฝุ่นควัน ไฟป่า และมลพิษอากาศที่ยืดเยื้อร่วมลงชื่ออย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนเครือข่ายภาคประชาชน นำโดยมูลนิธินิติธรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม และคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่  ที่เตรียมยื่นฟ้อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม, รัฐมนตรีที่มีส่วนเกี่ยวข้อง, คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ และคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) ต่อศาลปกครองเชียงใหม่ ในวันจันทร์ที่ 10 เม.ย. เพื่อให้ดำเนินการตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ, แผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง และ พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เพื่อให้ปฏิบัติการตามกฎหมายลดทอนความรุนแรงของสถานการณ์ฝุ่นควันที่เกิดขึ้นในช่วงนี้

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 30 มี.ค. ศาลปกครองเชียงใหม่ได้มีคำพิพากษายกฟ้อง ในคดีหมายเลขดำที่ ส. 1/2566 คดี หมายเลขแดงที่ ส. 1/2566 ในคดีที่มีผู้ยื่นฟ้องขอให้นายกฯ มีคำสั่งให้หน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด เพื่อให้สภาพบรรยากาศในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทยมีฝุ่น PM 2.5 ไม่เกินมาตรฐานตามที่ประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติกำหนด

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวในระหว่างลงพื้นที่ จ.เชียงราย ถึงปัญหาฝุ่น PM 2.5 ว่า สาเหตุสำคัญมาจากประเทศเพื่อนบ้านมีการเผาป่า เผาไร่ แล้วฝุ่นควันมันลอยมาที่ไทย ต้องแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ต้องตั้งทีมไปพูดคุยกันอย่างจริงจัง และต้องคิดไปไกล ถ้าทำก็ดี แต่ถ้าไม่ทำ จะจัดการต่ออย่างไร ถ้าเขาไม่หยุด ต้องเล่นไม้แข็ง

“เรื่องฝุ่นแบบนี้ผมจะไปคุยกับประเทศเพื่อนบ้านที่เผาข้าวโพด เผานู่นเผานี่ ถ้ายังจะทำก็ไม่ต้องมาขายเรา เราก็ไม่ต้องไปซื้อของเขา เราพูดได้ เพราะเราไม่ใช่ทาสพ่อค้า เรารับใช้ประชาชน”

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่าหากเป็นรัฐบาลและได้เป็นนายกฯ จะออกกฎหมายอากาศสะอาด ดูแลมลพิษแบบครบวงจร และต่อไปการบังคับให้กฎหมายเผาป่าต้องเข้มงวดมากขึ้น ส่วน PM 2.5 คงต้องเจรจาในระดับประเทศเพื่อนบ้านด้วย

นายเดชรัต สุขกำเนิด ผู้อำนวยการศูนย์นโยบายเพื่ออนาคต หนึ่งในทีมเศรษฐกิจพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวว่า ขอเสนอมาตรา 7 ข้อ คือ 1.ประเทศไทยต้องมีร่างพระราชบัญญัติอากาศสะอาด และร่างพระราชบัญญัติการรายงานการปล่อยและการเคลื่อนย้ายสารมลพิษสู่สิ่งแวดล้อม หรือ PRTR 2.มีงบประมาณแก้ปัญหาไฟป่าลงสู่พื้นที่ระดับตำบล ตำบลละ 3 ล้านบาท 3.จะประกาศใช้มาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (GAP) เพื่อไม่ให้นำเข้าสินค้าเกษตรที่มีที่มาจากการเผาทุกประเภทเข้าสู่ประเทศไทย 4.ประกาศทางเลือกให้พี่น้องเกษตรกรที่ปลูกข้าวโพด อ้อย และข้าว ว่าสามารถนำเศษวัสดุเหลือใช้ เช่น ฟางข้าว ใบอ้อย ต้นข้าวโพด มาขายในราคา 1,000 บาท/ตัน สามารถซื้อเครื่องจักรในการเก็บเกี่ยวหรือเปลี่ยนไปปลูกพืชอาหารอื่นๆ หรือไม้ยืนต้น โดยรับประกันผลตอบแทนที่ 500-1,000 บาท/เดือน

5.รถยนต์ทุกคันได้รับการตรวจสภาพรถยนต์และควันดำ โดยจะเปิดให้ตรวจสภาพรถยนต์ฟรีในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี 6.เปิดตรวจคัดกรองโรคมะเร็ง และโรคระบบทางเดินหายใจสำหรับประชาชนในภาคเหนือตอนบนฟรี 7.เตรียมพื้นที่ปลอดภัยที่มีเครื่องกรองอากาศ โดยเฉพาะศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก โรงเรียน ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ และห้องสมุดประชาชนในทุกๆ อำเภอ พร้อมกันนี้ รัฐบาลจะจัดสรรงบประมาณเพื่อแจกหน้ากากป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็กฟรี หากมีฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐาน

 “รัฐบาลก้าวไกลยืนยันด้วยว่าจำเป็นต้องมีนโยบายระยะยาว เพื่อจัดการไปที่ทุกต้นตอกำเนิดฝุ่น ไม่ว่าจะเป็นการทำให้ผู้ประกอบการที่มีส่วนสร้างหมอกควันพิษต้องรับผิดชอบ ทั้งในทางอาญาและทางแพ่ง ประชาชนฟ้องร้องดำเนินคดีได้หากพิสูจน์ได้ว่าบริษัทใดรับซื้อหรือมีส่วนทั้งทางตรงและทางอ้อมกับการเผาที่ทำให้เกิดมลพิษลอยเข้ามาในประเทศไทย” นายเดชรัตระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง