ยันฟันพิธาไม่กระทบพรรค!

“วิษณุ” งอนสื่อ ไม่ขอตอบปมเลือกตั้งโมฆะ หวั่นไม่เป็นธรรม “ก้าวไกล” อดีตเลขาฯ กกต.ยกกฎหมาย หัวหน้าพรรคถูกศาลฟันผิดปมหุ้นสื่อ ไม่กระทบเซ็นรับรองส่งผู้สมัคร ส.ส. “สภาทนายฯ” ชี้ผิดเฉพาะตัว ด้าน “พิธา” ลั่น ไม่กังวลหากตัดสินบริสุทธิ์ยุติธรรม

เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงเจตนาของตัวเองที่เคยระบุว่า หากนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ถูกตัดสิทธิ์ จะทำให้การลงนามรับรองผู้สมัคร ส.ส.เขต และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จะส่งผลให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะว่า ขอไม่ตอบอะไรแล้ว เพราะที่ตอบในวันก่อน คือสื่อถามและอยากรู้ และเมื่ออยากรู้ ตนก็ให้ความรู้ และควรจะจบแค่นั้น ถ้าขยายความต่อไป คิดว่าไม่เป็นธรรมต่อพรรคก้าวไกลที่เขากำลังดำเนินการไปในแนวทางที่ควรทำอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นอย่าไปทำอะไรที่ทำให้กระบวนการของเขาสะดุด ถ้าพูดมากกว่านี้ไปแสดงว่าตั้งใจให้เขาสะดุด และเมื่อตนไม่ได้ตั้งใจอย่าไปพูดอะไรอีก

นายวิษณุย้ำว่า ที่สื่อสารในลักษณะดังกล่าวไม่มีเจตนารมณ์ เพราะสื่อถาม ตนเลยตอบ และเวลาที่ไปออกข่าวก็ไม่ได้เสนอคำถาม เลือกตั้งใหม่ทั้งประเทศหรือไม่ทั้งประเทศก็ตามที เพราะเมื่อตนตอบไปก็มีสื่อแย้งว่าจะเป็นไปได้หรือเป็นไปไม่ได้ ตนก็บอกว่าเคยมีเท่านั้นเอง ไม่ได้ไปเปรียบเทียบอะไร และความจริงก็เปรียบเทียบอะไรไม่ได้ เพราะเป็นคนละกรณีกัน ดังนั้นจึงจะไม่ตอบเรื่องนี้แล้ว ช่วยถามคนอื่นเถอะ

วันเดียวกัน พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) และอดีตเลขาธิการ กกต. โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว อธิบายข้อกฎหมายกรณีการถือหุ้นสื่อของผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.และเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองที่เซ็นรับรองส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตัดสิทธิ์ปมถือหุ้นสื่อ มีเนื้อหาระบุว่า "คำถาม นายนิทราเป็นหัวหน้าพรรคการเมือง จดทะเบียนโดยถูกต้อง เมื่อมีการเลือกตั้ง นายนิทราได้ออกหนังสือรับรองให้ผู้สมัครของพรรคไปยื่นสมัครรับเลือกตั้ง นายนิทราลงสมัครแบบบัญชีรายชื่อของพรรค และได้รับการเสนอชื่อจากพรรคให้เป็นนายกรัฐมนตรี ต่อมาภายหลังจากวันเลือกตั้ง มีผู้ร้องเรียนว่า นายนิทราถือหุ้นสื่อ Utv หากศาลตัดสินว่าถือหุ้นสื่อ utv จริง การถูกตัดสิทธิ์จะมีผลถึงการรับรองผู้สมัคร ทำให้การรับรองจากนายนิทราไม่ชอบ ต้องจัดการเลือกตั้งใหม่หมดหรือไม่อย่างไร

อดีตเลขาธิการ กกต.ระบุอีกว่า "ตอบ นายนิทรา หัวหน้าพรรคการเมือง ที่มีการจัดตั้งโดยชอบด้วยกฎหมาย มีชื่ออยู่ในข้อบังคับพรรคการเมืองที่มีนายทะเบียนพรรคการเมืองรับรองประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อมีการเลือกตั้งนายนิทรา หัวหน้าพรรคการเมืองออกหนังสือรับรองการส่งผู้ได้รับการสรรหา (primary) เพื่อเป็นหลักฐานในการสมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขต ตามมาตรา 56 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง และมาตรา 45 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งภายหลังวันเลือกตั้ง

“หากศาลตัดสินว่า นายนิทราถือหุ้นสื่อมาก่อนเลือกตั้ง 5 ปี แม้ว่านายนิทราออกหนังสือรับรองให้กับผู้สมัครในช่วงขาดคุณสมบัติ มีลักษณะต้องห้าม แต่ก็เป็นคุณสมบัติลักษณะต้องห้ามของนายนิทรา ที่สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. แต่การลงนามรับรองให้กับผู้สมัครของพรรค เป็นการรับรองในฐานะหัวหน้าพรรคการเมือง ซึ่งเมื่อพิจารณาถึงคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของหัวหน้าพรรคการเมือง ก็มิได้ห้ามหัวหน้าพรรคการเมืองเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนแต่อย่างใด ตามมาตรา 16, 24, 9 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ประกอบรัฐธรรมนูญ มาตรา 98”

นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ออกแถลงการณ์สมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ให้ความเห็นข้อกฎหมาย ตอนหนึ่งว่า กิจการที่หัวหน้าพรรคก้าวไกลได้กระทำไปในฐานะเป็นหัวหน้าพรรค เช่น การลงชื่อส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ของพรรคก้าวไกล จึงมีผลสมบูรณ์ตามกฎหมาย ไม่ถูกกระทบเพราะการขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้ามของหัวหน้าพรรคแต่อย่างใด จึงไม่ต้องมีการเลือกตั้งซ่อมหรือเลือกตั้งใหม่ตามที่หลายฝ่ายมีความวิตกจนเกิดการวิพากษ์วิจารณ์ดังกล่าว

ขณะที่เมื่อวันศุกร์ นายพิธา เปิดเผยว่า ได้ตรวจสอบกับทางพรรคแล้ว ขณะนี้ กกต.ยังไม่มีการเรียกเข้าชี้แจง และหากตัดสินกันอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม ทั้งเรื่องหลักฐาน และเรื่องทางกฎหมาย คิดว่าไม่มีอะไรน่ากังวล อย่างไรก็ดี ฟังจากความเห็นของนักวิชาการ และอดีต กกต. บอกว่ามีกฎหมายที่สามารถพูดได้ ไม่ได้เกี่ยวข้องว่าใครผิดพลาดอะไร แล้วที่เหลือจะต้องมีการเลือกตั้งใหม่ แต่ยังมั่นใจในรายละเอียดของตัวเอง และมั่นใจจะตั้งรัฐบาลได้ ทุกอย่างมีความสม่ำเสมอ และมีแนวโน้มที่ดี หาก กกต.รับรองได้เมื่อไหร่ คาดว่าจะประชุมสภาได้โดยเร็ว และตามเวลาจะตั้งรัฐบาลได้ “พี่ศรี” ยุ กกต.ไม่ต้องรีบวินิจฉัย

นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีการขอข้อมูลมา เรารอกระบวนการนี้อยู่ คิดว่ากระบวนการน่าจะเริ่มหลังจาก กกต.รับรอง ส.ส.แล้ว มีกระบวนการตามขั้นตอนของกฎหมายอยู่แล้ว ยืนยันว่าไม่ได้เป็นกังวลในเรื่องนี้ เมื่อถามย้ำว่า หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองจากกรณีข้างต้น ได้มีการพูดคุยกับพรรคเพื่อไทยเพื่อเตรียมแผนสำรองไว้หรือไม่ นายชัยธวัชกล่าวว่า ไม่ได้มีการพูดคุยกัน คิดว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า กกต.ไม่จำเป็นต้องเร่งรีบวินิจฉัยก็ได้ ปล่อยให้คนบางพวกอกแตกตายไปก่อนก็ยังได้ แต่ควรจะพิจารณารวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้งพยานบุคคล พยานเอกสาร พยานผู้เชี่ยวชาญ ให้รอบด้านรัดกุม ก่อนที่จะวินิจฉัย และถ้าจำต้องรับรองความเป็น ส.ส.ของนายพิธาไปก่อนก็ยังได้ แต่เมื่อถึงเวลาที่จะต้องวินิจฉัยต้องนำเรื่องของสมาชิกภาพของความเป็น ส.ส.ตามรัฐธรรมนูญ 2560 ม.101 (6) ประกอบ ม.98 (3) ส่งต่อให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยในขั้นสุดท้ายต่อไปด้วย

นายเอกชัย หงส์กังวาน นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีผลคดีของนายพิธาออกมาเป็นลบ จะส่งผลให้คนสนับสนุนออกมาเคลื่อนไหวลงถนนหรือไม่ว่า มีความเป็นไปได้ เรื่องนี้ตนมองว่า ใครจะลงหรือไม่ลงถนน ตามรัฐธรรมนูญก็กำหนดแล้วว่าเป็นสิทธิของประชาชนที่จะแสดงความคิดเห็น ซึ่งการที่ประชาชนจะลงถนนก็มีเหตุผลอยู่แล้ว และการที่จะลงหรือไม่ลงก็ขึ้นอยู่กับ กกต.ว่าทำงานสุจริต เที่ยงธรรมหรือไม่ ทั้งการรับรอง ส.ส.ล่าช้า การวินิจฉัยการถือหุ้นสื่อของนายพิธา หากวินิจฉัยได้ดี และถูกต้องคงจะไม่มีใครลงถนน แต่หาก กกต.พิจารณาล่าช้า หรือกรณีนายพิธาที่ดูแล้วไม่ค่อยเป็นธรรม จะทำให้ประชาชนที่เลือกนายพิธามา 14 ล้านเสียง อาจจะไม่พอใจได้ เป็นสิทธิ์ที่เขาจะเคลื่อนไหวอย่างไร.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง