‘เสี่ยหนู’ท้าโพลได้12ที่นั่งวางมือ

“อนุทิน” ไม่มองข้ามโพล แต่ยันหากได้แค่ 12 เก้าอี้จริงก็ขอโบกมือลาการเมือง ฟุ้งโพลหนูแม่นกว่าพร้อมยกอดีตเลือกตั้ง ส.ส. 2 ครั้งโชว์ เพื่อไทยได้ทีโหนผลสำรวจ ลั่นหากแลนด์สไลด์จริงก็ไม่ต้องพึ่งใครทำหน้าที่ประสานตั้งรัฐบาล “พปชร.” เตรียมเปิดยุทธศาสตร์หาเสียงใหม่ ส่วน ปชป.นัด 19 เม.ย.โชว์กึ๋นด้านพลังงาน ภูมิใจไทยจัดเต็มนโยบาย อสม.-อสส. “พท.” จัดคิวปราศรัยต่อเนื่องกลัวคนลืม “อุ๊งอิ๊ง” ไฮด์ปาร์กออนไลน์ประเดิมเวทีร้อยเอ็ด “พิธา” ลั่นขอ 10 ปีทำให้อีสานหายเจ็บหายจน

เมื่อวันจันทร์ที่ 17 เมษายน 2566 ยังคงมีความต่อเนื่องจากการเผยแพร่โพลต่างๆ ในช่วงสุดสัปดาห์ โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) และแคนดิเดตนายกฯ กล่าวว่า เราดูหลายๆ โพล ซึ่งเรามั่นใจในความนิยมของพรรคภูมิใจไทย แต่ก็ไม่ได้มองข้าม ส่วนการเคลื่อนไหวของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ที่ออกมาคัดค้านนโยบายต่างๆ ของพรรคนั้นก็ไม่ได้สร้างผลกระทบ ขณะเดียวกันกลับทำให้ความแข็งแรงของผู้สมัคร ส.ส.ในแต่ละพื้นที่เพิ่มมากขึ้น และคิดว่าจะได้ ส.ส.เพิ่มมากขึ้น

 “ไม่มีโพลไหนสู้โพลผมได้หรอก ผมเป็นหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยก็ทำโพลของตัวเอง เชื่อมั้ยว่าตรงเป๊ะที่สุดเลย อย่างคราวที่แล้วผมคาดว่าจะได้ ส.ส. 52 คน แต่เข้ามาได้ 51 คน อย่างในสมัยที่ตัวเองยังเด็กๆ อยู่ คิดว่าจะได้ ส.ส.เข้ามา 22 คน ก็เข้ามา 22 คน ผมเชื่อตัวเอง" นายอนุทินกล่าว

เมื่อถามว่า โพลอนุทินจะได้ ส.ส.ถึง 3 หลักหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ไม่ขอปฏิเสธ และจะขอทำหน้าที่อย่างดีที่สุด แต่จะมองข้ามประชาชนไม่ได้เพราะเขาเป็นผู้ตัดสินใจ

ถามอีกว่า หลายโพลบอกว่าพรรค ภท.จะได้ลำดับ 2 ตรงกับโพลอนุทินหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า โพลของตนต้องเก็บไว้ในใจ เพราะมีหลักคำนวณของตัวเอง แต่ไม่สามารถพูดตัวเลขอะไรออกมาได้ ต้องเกรงใจประชาชน แต่ขณะเดียวกันหากผลออกมาแบบบางโพลที่บอกว่าพรรคได้ 3% ก็เท่ากับ 12 คน ก็ต้องมาดูว่าได้เพียง 12 คนเองหรือ ฝ่ายตรงข้ามก็ดีใจกันใหญ่เลย ซึ่งถ้าได้ 12 คนจริงก็ถือเป็นเรื่องดี จะได้ไม่ต้องเป็นหัวหน้าพรรคแล้ว ต้องตัดสินใจหยุดทุกอย่างในทางการเมือง

เมื่อถามว่า มีนักวิชาการกำหนดว่าพรรค ภท.จะเป็นตัวแปรหรือผู้กำหนดโฉมหน้ารัฐบาล นายอนุทินกล่าวว่า ขึ้นอยู่กับจำนวน ส.ส.ที่ประชาชนมอบให้ ต้องรอให้ถึงคืนวันที่ 14 พ.ค.นี้ค่อยตอบคำถามนี้

ขณะที่นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) และผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ กล่าวถึงโพลที่ให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเหมาะสมเป็นนายกฯ ในด้านแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และพัฒนาคุณภาพชีวิตและสวัสดิการของประชาชนว่า น.ส.แพทองธารได้รับการตอบรับที่ดีจากประชาชน และตรงกับแนวทางพรรคที่ต้องการพาประชาชนออกจากวิกฤตเศรษฐกิจและสังคมในรอบ 8 ปี ดังนั้นเราจึงมั่นใจว่าประชาชนอยากให้แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเข้ามาทำหน้าที่ ยิ่งตอกย้ำเป้าหมายแลนด์สไลด์จะเกิดขึ้นจริง จากนี้พรรคจะนำจุดแข็งที่มีอยู่บวกกับนโยบาย ไปชี้แจงให้ประชาชนได้ยิ่งมั่นใจว่าหาก พท.เป็นรัฐบาลจะพลิกฟื้นประเทศไทย และไม่ใช่แค่ตัว น.ส.แพทองธาร เพราะพรรคทำงานเป็นทีมจะตอบโจทย์แก้ปัญหาให้ประชาชนได้อย่างแน่นอน

พท.ลั่นไม่ต้องมีคนประสาน

เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มีคะแนนสูงสุดในการแก้ปัญหาความขัดแย้งและช่วยประสานงานการจัดตั้งรัฐบาล นายประเสริฐกล่าวว่า ถือเป็นความคิดเห็นของประชาชน แต่การแก้ปัญหาความขัดแย้งและประสานงานรัฐบาลนั้น อยากให้รอผลการเลือกตั้งออกมาก่อน ถ้าพรรค พท.ชนะถล่มทลายก็เป็นความชอบธรรมที่เราจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และไม่จำเป็นต้องให้ใครมาช่วยประสานงานจัดตั้งรัฐบาล 

วันเดียวกัน ยังคงมีความเคลื่อนไหวในการหาเสียงอย่างต่อเนื่อง โดยนายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกฯ ในฐานะรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติ และแคนดิเดตนายกฯ ขณะขอคะแนนเสียงจากประชาชน โดยคลิปดังกล่าว พล.อ.ประยุทธ์สวมเสื้อยืดสีขาวสกรีนข้อความ ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ และสวมทับด้วยเสื้อแจ็กเก็ตสีขาวของพรรค ประกอบเพลงลุงตู่อยู่ไหน เวอร์ชัน 2 โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวขอคะแนนเสียงว่า “ขอคะแนนเสียงจากพี่น้องประชาชนเลือก ส.ส.เขตพรรครวมไทยสร้างชาติทุกเขต ก็จะได้ผมเป็นนายกฯ แล้วอย่าลืมเลือกพรรครวมไทยสร้างชาติเบอร์ 22 นะครับ เลือกพรรครวมไทยสร้างชาติทั้ง 2 ใบนะครับ” ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้ชูมือเป็นหมายเลข 22 ด้วย

นายธนกรกล่าวภายหลังเผยแพร่คลิปดังกล่าวว่า ได้ขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ทำให้ เพราะภาคใต้พรรคอื่นทิ้งพรรคตัวเอง บอกเลือกพรรคลุงตู่ แต่ให้เลือกเขาเพื่อไปเลือกลุงตู่เป็นนายกฯ เลยต้องปรับเกมให้เลือกพรรคเบอร์ 22 และเลือกผู้สมัครเขต รทสช.ทุกเขต เพื่อให้มาเลือกลุงตู่เป็นนายกฯ เพราะคนที่ให้เสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ต้องเป็น ส.ส.พรรค รทสช. พรรคใครก็ต้องชูแคนดิเดตนายกฯ ตัวเองเป็นนายกฯ ดังนั้นอย่ามาโหนกระแสกันเลย

ขณะที่ พล.อ.ประวิตรได้สวมเสื้อผ้าปาเต๊ะคลุมทับด้วยเสื้อแจ็กเก็ต เดินห้างสรรพสินค้าย่านซอยรางน้ำ เพื่อรับประทานอาหารและพูดคุยกับผู้ประกอบการร้านอาหารถึงการค้าขายในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา โดย พล.อ.ประวิตรสอบถามผู้ประกอบการด้วยความเป็นห่วงเป็นใยและให้กำลังใจ โดยได้แวะเยี่ยมเยียนพูดคุยตามร้านค้าต่างๆ เช่น ร้านทิพย์สมัย ผัดไทยประตูผี, ร้านก๋วยจั๊บฮ่องเต้, ภัตตาคารเชียงการีล่า และร้านหนองมน เป็นต้น และในระหว่างเดินเยี่ยมชมร้านค้าต่างๆ ได้มีแฟนคลับและนักท่องเที่ยวที่มารับประทานอาหารได้มาขอถ่ายรูปจำนวนมาก ซึ่ง พล.อ.ประวิตรก็ร่วมถ่ายรูปกับบรรดาแฟนคลับ ด้วยความเป็นกันเอง สีหน้ายิ้มแย้ม พร้อมอวยพรให้แฟนคลับประสบความโชคดีในเทศกาลปีใหม่ของไทยด้วย

พปชร.จ่อเปิดยุทธศาสตร์หาเสียง

นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ โฆษกคณะกรรมการยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง พรรค พปชร. กล่าวว่า เร็วๆ นี้ พรรคเตรียมเปิดยุทธศาสตร์หาเสียงเลือกตั้งออกสู่สายตาสาธารณชน เพื่อก้าวข้ามความขัดแย้ง และพลิกฟื้นเศรษฐกิจ พลิกโฉมประเทศไทย เพื่อก้าวไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน

ส่วนนายอนุทินได้เป็นประธานแถลงนโยบายการพัฒนา และสวัสดิการอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และอาสาสมัครสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร (อสส.) โดยนายอนุทินกล่าวตอนหนึ่งว่า เราต้องไม่ลืมว่า อสม.คือบุคคลที่เป็นอาสาสมัคร ถ้าเราอยากหาเสียงแบบไม่ลืมหูลืมตา เราคงแถมแหลกแจกสะบัด แต่บอกเสมอว่า อสม.คืออาสาสมัครไม่มีใครบังคับให้มา พวกท่านมากันเอง ถ้ามาเรียกร้องค่าตอบแทนความเป็น อสม.จะหมดไปทันที ต้องรักษาศักดิ์ศรีของพวกท่านทุกคนที่เป็น อสม.ด้วย จึงต้องทำให้ทุกท่านยืนหยัดได้ด้วยความมีศักดิ์ศรี

 “ผมคิดว่าพรรคภูมิใจไทยโชคดีมีคนที่เป็น อสม.เป็นถึงประธานชมรม อสม.มาเป็นตัวแทนของพรรค ผมหวังว่าท่านจะให้พรรคการเมืองนี้ได้ต่อยอดดูแลทำประโยชน์ให้พี่น้อง อสม. เพื่อที่สิ่งดีๆ จะได้สะท้อนกลับไปยังประชาชน หากจะมี อสม.เป็น ส.ส.สักคนในสภาผู้แทนราษฎร ผมคิดว่ามีความหมายและสำคัญอย่างยิ่งต่อพี่น้อง อสม. เพื่อที่เขาจะได้ช่วยเข้าไปเป็นปากเป็นเสียงให้ อสม. ถ้าพี่น้อง อสม. 1 ล้านคนเลือกพรรคภูมิใจไทยทั้งหมด ผมไม่ต้องหาเสียงแล้ว ซึ่งภูมิใจไทยน่าจะเป็นพรรคที่สื่อสารกับพี่น้อง อสม.ได้ใกล้ชิดที่สุด” นายอนุทินกล่าว

นายอนุทินกล่าวถึงนโยบายการพัฒนาและสวัสดิการ อสม.และ อสส.ว่า จะเสนอกฎหมายจัดตั้งสถาบันอาสาสมัครสาธารณสุขแห่งชาติเพื่อส่งเสริมสุขภาพภาคประชาชน โดยใช้งบประมาณจากภาษีบาป, ค่าตอบแทน อสม. 2,000 บาท, เจ็บป่วยมีประกัน, เจ็บป่วยมีห้องพิเศษฟรี ค่าอาหารฟรี, เงินฌาปนกิจสงเคราะห์ อสม.เสียชีวิตได้ 500,000 บาท, เงินยืม อสม.-อสส.ปลอดดอกเบี้ยคนละ 100,000 บาท ผ่านกองทุนเงินออม อสม.และ อสส. และจัดตั้งกองทุนเงินออม อสม. และอสส. โดยเงินทุนมาจาก อสม.ส่งเงินเข้ากองทุน 100 บาทต่อเดือน รัฐบาลส่งเงินเข้ากองทุน 100 บาทต่อเดือน

 “เงินของนโยบายพรรคที่เกี่ยวกับ อสม.เป็นเงินที่หมุนเวียนในระบบกองทุนของ อสม. เราไม่ต้องไปตั้งสกุลเงินใหม่ แต่เงินจะหมุนเวียนอยู่ในระบบ อสม. ไม่ต้องใช้งบประมาณประเทศ” นายอนุทินกล่าว

ด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และแคนดิเดตนายกฯ พร้อมแกนนำพรรคได้ลงพื้นที่ช่วยหาเสียงให้ผู้สมัครพรรคในพื้นที่เขตบางกอกน้อยบางกอกใหญ่ และคลองสาน โดยนายจุรินทร์ระบุถึงกลยุทธ์ในการหาเสียงว่า ปชป.เดินหน้าทุกวันด้วย 3 ทัพ ทั้งทัพหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค และอดีตหัวหน้าพรรค ต่างมาช่วยกัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ปชป.สู้ศึกเลือกตั้งครั้งนี้ด้วยความตั้งใจจริงและรวมกันเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน

ปชป.เตรียมโชว์นโยบายพลังงาน

 “แม้การเลือกตั้งคราวที่แล้วประชาธิปัตย์ไม่มีที่นั่ง ส.ส.ใน กทม.เลย แต่พวกเราไม่เคยทิ้งพื้นที่ ไม่เคยทิ้งชาว กทม. ซึ่งพรรคจะจัดปราศรัยใหญ่ในกรุงเทพฯ 3 ครั้ง โดยปราศรัยใหญ่ครั้งที่ 2 จะจัดขึ้นบริเวณวงเวียนใหญ่ในวันที่ 23 เม.ย.นี้ ประชาธิปัตย์ได้ประกาศจุดยืนที่ชัดเจนว่า ทางรอดของประเทศถัดจากนี้ต้องเป็นประชาธิปไตยเต็มใบเท่านั้น ถ้าครึ่งใบอยู่อย่างนี้ก็เจอแรงเสียดทานไม่มีทางจบสิ้น และเป็นอุปสรรคในการบริหารราชการแผ่นดิน ดังนั้นประชาธิปไตยเต็มใบจะเป็นทิศทางชัดเจนที่จะพาประเทศเดินไปข้างหน้า ซึ่งประชาธิปไตยอย่างเดียวไม่พอ ต้องเป็นประชาธิปไตยไม่โกงด้วย” นายจุรินทร์กล่าว

ส่วนนายบัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรค ปชป.พร้อมแกนนำพรรคได้ลงพื้นที่ช่วยหาเสียงที่ จ.อุบลราชธานี โดยนายบัญญัติปราศรัยตอนหนึ่งว่า จุดแข็งของ ปชป. คือเราเป็นสถาบันพรรคการเมือง มีอุดมการณ์ มีความซื่อสัตย์สุจริต มีความจริงจังต่อการแก้ปัญหาให้กับชาติบ้านเมืองและประชาชน และจุดแข็งอีกข้อคือ ผลงานรัฐมนตรีของพรรค จึงมั่นใจว่าการเลือกตั้งครั้งนี้พรรค ปชป.จะไม่ผิดหวัง ขอย้ำว่าแม้จะมีคนออก

จากพรรคไป แต่เราก็ยังมีคนไหลกลับเข้ามาอีกเป็นจำนวนมาก

 นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรค ปชป. กล่าวว่า ในวันพุธที่ 19 เม.ย.นี้ เวลา 10.00 น.เป็นต้นไป ทีมเศรษฐกิจของพรรคนำโดยนายเกียรติ สิทธีอมร จะนำเสนอแนวทางช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้ประชาชนที่มีความเป็นไปได้ และไม่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมของอุตสาหกรรมพลังงานของประเทศ

นายประภัตร โพธสุธน รมช.เกษตรและสหกรณ์ฯ ในฐานะเลขาธิการพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวว่า ในวันที่ 19 เม.ย. นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรฯ ในฐานะหัวหน้าและแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค พร้อมแกนนำจะลงพื้นที่รณรงค์และปราศรัยหาเสียงที่สามแยกบางขวัญ อ.เมืองฉะเชิงเทรา เพื่อช่วยนายเฉลิง จูจำรัส ผู้สมัคร ส.ส.ฉะเชิงเทรา เขต 1 ของพรรค

ส่วนนายเทวัญ ลิปตพัลลภ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 พรรคชาติพัฒนากล้า (ชพก.) พร้อมด้วยนายประเสริฐ บุญชัยสุข นายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา, นายไพบูลย์ พฤกษ์พนาเวศ ที่ปรึกษานายกเทศมนตรี และทีมงานหาเสียงของพรรค ลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนตามชุมชนในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา ตลาดสด และเคาะประตูบ้าน ร้านกาแฟ ร้านค้า ร้านรวงต่างๆ เพื่อฝากเนื้อฝากตัวพร้อมแนะนำตัว

“ได้เดินพบปะพี่น้องประชาชนในตัวเมือง โดยเฉพาะพ่อค้าแม่ค้า พี่น้องประชาชน สะท้อนปัญหาให้ฟังว่าทุกคนอยากให้เศรษฐกิจมีความเจริญขึ้น ซึ่งเราจะเอายุคทองสมัย พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ กลับมา”

‘อุ๊งอิ๊ง’ ไฮด์ปาร์กผ่านหน้าจอ

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทยระบุว่า หลังเทศกาลสงกรานต์พรรคจะลงพื้นที่หาเสียงพบปะพี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่อง เริ่มที่ จ.ร้อยเอ็ด, กาฬสินธุ์, ขอนแก่น และอุดรธานี ระหว่างวันที่ 18-19 เม.ย. นำทีมโดยนายเศรษฐา ทวีสิน, นายนพดล ปัทมะ รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย, นายอดิศร เพียงเกษ อดีตโฆษกผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร  

“หลังสงกรานต์พรรคจะมีภารกิจเวทีปราศรัยต่อเนื่องกันทุกวัน โดยจะปรับรูปแบบและยุทธวิธีไปสู่การลงคะแนนในช่วงโค้งสุดท้าย ในการปราศรัยบางเวทีจะมี น.ส.แพทองธารปราศรัยผ่านระบบออนไลน์ด้วย เช่นเวทีร้อยเอ็ดและกาฬสินธุ์” นายณัฐวุฒิกล่าว

นายณัฐวุฒิกล่าวอีกว่า นายธนกรบอกว่าสุดท้ายแล้วประชาชนจะเลือกลุงตู่ เหมือนเช่นที่เคยเลือกความสงบจบที่ลุงตู่ แต่เชื่อว่าตอนนี้ประชาชนเข็ดแล้ว เลือกความเป็นอยู่ลุงตู่พอแล้ว ความสงบก็ไม่มี ความเป็นอยู่ยิ่งวิกฤต ไม่มีอะไรดีไปกว่าการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เอาพรรคการเมืองอีกฝ่ายเข้าไปทำหน้าที่

ด้านนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) และแคนดิเดตนายกฯ พร้อมแกนนำพรรคได้ลงพื้นที่ จ.หนองคาย โดยปราศรัยตอนหนึ่งว่า เมื่อ 2 ปีที่แล้ว พรรคก้าวไกลเคยนั่งคิดว่าจะแก้คำสาปห้ามพัฒนา หยุดการแช่แข็งภาคอีสานได้อย่างไร จนนำมาสู่วิสัยทัศน์อีสาน 2574 ที่มีเป้าหมายทำให้ภาคอีสานหายเจ็บหายจนภายใน 10 ปี

 “ภาพอนาคตของภาคอีสานในปี 2574 สำหรับพรรคก้าวไกล เป็นเรื่องที่เรียบง่าย เพียงแค่ทำให้ทุกคนตื่นมาตอนเช้ามีน้ำสะอาดใช้ ส่งลูกไปโรงเรียนก็เรียนฟรีจริง เดินทางไปไหนมีคมนาคมสาธารณะใช้ มีงานที่ดีใกล้บ้านตัวเอง ไม่ต้องเดินทางไปหางานไกลๆ ทำ ตอนเย็นกลับบ้านมาได้กินข้าวพร้อมหน้าทั้งครอบครัว ไม่ต้องรอมาเจอกันทุกวันหยุดเทศกาล นี่คือเป้าหมายที่เรียบง่าย ไม่ต้องคิดถึงตัวเลขสวยหรูที่จับต้องไม่ได้” นายพิธากล่าว

ขณะที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) และแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค พร้อมด้วยน้อง "จินนี่" ยศสุดา ลีลาปัญญาเลิศ และผู้สมัคร ส.ส.ฝั่งธนบุรี เดินทางด้วยรถแดงสองแถวมายังเวทีปราศรัยกู้ฝั่งธนฯ ณ บริเวณ BTS บางพลัด เขตบางพลัด กทม.เพื่อแนะนำผู้สมัครของพรรค

โดยคุณหญิงสุดารัตน์ได้ปราศรัยถึงนโยบายของพรรค ก่อนระบุว่าพรรค ทสท.คิดอย่างเป็นระบบ เพื่อดูแลคนทุกช่วงวัย ไม่ใช่มาทำนโยบายประชานิยมแจกเงิน 10,000 บาท เพื่อหวังคะแนนนิยมเหมือนพรรคการเมืองอื่น แต่ไทยสร้างไทยเราจะใช้เงินสร้างคน จ้างงาน ลดความเครียด ความเสี่ยงแต่ละช่วงวัย เติมความรู้ ทักษะ เติมโอกาส ใช้เทคโนโลยีของระบบดิจิทัลอำนวยความสะดวก สร้างพลัง ประชาชนต้องไม่หลง

“ดิฉันขออาสาเหนื่อยแทนพี่น้องคนไทย นำพาพี่น้องออกจากวิกฤตความขัดแย้งการเมืองสองขั้วยาวนานกว่า 17 ปี ที่ไม่ว่าใครเป็นฝ่ายชนะ แต่ประชาชนคือคนที่แพ้มาตลอด ไทยสร้างไทยเรามาทำให้คนไทยชนะ” คุณหญิงสุดารัตน์ระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง