‘หนู’สอนมวยนิด ภท.ลุยฟ้องหมิ่น

"อนุทิน" สอนมวย  "เศรษฐา” 7 ข้อ หลังปราศรัยใส่ร้ายเดือดที่นครพนมเลือก “ภท.” ได้ “บิ๊กตู่” พร้อมไฟเขียวลูกพรรคดำเนินคดี ชี้เข้าการเมืองไม่นานเปลี่ยนไปมาก หลัง 14 พ.ค.จะเรียนรู้อีกแบบ เหตุทำทางเดินจัดตั้ง รบ.แคบลง แถมคะแนนนิยมยังแพ้ “อุ๊งอิ๊ง” ด้าน “พี่นิด” โต้ เป็นคนเดิม ไม่โกรธเป็นพี่น้องเหมือนเดิม หวัง “น้องหนู” เห็นปัญหาคนติดกัญชา ย้ำจุดยืนร่วมรัฐบาลกับ พท. กัญชาการแพทย์อย่างเดียว

ภายหลังที่นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ไปปราศรัยหาเสียงที่จังหวัดนครพนม ว่าเลือกพรรคภูมิใจไทย ได้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ อีกสมัย เมื่อวันที่ 1 พ.ค. ทำให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง "จากหนูถึงพี่นิด"  โดยมีรายละเอียดว่า "วันนี้ ต้องขอกล่าวถึงการปราศรัยของคุณเศรษฐา ทวีสิน หรือพี่นิด ที่รู้จักมานานหลายปี ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ลำดับที่ 2 ของพรรคเพื่อไทย ที่ได้ปราศรัยที่จังหวัดนครพนม

ข้อ 1 พี่นิดเปลี่ยนไปมาก ตั้งแต่เข้ามาสู่การเมือง ผมไม่อยากเชื่อว่าเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ไม่กี่วันพี่นิดจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ ถ้าได้เป็นนายกรัฐมนตรีจริงๆ  จะเป็นไปได้ขนาดไหน

 ข้อ 2 ในฐานะน้อง แต่เป็นนักการเมืองรุ่นพี่ ขอแนะนำให้ทุกคนทำงานการเมืองแบบสร้างสรรค์ ไม่ด่าคนไปทั่ว ไม่พูดเท็จ ใส่ร้ายป้ายสีคนอื่น ต้องศึกษาให้ดีก่อนจะพูด

ข้อ 3 พรรคภูมิใจไทยไม่สนับสนุนกัญชาเสรี เราจึงออกกฎหมายมาควบคุมการใช้กัญชาทางที่ผิด ส่งเสริมการใช้กัญชาทางการแพทย์ สุขภาพ และ เศรษฐกิจ พี่นิดทราบไหมครับว่า พรรคเพื่อไทยลงมติถอดกัญชาออกจากประมวลกฎหมายยาเสพติด และลงมติรับหลักการร่างกฎหมายกัญชา กัญชง นี่คือ ความจริงที่พี่นิดควรรู้ก่อนจะขึ้นเวทีปราศรัย และต้องรู้ด้วยว่า การที่พรรคเพื่อไทยและพรรคการเมืองอื่นๆ ไม่สนับสนุนการออกกฎหมายกัญชา กัญชง จึงทำให้เด็กมีโอกาสเข้าถึงกัญชาได้ เพราะไม่มีกฎหมายควบคุม

ข้อ 4 พรรคภูมิใจไทยเสนอชื่ออนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี ติดป้ายไปทั่วประเทศ ไม่เคยพูดว่า เลือกภูมิใจไทย ได้ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี การที่พี่นิด ปราศรัยบนเวทีว่าเลือกภูมิใจไทยได้ ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นการให้ข้อมูลเท็จกับประชาชน ผิดกฎหมายเลือกตั้ง

  ข้อ 5 ผมยืนยันว่า เลือกภูมิใจไทย เบอร์ 7 เป็นอันดับ 1 อนุทินจะเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะพรรคภูมิใจไทยเสนอแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนเดียว แต่เลือกเพื่อไทย ไม่รู้ว่าเศรษฐา ทวีสิน จะได้เป็นหรือไม่ เพราะคะแนนนิยมยังน้อยกว่าแพทองธาร ชินวัตร อีกมาก

 ข้อ 6 พี่นิดเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีไม่กี่วัน ทำให้พรรคเพื่อไทยมีทางเดินแคบลงทุกวัน สร้างเงื่อนไข ไม่จับมือพรรคนั้นพรรคนี้ ดูถูกดูแคลนนักการเมือง ทั่วไป ไม่มีความรู้ ไม่มีประสบการณ์ ทั้งๆ ที่พี่นิดเป็นคนหน้าใหม่ที่สุดในเวทีการเมือง และเป็นคนไม่มีประสบการณ์ในการเมือง 

ข้อ 7 ในฐานะรุ่นพี่ทางการเมือง ขอบอกว่า นักธุรกิจบางคนไม่ประสบความสำเร็จทางการเมือง เพราะเอาวิธีคิดแบบธุรกิจมาใช้ในการทำงานการเมือง แต่การเมืองไม่ใช่ธุรกิจ นักการเมือง โดยเฉพาะคนจะเป็นผู้นำประเทศ ต้องสร้างความรักสามัคคีของคนในชาติ ไม่ใช่สร้างความขัดแย้งหรือสร้างกำแพงใส่กัน ทั้งนี้ หลังวันที่ 14 พฤษภา พี่นิดจะได้เรียนรู้การเมืองอีกแบบ ผมให้กำลังใจครับ"

ต่อมา วันที่ 2 พ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทินให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายเศรษฐาปราศรัยพาดพิงพรรคภูมิใจไทยที่เข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้ง จะดำเนินการทางกฎหมายหรือไม่ว่า พรรคภูมิใจไทยมีฝ่ายกฎหมายที่คอยดูอยู่แล้ว ว่าตรงไหนจะทำให้เกิดความเสียหายต่อพรรค ถ้าเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย ฝ่ายกฎหมายก็จะดำเนินการไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างกับใคร   ขณะที่ตัวผู้สมัครของพรรคภูมิใจไทยทุกคน คนเหล่านี้ก็มีสิทธิ์จะดำเนินการที่จะปกป้องความชอบธรรมของตัวเอง

เมื่อถามว่า นายอนุทินโพสต์เฟซบุ๊กว่า  นายเศรษฐาทำการเมืองให้ทางเดินพรรคเพื่อไทยแคบลง สมมติว่าหลังเลือกการประกาศจุดยืนไม่เป็นไปตามที่กล่าวไว้กับพรรคเพื่อไทย จะต้องรับผิดชอบทางการเมืองอย่างไรหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า  "ถึงเวลาจริงๆ ก็รู้กันอยู่ว่าใครเคาะได้  ใครได้แต่พูด ตรงนี้คนการเมืองเขารู้ดี ผมไม่ขอพูด" 

ส่วนจะเป็นการปิดประตูกับพรรคเพื่อไทยเลย หรือยังพอคุยกันได้นั้น  นายอนุทินกล่าวว่า "ผมคิดว่าพรรคเพื่อไทยนั้น ถึงเวลาที่จะมีการพูดคุย เขาจะมีคน มันจะมีช่องทางในการพูดคุย ถ้าจำเป็นต้องพูดคุย ทุกพรรคการเมืองเราจะรู้ว่าคนนี้ตัวจริง คนนี้ตัวไม่จริง"

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีโทร.เคลียร์ใจกับนายเศรษฐาหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ไม่มีแล้ว จะไปโทร.ทำไม มาถึงขนาดนี้แล้ว ซึ่งนายเศรษฐาเขาว่าตนก่อน ไม่ได้ว่าส่วนตัว เขาว่าพรรคมันหนักกว่า ถ้าว่าส่วนตัวตนยังถือว่าเป็นพี่ๆ น้องๆ แต่นี่ว่าพรรค ทุกคนในพรรคก็เสียหาย ตนก็จำเป็นต้องออกมาตอบโต้ เท่านั้นเอง ไม่มีอะไรในเรื่องส่วนตัว เพราะถ้ามีเรื่องส่วนตัวก็คงไม่เรียกว่าพี่นิด

ด้านนายเศรษฐา ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ถึงนายอนุทิน โดยระบุว่า ขอบคุณนายอนุทินที่ให้เกียรติเรียกตนว่าพี่และให้ข้อคิดกับรุ่นน้องทางการเมืองอย่างตน แต่ตนต้องขอแย้งในสิ่งที่คุณหนูบอกว่า ตนเปลี่ยนไปเยอะ ตนยังยืนยันว่ายังเป็นนายเศรษฐา ทวีสิน คนเดิม ที่ไม่โจมตีตัวบุคคลมาโดยตลอดตั้งแต่อยู่ในภาคธุรกิจ และยืนยันหลักการที่ไม่ว่ายังไง เราต้องพูดเรื่อง "ความ" หรือ "การกระทำ" ได้ หาก "การ(กระทำ)" เหล่านั้นส่งผลลบต่อสังคม

นายเศรษฐาระบุว่า ในช่วงที่ผ่านมาที่ลงพื้นที่ สัมผัสถึงความทุกข์ใจของพี่น้องประชาชนด้วยตนเอง พวกเขาแสดงความไม่พอใจกับภาพ การปล่อยให้เกิดภาพนักเรียนอายุ 10 ขวบสูบกัญชา หรือการเกิดปัญหายาเสพติดอื่นๆ มากขึ้นในชุมชนต่างๆ ซึ่งเป็นภาพที่ตนและพี่น้องประชาชนจำนวนมากรับไม่ได้ และไม่อยากเห็นอนาคตของลูกหลานใช้ชีวิตในบ้านเมืองแบบนี้ ได้แต่หวังว่านายอนุทิน จะเห็นปัญหาที่ประชาชนเห็นเหมือนกับตน 

“สุดท้าย ขอให้คุณหนูดูแลสุขภาพ เพื่อจะได้ใช้เวลาลงไปพูดคุยกับประชาชน รับฟังเสียงความต้องการของพวกเขา และรอรับฟังฉันทามติจากพี่น้องประชาชนในวันที่ 14 พ.ค.นี้พร้อมกันครับ  เศรษฐา ทวีสิน คนเดิม เพิ่มเติมคือความหวังของพี่น้องประชาชน” นายเศรษฐา ระบุ

ต่อมานายเศรษฐาให้สัมภาษณ์ประเด็นดังกล่าวระหว่างลงพื้นที่หาเสียงตลาดนัดวัดหอมเกร็ด อ.เมืองฯ จ.นครปฐม ว่าเป็นเรื่องของประเด็นการหาเสียงและนโยบาย ไม่ใช่เป็นเรื่องของบุคคล เป็นเรื่องที่เราเห็นต่างตรงนโยบายมากกว่า

เมื่อถามว่า การที่นายอนุทินระบุเช่นนี้ ทำให้นายเศรษฐาเข้าใจบริบทการเมืองมากขึ้นหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ไม่ได้เปลี่ยนแปลง เข้าใจเหมือนเดิม  รู้ดีอยู่แล้วว่าอะไรเป็นอะไร ไม่โกรธ เป็นพี่เป็นน้องเหมือนเดิม ส่วนที่นายอนุทินจะให้เป็นเอกสิทธิ์ของผู้สมัคร ส.ส.พรรคภูมิใจไทยทั่วประเทศยื่นฟ้องนายเศรษฐานั้น เป็นเรื่องของพรรคเขา ทั้งนี้ ฝ่ายกฎหมายของพรรคคงจะตอบโต้หรือแก้ต่างกันไป

ผู้สื่อข่าวถามว่า ต้องระมัดระวังในการปราศรัยมากขึ้นหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า อะไรที่เราคิดว่าเป็นเรื่องที่ประชาชนควรจะทราบ ตนจะเผยแพร่ต่อไป

เมื่อถามย้ำว่า การที่นายอนุทินออกมาตอบโต้นายเศรษฐาอย่างรุนแรง ทั้งที่ก่อนหน้านั้นยังมีการทอดไมตรีกันว่าจะจับมือกับพรรคเพื่อไทย ดูว่ามีนัยอะไรหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามีนัยอะไร ต้องถามนายอนุทินเอง ส่วนเราชัดเจน เราร่วมกับพรรคการเมืองที่นโยบายไปด้วยกันได้ ไม่เอารัฐประหาร อย่างไรก็ตาม การจัดตั้งรัฐบาลต้องขึ้นอยู่กับคะแนนเสียงที่พี่น้องประชาชนมอบให้ เป็นเรื่องสำคัญมากที่สุด ซึ่งเรื่องดังกล่าวไม่มีผลต่อการเลือกตั้ง

เมื่อถามถึงข้อเสนอร่วมรัฐบาลของพรรคภูมิใจไทยที่ว่าจะต้องผลักดันกฎหมายควบคุมกัญชานั้น พรรคเพื่อไทยมีมุมมองอย่างไร นายเศรษฐากล่าวว่า “ไปถึงจุดนั้นค่อยว่ากันแล้วกัน ตัวเลขมาก่อนว่าใครได้คะแนนเท่าไร พรรคเพื่อไทยชัดเจน ถ้าจะร่วมกับเรา กัญชาก็ต้องการแพทย์อย่างเดียว ชัดเจนนะครับ”

ขณะที่นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายอนุทินอ้างว่าพรรคเพื่อไทยลงมติถอดกัญชาออกจากประมวลกฎหมายยาเสพติดนั้น คลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง พร้อมชี้แจงว่า การปลดล็อกกัญชาออกจากยาเสพติดอยู่ในอำนาจของรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งพรรคเพื่อไทยไม่ได้ไปลงมติด้วย ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยเห็นด้วยกับกัญชาเพื่อการแพทย์ และในชั้นรับหลักการร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง แต่ในมีกระบวนการแปรญัตติ พรรคเพื่อไทยไม่เห็นด้วยแล้ว และได้มีการอภิปรายให้เห็นว่ามีความเสี่ยงที่จะเปิดช่องให้เป็นกัญชาเสรี และการปราศรัยหาเสียงเพื่อให้ประชาชนเข้าใจ มิได้เข้าข่ายการหมิ่นประมาทที่จะมาฟ้องร้องกันได้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง