กกต.เตือนส่งบัญชีใช้จ่าย ‘พังงา’ข้องใจผลเลือกตั้ง

“อิทธิพร” ออกคำสั่งให้ชาวนครปฐมเขต 1 จำนวน 943 คน ไปใช้สิทธิเลือกตั้งใหม่ในวันอาทิตย์ที่ 21 พ.ค. หลัง 14 พ.ค.เจอพายุฝนกระหน่ำจนต้องหยุดหย่อนบัตร พร้อมกำชับพรรคการเมืองส่งบัญชีค่าใช้จ่ายอย่างละเอียดใน 90 วัน “เด็กเพื่อไทย” พังงาจี้ กกต.จังหวัดจัดเลือกตั้งเขต 2 ใหม่

เมื่อวันที่​ 19 พ.ค.2566 มีรายงานแจ้งว่า นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ลงนามคำสั่งคณะกรรมการการเลือกตั้งที่ 913/2566 เรื่อง ให้มีการลงคะแนนเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หน่วยเลือกตั้งที่ 10 เขตเลือกตั้งที่ 1 จังหวัดนครปฐมใหม่ โดยมีสาระสำคัญระบุว่า กกต.ได้รับรายงานกรณีคณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งได้ประกาศงดลงคะแนนตามมาตรา 102 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.2561   ด้วยในวันที่ 14 พ.ค.2566 เวลา 16.45 น.เกิดเหตุฝนตกหนักและลมพัดแรง ทำให้ปะรำที่เลือกตั้งล้ม และในระหว่างนั้นมีผู้มีสิทธิเลือกตั้งบางส่วนมาปรากฏตัวในที่เลือกตั้ง แต่คณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งที่ 10 ได้ประกาศงดการลงคะแนน จึงไม่อาจใช้สิทธิเลือกตั้งได้  อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 102 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.2561 ประกอบข้อ 5 และข้อ 166 ระเบียบ กกต.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.2566 กกต.จึงมีมติให้ยกเลิกการเลือกตั้งของหน่วยเลือกตั้งที่ 10 วันที่ 14 พ.ค. และกำหนดให้วันอาทิตย์ที่ 21 พ.ค.2566 เป็นวันลงคะแนนใหม่

ขณะเดียวกัน สำนักงาน กกต.นครปฐม ได้ออกประกาศเชิญชวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่อยู่บ้านเลขที่ 1 ถึงบ้านเลขที่ 88/100 หมู่ 8 ต.บางแขม อ.เมืองฯ จ.นครปฐม จำนวน 943 คน ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง ส.ส. ในวันอาทิตย์ที่ 21 พ.ค. ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. ณ ปะรำบริเวณองค์การบริหารส่วนตำบลบางแขม 

ขณะเดียวกัน กรณีประกาศ กกต.เรื่องกำหนดจำนวนเงินค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้ง ส.ส.2566 โดยกำหนดให้ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งแต่ละคนต้องใช้จ่ายในการเลือกตั้ง ส.ส.กรณีที่เป็นการเลือกตั้งทั่วไปอันเนื่องมาจากการยุบสภาเป็นเงินไม่เกิน 1,900,000 บาท  และพรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ต้องใช้จ่ายเป็นเงินไม่เกิน 44,000,000 บาท ขณะนี้การจัดการเลือกตั้ง ส.ส.เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งและพรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ต้องจัดทำบัญชีรายรับและรายจ่ายในการเลือกตั้ง ส.ส. ซึ่งประกอบด้วยค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่ได้จ่ายไปแล้ว และที่ยังค้างชำระ รวมทั้งเอกสารหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนตามความเป็นจริง โดยให้ผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งหรือหัวหน้าพรรคการเมืองลงลายมือชื่อรับรองความถูกต้องครบถ้วนของบัญชีรายรับและรายจ่าย และยื่นต่อผู้อำนวยการสำนักงาน กกต.ประจำจังหวัดและกรุงเทพมหานครด้วยตนเอง หรือมอบอำนาจเป็นหนังสือให้ผู้อื่นยื่นแทน

“พรรคการเมืองให้หัวหน้าพรรคการเมืองยื่นบัญชีรายรับและรายจ่ายในการเลือกตั้ง รวมทั้งหลักฐานที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนตามความเป็นจริงต่อเลขาธิการ กกต.ด้วยตนเอง หรือมอบอำนาจเป็นหนังสือให้ผู้อื่นยื่นแทน โดยให้ยื่นภายใน 90 วันนับจากวันเลือกตั้ง”

วันเดียวกัน ที่สำนักงาน กกต.จังหวัดพังงา นายกฤษ ศรีฟ้า ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.จังหวัดพังงา เขต 2 หมายเลข 4 พรรคเพื่อไทย ที่มีผลการเลือกตั้งเป็นลำดับที่ 2 แพ้เพียง 109 คะแนน พร้อมด้วยทีมทนายความ นำเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พ.ค.ที่มีความผิดปกติส่อไปในทางทุจริต เข้ายื่นต่อผู้อำนวยการสำนัก กกต.พังงา โดยมีประชาชนจาก 4 อำเภอเดินทางมาร่วมให้กำลังใจ พร้อมชูป้ายเรียกร้องให้ กกต.จัดการเลือกตั้งใหม่ในเขต 2

จากนั้น นายฮัสบุลเลาะห์  สุเรรัตน์ หัวหน้ากลุ่มงานสืบสวนสอบสวนและพรรคการเมือง สำนัก กกต.พังงา มารับหนังสือร้องเรียน พร้อมยืนยันว่า กกต.มีความโปร่งใส สุจริต และเป็นธรรม พร้อมตรวจสอบข้อเรียนและพยานหลักฐานต่างๆ ตามขั้นตอนและระยะเวลาอยู่แล้ว และจะแจ้งความคืบหน้าไปที่ผู้ร้องเท่านั้น

นายกฤษกล่าวว่า เราเคารพทุกคนที่มาใช้คะแนนเสียงกว่า 80,000 คน เคารพทุกเสียงตั้งแต่เบอร์ 1 ถึงเบอร์ 9 ที่เขาได้เสียงไป แต่เราไม่ยอมรับกับความไม่ถูกต้อง เพราะว่าเราก็ทราบๆ กันอยู่ว่าขบวนการเลือกตั้ง เกือบทุกครั้งเราก็ได้ยินข่าวเรื่องของการซื้อสิทธิขายเสียง จนกลายเป็นความชินชา กลายเป็นความชาชินแล้ว หลายฝ่ายก็เรียกร้องว่าเรายอมที่จะให้ความไม่ถูกต้องนี้ปรากฏเป็นสิ่งปกติในสังคมหรือ หรือเราจะต้องทำให้สิ่งที่ไม่ถูกต้องนี้เป็นความชั่วร้ายของสังคม เป็นเรื่องที่สังคมไม่ยอมรับ และทำให้มันถูกต้อง

สำหรับผลการเลือกตั้งเขตเลือกตั้งที่ 2 อันดับที่ 1 นายฉกาจ พัฒนกิจวิบูลย์ หมายเลข 2 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) 21,506 คะแนน, อันดับ 2 นายกฤษ ศรีฟ้า พรรคเพื่อไทย 21,397 คะแนน ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวน 108,410 คน มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 84,059 คน คิดเป็น 77.54% บัตรดี 75,493 บัตร คิดเป็น 89.81%  บัตรเสีย 3,485 บัตร คิดเป็น 4.14% บัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด 5,079 บัตร คิดเป็น 6.04%.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง