วืดประกัน‘ทิดคม’นอนคุก ผงะ!เจอขุมทรัพย์300ล้าน

ตร.สอบสวนกลางคุมตัว "ทิดคม" พร้อมพวก ฝากขังศาล วืดประกันตัว ชี้บ่อนทำลายพระพุทธศาสนา คดีโทษสูงเกรงหลบหนี ยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน ผงะ! ขุมทรัพย์หลังวัดป่าธรรมคีรี ขุดหลุมฝังดินบนเขาหลังวัด เงินสด 80 ล้าน ทองคำแท่ง 19 ล้าน รวมแล้วเกือบ 300 ล้าน ผบช.ก.ยันไม่ใช่การกลั่นแกล้ง จนท.หน่วยเกี่ยวข้องร่วมทุกกระบวนการ

เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เขตตลิ่งชัน พนักงานสอบสวน กองกำกับการ 3 กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นำตัวนายคม หรืออดีตพระอาจารย์คม อายุ 39 ปี, นายวุฒิมา หรือพระหมอ อายุ 38 ปี และ น.ส.จุฑาทิพย์ ภูบดีวโรชุพันธุ์ อายุ 35 ปี 3 ผู้ต้องหาเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นไปเสีย และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นไปเสีย หรือรับของโจร ไปยื่นคำร้องฝากขังครั้งเเรกเป็นเวลา 12 วัน

โดยคำร้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า อดีตพระมหาวุฒิมา เถาว์หมอ ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดป่าธรรมคีรี ครอบครองเงินที่ได้รับบริจาคของวัด อดีตพระมหาวุฒิมาเป็นเจ้าอาวาส เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังเอาเงินของวัดเป็นของตนหรือของผู้อื่นโดยทุจริต ด้วยการถอนเงินสดออกจากบัญชีเงินฝากของวัดตามคำสั่งการของอดีตพระคม เมื่อรวบรวมได้เป็นเงินจำนวนมากพอ อดีตพระคมสั่งการให้อดีตพระมหาวุฒิมานำเงินบรรจุใส่กระเป๋าเดินทางส่งมอบให้ น.ส.จุฑาทิพย์ ซึ่งเป็นน้องสาวของอดีตพระคมรับไว้ต่างกรรมต่างวาระ ตามสถานที่ต่างๆ ในจังหวัดนครราชสีมา กรุงเทพมหานคร และจังหวัดนนทบุรี เกี่ยวพันกัน

นอกจากนั้น น.ส.จุฑาทิพย์ยังได้นำเงินสดที่รับมาไปเก็บไว้ที่บ้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามตรวจค้นบ้านพักพบเงินสด 51 ล้านบาทเศษ จึงตรวจยึดไว้เป็นของกลาง รวมมูลค่าทรัพย์สินของวัดที่ถูกประทุษร้าย 182,776,733 บาท

โดยท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนระบุว่า มีเหตุอันควรเชื่อว่าผู้ต้องหาทั้งสามจะหลบหนี คดีมีอัตราโทษสูง ประกอบกับผู้ต้องหาทั้งสามจะก่อความเสียหายขนย้ายทรัพย์สินไปซุกซ่อนไว้ที่อื่น เตรียมเคลื่อนย้ายออกจากวัด พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนและควบคุมผู้ต้องหาทั้งสามจะครบ 48 ชั่วโมงแล้ว แต่การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องสอบสวนพยานที่เกี่ยวข้อง รอผลการตรวจพิสูจน์ของกลาง รอผลการตรวจลายพิมพ์นิ้วมือและประวัติต้องโทษของผู้ต้องหาทั้ง 3 ตรวจสอบข้อมูลโทรศัพท์ และข้อมูล เกี่ยวกับบัญชีธนาคารต่างๆ ขอศาลออกหมายขังผู้ต้องหาทั้งสามไว้ระหว่างสอบสวน และขอคัดค้านการขอปล่อยชั่วคราว เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูงเกรงว่าจะหลบหนี เป็นการกระทำสร้างความเสื่อมเสียแก่พระพุทธศาสนา เกรงจะมีการยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ระหว่างการสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 3 ที่ถูกควบคุมตัวนั้น มีการสั่งการให้พระและลูกศิษย์ทำการเคลื่อนย้ายทรัพย์ของวัดที่ได้รับบริจาคมาจากประชาชน นำออกไปเตรียมจะซุกซ่อนไว้ที่อื่น หากได้รับการปล่อยชั่วคราวเชื่อว่าจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ทำให้กระทบเสียหายต่อการสอบสวน

ทั้งนี้ ผู้ต้องหาทั้งสามได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาทั้งสาม ระบุเหตุผลว่ามิได้กระทำความผิด

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ความผิดที่ผู้ต้องหาทั้งสามถูกกล่าวหามีอัตราโทษสูง มีลักษณะร่วมกันกระทำความผิด โดยที่ผู้ต้องหาที่ 1, 2 อาศัยโอกาสกระทำความผิดในขณะครองสมณเพศ อันเป็นที่เคารพและเชื่อถือศรัทธาของประชาชน พฤติการณ์เป็นการบ่อนทำลายพระพุทธศาสนาอย่างร้ายแรง ประกอบกับมีการตรวจยึดของกลางคือเงินสด และความเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก หากปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาทั้งสามอาจหลบหนี หรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน อีกทั้งพนักงานสอบสวนคัดค้าน ในชั้นนี้จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวระหว่างสอบสวน

สำหรับการตรวจค้นภายในวัดป่าธรรมคีรี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ภายหลังตำรวจสอบสวนกลางจับกุมนายคม คงแก้ว หรืออดีตพระอาจารย์คม อภิวโร อดีตประธานสงฆ์วัดป่าธรรมคีรี นายวุฒิมา หรือพระหมอ เถาว์หมอ อดีตเจ้าอาวาส และ น.ส.จุฑาทิพย์ ภูบดีวโรชุพันธุ์ น้องสาวนายคม เจ้าหน้าที่ค้นหาหลักฐานต่างๆ เพิ่มเติม จากเบื้องต้นพบกลุ่มผู้ต้องหามีการซุกซ่อนเงินของกลางไว้ที่บัญชีน้องสาวของนายคม รวมทั้งเงินสดที่แพ็กใส่กระเป๋า รวมกว่า 180 ล้านบาท             

พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) เปิดเผยว่า เบื้องต้นเท่าที่พบก็คือ กลุ่มผู้ต้องหามีการซุกซ่อนเงินของกลางไว้ที่บัญชีน้องสาวของ นายคม รวมทั้งเงินสดที่บรรจุในกระเป๋าไว้เป็นอย่างดี รวมแล้วกว่า 180 ล้านบาท ล่าสุดเมื่อวานที่ผ่านมาได้รับรายงานว่า คณะกรรมการที่ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจสอบที่วัดแล้ว และไปพบทองคำแท่งมูลค่าประมาณ 19 ล้านบาท เงินสดอีก 80 ล้านบาท ที่ผู้ต้องหาขุดดินฝังไว้บนเขาบริเวณหลังวัด ซึ่งถ้ารวมกับทรัพย์สินที่พบครั้งแรกก็มีมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท

พล.ต.ท.จิรภพกล่าวต่อว่า จากการสืบสวนก็พอจะทราบด้วยว่า กลุ่มผู้ต้องหาน่าจะเริ่มก่อเหตุมาตั้งแต่ปี 2563 โดยตนได้สั่งการให้ขยายผลการดำเนินคดี และเสาะหาหลักฐานเพิ่มมาอีกเรื่อยๆ ส่วนกลุ่มผู้ต้องหาเท่าที่พบในขณะนี้ยังมีเพียงแค่ 3 ราย แต่หากพบว่าใครเกี่ยวข้องเพิ่มอีกก็จะมีการดำเนินคดีโดยทันที ส่วนหลักฐานเส้นทางการเงินคงต้องใช้เวลาสอบสวนอีกระยะหนึ่ง เนื่องจากต้องตรวจสอบหลักฐานที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก เฉพาะแค่บัญชีธนาคารของวัดก็มีมากถึง 6 บัญชี

"ส่วนแรงจูงใจเชื่อว่าน่าจะมาจากเรื่องเงินจำนวนมากที่ได้รับบริจาคมาจากชาวบ้านที่เลื่อมใสศรัทธา ตัวผู้ต้องหาอาจมองว่าเงินที่ได้มานั้น มาจากชาวบ้านศรัทธาในตนเอง ซึ่งมันไม่ถูกต้อง ขอยืนยันว่าคดีนี้ไม่ได้เป็นกลั่นแกล้งกันอย่างแน่นอน เพราะเจ้าหน้าที่นั้นทำงานด้วยความรับผิดชอบและรัดกุม นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบร่วมกันทุกกระบวนการอีกด้วย" พล.ต.ท.จิรภพกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

จำคุกคนละ 18 ปี 24 เดือน อดีตผอ.-รองผอ.สามเสนวิทยาลัย เบียดบังเงินแป๊ะเจี๊ยะ

ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ถนนเลียบรางรถไฟ ศาลกลางอ่านคำพิพากษา คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เป็นโจทก์ฟ้องนายวิโรฒ สำรวล อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนสามเสนวิทยาลัย