ค่าไฟผ่านจุดสูงสุดแล้ว ประสานกกต.งบหมื่นล.

นายกฯ เผยประสาน กกต.อยู่ ปมตีกลับของบหมื่นล้านอุ้มค่าไฟแพง   ย้ำไม่กังวล แต่ต้องทำหลักฐานให้เรียบร้อย สนพ.แจ้งข่าวดีค่าไฟผ่านจุดสูงสุดแล้ว งวดหน้า ก.ย.-ธ.ค. ลุ้นเหลือ 4.30-4.40 บาทต่อหน่วย ยันลดค่าเอฟทีแน่ หลังปริมาณก๊าซในอ่าวไทยเพิ่ม แอลเอ็นจีราคาถูกลง พร้อมแจงไฟแพงเรื่องต้นทุนเชื้อเพลิง ไม่เกี่ยวสำรองไฟฟ้า รัฐบาลปลื้มเอกชนต่างไทยเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทย ไตรมาสแรกลงทุนกว่า 3 หมื่นล้านบาท

เมื่อวันที่ 30 เมษายน ที่อำเภอรัตภูมิ   จังหวัดสงขลา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)  ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตีกลับหนังสือจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่ได้มีหนังสือนำส่งของกระทรวงพลังงาน เพื่อขอให้ กกต.พิจารณาให้ความเห็นชอบในการที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) จะอนุมัติใช้งบกลาง 11,112 ล้านบาท มายังสำนักงาน กกต. เพื่อช่วยลดภาระค่าไฟฟ้าให้ประชาชนว่า  ตอนนี้ประสานกันอยู่ มีหลายอย่าง ไม่ได้กังวลอะไร เพียงแต่ว่าต้องทำหลักฐานให้เรียบร้อย เพราะอยู่ในช่วงรักษาการ

เมื่อถามว่า จะยื่นภายในวันที่ 2 พ.ค.  ซึ่งเป็นวันที่มีการประชุม ครม.หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ต้องรอดูอีกครั้ง และขอให้ประชาชนรอก่อน

นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า สนพ.ประเมินค่าไฟฟ้าได้ผ่านพ้นจุดสูงสุดในช่วงเดือน ม.ค.-เม.ย.2566 ไปแล้ว เชื่อว่าหลังจากนี้ค่าไฟฟ้าจะทยอยลดลง หลังปริมาณก๊าซอ่าวไทยเพิ่มเป็น 400 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน ในเดือน ส.ค. และเป็น 600 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน ในช่วงปลายปีนี้ ประกอบกับราคาแอลเอ็นจีนำเข้าถูกลง จะนำไปลดค่าไฟฟ้าผันแปร (เอฟที) งวดถัดไปสำหรับเดือน ก.ย.-ธ.ค. 2566 ที่อาจมีโอกาสได้เห็นค่าไฟฟ้าเฉลี่ยที่เรียกเก็บกับประชาชนลงมาอยู่ที่ระดับ 4.30-4.40 บาทต่อหน่วยได้

"นอกเหนือจากแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของก๊าซในอ่าวไทยจะทำให้ค่าไฟราคาถูกลงแล้ว อีกส่วนหนึ่งมาจากราคาก๊าซธรรมชาติจากตลาดจร (แอลเอ็นจี สปอต) ก็ราคาลดลงเช่นเดียวกัน จากงวดก่อนที่อยู่ประมาณ 24 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู ลงมาอยู่ที่ 14.87 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู" นายวัฒนพงษ์ระบุ

อย่างไรก็ตาม การรับซื้อไฟฟ้าเป็นอัตราส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (แอดเดอร์) ยังมีปัญหาอยู่ เพราะว่าในตอนนั้นที่ตั้งเกณฑ์ขึ้นมากำหนดให้มีการต่อสัญญาอัตโนมัติทุก 5 ปี จากระยะสัญญาตั้งต้น 10 ปี ซึ่งถือว่าเป็นอัตรารับซื้อไฟฟ้าที่แพง ขณะเดียวกัน ภาคอุตสาหกรรมยังอ้างว่าไม่สามารถลดอัตราซื้อขายได้ เพราะมีสัญญากำหนดไว้ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นบริษัทมหาชน (จำกัด) ทั้งสิ้น ซึ่งเป็นอัตราที่บวกไปกับต้นทุนค่าไฟฟ้าที่ประชาชนต้องจ่ายที่ 0.1384 สตางค์/หน่วย หรือคิดเป็น 2.90% จากต้นทุนที่มาจากนโยบายของรัฐ

ผอ.สนพ.กล่าวว่า ค่าไฟฟ้าที่แพงขึ้นนั้นเป็นเรื่องของต้นทุนเชื้อเพลิง เนื่องจาก 50-60% ของการคิดค่าไฟมาจากเชื้อเพลิง นอกจากนั้นจะเป็นส่วนของต้นทุนการก่อสร้างโรงไฟฟ้า, ต้นทุนระบบส่งไฟฟ้า และต้นทุนขายปลีกและจำหน่าย เป็นต้น จึงไม่เกี่ยวกับการสำรองไฟฟ้า (Reserve Margin : RM) ของประเทศ ทั้งนี้เมื่อมาดูข้อมูลจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จะเห็นได้ว่าประเทศไทยก็ยังมีสำรองไฟฟ้าไม่สูงมากนัก โดยแบ่งตัวอย่างสัดส่วน RM ปี 2559 อาทิ สเปน มี RM ที่ 180% สัดส่วนพลังงานหมุนเวียน 51.1%, อิตาลี RM 136% สัดส่วนพลังงานหมุนเวียน 44.8%, โปรตุเกส RM 130% สัดส่วนพลังงานหมุนเวียน 64.1%, เดนมาร์ก RM 130% สัดส่วนพลังงานหมุนเวียน 52.1%,  เยอรมนี RM 111% สัดส่วนพลังงานหมุนเวียน 50.2%, จีน RM 91% สัดส่วนพลังงานหมุนเวียน 33.1%, มาเลเซีย RM 51% สัดส่วนพลังงานหมุนเวียน 25.7% ส่วนไทย RM 39% สัดส่วนพลังงานหมุนเวียน 21.8% เป็นต้น

ทั้งนี้ ในอนาคตหากมีพลังงานสะอาดเพิ่มขึ้น เราต้องมีการสำรองไฟฟ้าเพิ่มขึ้นด้วย และราคาอาจจะแพงขึ้น เนื่องจากต้องมีการไปพัฒนาระบบการกักเก็บพลังงาน เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนที่จะขายไฟฟ้ากลับมาเข้าระบบ ซึ่งจะต้องมีบริหารระบบไว้อย่างดี ในขณะที่ไฟฟ้าจากพลังงานฟอสซิลอาจจะไม่เพิ่มขึ้น แต่ยังคงรักษาไว้เพื่อความมีเสถียรภาพ และโรงไฟฟ้าฟอสซิลจะปลดระวางตามกาลเวลา ส่วนโรงไฟฟ้าใหม่ๆ   จะสร้างได้ยากขึ้น เพราะข้อจำกัดด้านพื้นที่ ด้าน กฟผ.เอง มองว่าการสร้างสายส่งเพื่อไปรองรับพลังงานทดแทนอาจจะไม่คุ้มเท่ากับการสร้างแบตเตอรี่กักเก็บ

ทางด้านนายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง  ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ชื่นชมความก้าวหน้าที่เห็นผลเป็นตัวเลขที่มีพัฒนาการ ด้วยนโยบายและมาตรการส่งเสริมการลงทุนของรัฐบาล รวมทั้งปัจจัยด้านศักยภาพสนับสนุนความเชื่อมั่นของต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทย โดยในไตรมาสแรกของปี 2566 อนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทยแล้ว 174 ราย จากข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เป็นเงินลงทุน 33,048 ล้านบาท และเกิดการจ้างงานคนไทยแล้ว 1,932 คน รวมทั้งเกิดการถ่ายทอดองค์ความรู้แก่คนไทยอีกด้วย โดย 5 อันดับแรกของชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุน ได้แก่ ญี่ปุ่น 46 ราย, สิงคโปร์ 30 ราย, สหรัฐอเมริกา 25 ราย, จีน 10 ราย และสมาพันธรัฐสวิส 9 ราย

โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวด้วยว่า ธุรกิจที่ได้รับอนุญาตส่วนใหญ่เกี่ยวเนื่องกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ นโยบายการส่งเสริมการลงทุนเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยมี 31 ราย ที่สนใจลงทุนในพื้นที่ EEC คิดเป็นร้อยละ 18 ของจำนวนนักลงทุนทั้งหมด มีมูลค่าการลงทุน 3,264 ล้านบาท ซึ่งจากการทำงานเพื่อดึงดูดผู้ลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ล่าสุด บริษัท ฉางอัน ออโตโมบิล หนึ่งในผู้นำด้านเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าและระบบขับขี่อัจฉริยะ และผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับ 4 ของจีน ได้ตัดสินลงทุนในไทยกว่า 9,800 ล้านบาท สร้างฐานการผลิตรถยนต์ EV แห่งแรกนอกประเทศจีน เพื่อส่งออกทั่วโลก กำลังการผลิตในระยะแรก 1 แสนคันต่อปี เพื่อตอบสนองความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ถือได้ว่าไทยมีความพร้อมและมีศักยภาพได้รับการยอมรับ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าที่สำคัญของโลก

ขณะที่นายอนุสรณ์ ธรรมใจ กรรมการวิทยาลัยนานาชาติปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และอดีตกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขณะนี้มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นในการขาดแคลนแรงงานในภาคอุตสาหกรรมเกษตรและภาคอุตสาหกรรมการผลิตใช้แรงงานทักษะสูง ขณะที่ขนาดของตลาดภายในแทบไม่มีการเติบโตจากอัตราการเกิดที่ต่ำมากและสังคมเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย บางภาคส่วนของระบบเศรษฐกิจไทย จึงต้องอาศัยแรงงานอพยพจากประเทศเพื่อนบ้านในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ รัฐบาลใหม่ควรมียุทธศาสตร์และนโยบายเกี่ยวกับโครงสร้างประชากรและแรงงานอพยพ  ตลอดจนการตั้งถิ่นฐานของคนที่ไม่มีสัญชาติไทยให้เหมาะสม การจัดระเบียบนี้ต้องพิจารณามิติทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง สังคม และความมั่นคงให้ชัดเจน  การเปิดเสรีให้ชาวต่างชาติและนักลงทุนต่างชาติในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และที่ดิน  จึงต้องดำเนินการอย่างรอบคอบรัดกุม  

"เมื่อได้รัฐบาลใหม่หลังการเลือกตั้งแล้ว คาดว่าไทยคงจะสามารถเดินหน้าจัดทำข้อตกลงการค้าเสรีในกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจต่างๆ ได้อย่างรอบคอบ  อย่างมีกลยุทธ์และรัดกุมยิ่งขึ้น การเข้าเป็นส่วนหนึ่งของระบบโลกาภิวัตน์ที่เปลี่ยนไป เป็นโลกาภิวัตน์ที่มีการแข่งขันเชิงอำนาจทางการเมืองและเศรษฐกิจมากขึ้นของจีนและสหรัฐอเมริกา รัฐบาลใหม่ควรวางตำแหน่งทางยุทธศาสตร์ของไทย ที่เน้นการพัฒนาอย่างยั่งยืนและเท่าเทียมมากขึ้น" นายอนุสรณ์ระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'หมอนทองเขาบรรทัด' สินค้า GI รายการที่ 3 ของตราด

รัฐบาลมุ่งเพิ่มมูลค่าสินค้าท้องถิ่นไทย ขึ้นทะเบียนทุเรียนหมอนทองเขาบรรทัด เป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ จังหวัดตราด เพื่อความเชื่อมั่นคุณภาพสินค้า ยกระดับรายได้ชุมชน