ฟุ้งชาวอุดรฯปลื้ม พญาเหยียบเมือง

นายกฯ โอดอ่านเอกสารวันละ 100 แฟ้ม ขอ รมต.สรุปข้อมูลประหยัดเวลาให้ ยันไม่ติดยึดกับอำนาจ อารมณ์ดี โบกมือทักสื่อบอก "ขอบคุณนะจ๊ะ" ด้าน "อานนท์ แสนน่าน" ปากหวาน ชาวอุดรธานีเป็นปลื้ม "ลุงตู่" ควง "ลุงป้อม" เปรียบเสมือนช้างเหยียบนา พญาเหยียบเมือง นำงบไปให้

เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2564 ที่สโมสรทหารบก วิภาวดี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม เป็นประธานในงานมอบรางวัลรัฐบาลดิจิทัล “DG Awards 2021” แก่หน่วยงานภาครัฐที่มีการปรับเปลี่ยนองค์กรสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัลระดับสูง ที่สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) จัดขึ้น

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวมอบนโยบายและทิศทางการขับเคลื่อนรัฐบาลดิจิทัล มีเนื้อหาตอนหนึ่งว่า การเชื่อมโยงข้อมูลกลางจากหน่วยงานต่างๆ อยู่ในจุดเดียว ถือเป็นสิ่งสำคัญ หลายเรื่องที่พวกเราได้ทำมา ไม่อาจสร้างการรับรู้ให้ประชาชนได้ ซึ่งตนจะต้องจัดระเบียบตรงนี้เสียใหม่ ต้องมีการจัดข้อมูลว่าเรามีกลุ่มงานกี่กลุ่ม มีส่วนที่ประสบความสำเร็จแล้วกี่หน่วยงาน มีผลงานของหน่วยงานใดบ้าง แล้วจะใช้ประโยชน์ได้อย่างไร งานด้านการพัฒนาที่กระทรวงได้ทำในฐานะรัฐบาลจะต้องถอดแบบออกมาให้ได้ โดยตนมอบหมายให้รัฐมนตรีแต่ละคนรวบรวมสิ่งที่ทำมาตลอดเวลา 2 ปีของรัฐบาลชุดนี้

"แต่ข้อมูลที่ส่งเข้ามาบางครั้งเป็นตัวเลขที่นำไปใช้สื่อสารกับประชาชนได้ยากจึงขอว่าเวลาที่ทำรายงานส่งมาถึงผมช่วยทำข้อมูลสรุปให้เห็นชัดว่าอะไรมีการเปลี่ยนแปลง อะไรเป็นสิ่งที่สร้างประโยชน์ ไม่ใช่ส่งมาแต่ตัวเลขละเอียดยิบ"

นายกฯ กล่าวว่า เมื่อแต่ละหน่วยงานส่งแบบนี้เข้ามา ก็ต้องอ่านทุกฉบับ แล้วก็เขียนสั่งการแต่ละหน่วยงานว่าให้ดำเนินการอะไรต่อไปบ้าง แต่ขอให้ทุกคนช่วยกันลดเวลาการอ่านเอกสารเหล่านี้ให้ด้วยเพราะแต่ละวันตนอ่านเอกสารหนังสือเยอะมาก ทุกคนส่งเอกสารหนังสือเข้ามาเป็น 100 แฟ้มเป็นแบบนี้ทุกวัน 100 แฟ้มก็ 100 เรื่อง เซ็นแต่ละวัน 30-40 แฟ้มแต่ก็ต้องอ่านบางครั้งก็เขียนเติมข้อสั่งการลงไปบ้าง

“เมื่อวานไปเยี่ยมอุดรธานี เห็นประชาชนแล้วดีใจที่เขาพร้อมจะร่วมมือ ผมไม่ได้มองการเมืองเวลาไปไหน ผมไปดูว่าเขาลำบากแค่ไหน เขาเหน็ดเหนื่อยแค่ไหน หน้าเขากร้านแค่ไหน ชีวิตความเป็นอยู่เขาเป็นอย่างไร ผมคิดเช่นนี้ทุกวันตั้งแต่ผมมีหน้าที่ดูแลประเทศดูแลประชาชน ผมคิดเช่นนี้ทุกวัน และผมก็มุ่งหวังเพียงเห็นรอยยิ้มจากเขาเท่านั้น ผมเป็นคนไม่ได้ติดยึดกับอำนาจ ผมเป็นคนที่จริงๆ แล้วเป็นคนเรียบง่าย แต่เมื่อมีเหตุผลความจำเป็นที่ต้องอยู่ที่ต้องทำหน้าที่ ตราบใดที่กฎหมายยังให้ผมทำอยู่ผมก็ต้องทำ และสิ่งเหล่านี้คือสิ่งเดียวที่เป็นรางวัลให้กับผม คือความภาคภูมิใจของผมเองโดยไม่ต้องมีใครมาให้กับผม ผมคิดแบบนี้ตลอดเวลาตั้งแต่รับราชการ 35 ปี ที่ผ่านมาในการเป็นทหาร” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า เวลา 13.30 น. พล.อ.ประยุทธ์เดินทางไปทำเนียบรัฐบาล แต่ไม่ให้สัมภาษณ์ เพียงแต่โบกมือทักทายและกล่าวสั้นๆอย่างอารมณ์ดีว่า "ขอบคุณนะจ๊ะ" ก่อนเดินขึ้นไปยังห้องทำงานบนตึกไทยคู่ฟ้าในทันที

นายอานนท์ แสนน่าน ผู้ริเริ่มก่อตั้งหมู่บ้านเสื้อแดง และอดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า พวกเราชาวอดีตหมู่บ้านเสื้อแดง 20 จังหวัดภาคอีสาน และประชาชนชาวจังหวัดอุดรธานี ปลื้มใจและดีใจเป็นอย่างยิ่งที่ทาง พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่เดินทางมาตรวจราชการในพื้นที่ของจังหวัดอุดรธานี เปรียบเสมือนช้างเหยียบนา พญาเหยียบเมือง ที่จะนำเอางบประมาณและความเจริญมาสู่จังหวัดอุดรธานี และ จังหวัดใกล้เคียง เพื่อพัฒนาชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น เพราะที่ผ่านมาอุดรธานีต้องการพัฒนาในด้านต่างๆ หลายด้าน

"ประชาชนที่เดินทางมาต้อนรับดีใจมากที่ท่านนายกฯ เป็นกันเอง พูดคุย ทักทาย จับมือ ถ่ายรูป และให้ชาวบ้านผูกผ้าขาวม้ากอดเอวได้ เป็นภาพที่น่ารักของท่านนายกฯ จึงทำให้หลายๆ คน รักนายกฯ ลุงตู่มากขึ้นกว่าเดิม” นอกจากนั้นแล้วลุงป้อมก็กันเองกับประชาชนที่เดินทางมาต้อนรับเดินมาทักทาย พูดคุย และ ขอบคุณประชาชนแทนลุงตู่”

“ต้องขอขอบคุณเพื่อนพ้องน้องพี่คนเสื้อแดงที่ต้องการจะให้มีการพัฒนาประเทศไทย โดยการนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จึงไม่มีใครออกมาคัดค้านหรือต่อต้านนายกฯ แต่อย่างใด ทุกๆ จุดที่ท่านนายกฯ ไป มีแต่มวลชนหลายร้อยหลายพันคนมารอต้อนรับ ส่งเสียงตะโกนดังกึกก้องไปตามจุดต่างๆ ว่า เรารักลุงตู่ เรารักลุงตู่ เรารักลุงตู่” นายอานนท์กล่าว

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เปิดเผยว่า ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน มีข่าวบิ๊กเนมจะย้ายพรรค ทำให้สื่อมวลชนถามข้อเท็จจริงต่อรัฐมนตรี 3 คนคือ นายอนุชา นาคาศัย, นายสมศักดิ์ เทพสุทิน และนายสุรยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และทั้ง 3 ปฏิเสธกระแสข่าว และตั้งข้อสังเกตเป็นการปล่อยข่าวลือ

นายเรืองไกรกล่าวว่า กรณีตามข่าวที่ปรากฏ ถ้าผู้ปล่อยข่าวลือดังกล่าวเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อาจเข้าข่ายที่ต้องขอให้ ป.ป.ช.ไต่สวนต่อไปว่ามีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองผู้ใดมีพฤติการณ์ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 234 (1) หรือไม่ และเพื่อให้ ป.ป.ช.ได้ข้อเท็จจริงดังกล่าว จึงเห็นว่าควรมีการไต่สวนจากรัฐมนตรีทั้ง 3 คนก่อนว่า ผู้ปล่อยข่าวลือดังกล่าวเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือไม่.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง