ผุด‘#เซฟเตรียมพัฒน์’ ปนัสยาโผล่ดันก้นหยก

"หยก" แต่งชุดไปรเวตปีนหน้าต่างเข้าโรงเรียน โลกออนไลน์ตีกลับผุดแฮชแท็ก save เตรียมพัฒน์ "ตัวตึงก้าวไกล" พูดไม่ออก บอกแค่ว่าต้องพูดคุยกัน ส่วน "รุ้ง" ยุส่ง ก็แค่เด็กกำลังพยายามอย่างมากที่จะไปเข้าเรียนอย่างที่เด็กดีควรจะทำ "อานนท์" พบ ตร.จี้เร่งดำเนินคดี ม.112-พ.ร.บ.คอมพ์ "สหายนอนน้อย" 6 คดี

สืบเนื่องจากกรณี น.ส.ธนลภย์ ผลัญชัย หรือหยก เยาวชนนักเคลื่อนไหวทางการเมือง อายุ 15 ปี โพสต์ข้อความช่วงกลางดึกวันที่ 13 มิถุนายนที่ผ่านมา ว่าถูกไล่ออกจากโรงเรียน โดยก่อนหน้านั้น เจ้าตัวแต่งกายด้วยชุดไปรเวตและย้อมสีผมเข้าเรียน ต่อมาโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการเผยแพร่แถลงการณ์ชี้แจงว่า หยกไม่ได้มีชื่อเป็นนักเรียนในปีการศึกษา 2566 เนื่องจากไม่ได้มามอบตัวพร้อมผู้ปกครองภายในวันที่กำหนด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 16 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันที่ 3 หลังเกิดเหตุ หยก ยังคงแต่งกายด้วยชุดไปรเวต เดินทางไปถึงโรงเรียนเมื่อเวลาประมาณ 07.40 น. แต่ประตูปิด หยกจึงเดินเข้าทางประตูด้านข้าง แต่มีครูและยามขวาง จึงตัดสินใจกระโดดเข้าทางหน้าต่างแทน

ทั้งนี้ ล่าสุดโลกออนไลน์เกิดแฮชแท็ก #saveเตรียมพัฒน์ บนทวิตเตอร์ หลังเกิดแฮชแท็ก #saveหยก ก่อนหน้านี้ โดยมีผู้แสดงความคิดเห็นจำนวนมาก อาทิ "การพูดคุยกันจะทำให้ปัญหาคลี่คลายลง ความขัดแย้งจะทุเลาลง ถ้าเกิดการพูดคุยและรับฟังซึ่งกันและกันของทั้ง 2 ฝ่าย"  #saveเตรียมพัฒน์ , "ร.ร.ทุกโรงเรียนมีกฎระเบียบแจ้งไว้อย่างชัดเจน ถ้ามันไม่ตอบโจทย์ที่น้องต้องการ ก็แค่หา ร.ร.ที่มันเข้ากับน้องได้ ไม่ใช่มาทำอะไรแบบนี้ เรียกร้องได้นะ สิทธิที่ตัวเองควรได้รับ แต่อยู่ในพื้นฐานของความเป็นจริงด้วย อยากเรียกร้อง อยากเอาชนะ คิดอีกทีสิ #saveเตรียมพัฒน์" เป็นต้น

นายวิโรจน์ ลักขณา​อดิศร​ ว่าที่ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ตนคิดว่ากำลังอยู่ในกระบวนการ กำลังแก้ไข หารือหาทางออกด้วยการพูดคุยกันอย่างสร้างสรรค์ เป็นทางออกที่ถูกต้องแล้ว “ต้องพูดคุยกัน เพราะว่าจุดยืนคือนักเรียนทุกคนต้องได้รับการเรียนหนังสือ”

ด้าน น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล  หรือรุ้ง แกนนำกลุ่มราษฎร โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Panusaya Sithijirawattanakul ระบุว่า พอเรากลับมาที่ไทย ตอนนี้รู้แล้วว่ายูนิฟอร์มไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเหตุผลทางการเรียน แต่ก็ยังหนีมันไม่ได้ ก็ยังเรียนอยู่ที่นั่น และจะเรียนต่อจนจบ ก็จบที่ก้มหน้าก้มตายอมรับมันแหละ การแสดงออกว่าเราไม่อยากใส่ชุดนักเรียนในตอนนั้นคือการใส่ชุดพละทุกวันแทน และรุ้งอายุ 15 ก็ทำไปแค่นั้น ไม่ได้เกิดแรงกระเพื่อมใดๆ แต่หยกอายุ 15 ในวันนี้เอาตัวเองเป็นเครื่องพิสูจน์อยู่ว่าใส่ชุดอะไรก็ตั้งใจเรียนได้ โดยการใส่ชุดไปรเวตเดินเข้าไปเรียน

แต่เพราะเหตุการณ์นี้หยกเลยกลายเป็นจำเลยสังคม กลายเป็นเด็กก้าวร้าวในสายตาคนมอง เราอยากให้คนไม่ลืมว่านี่คือเด็กอายุ 15 ที่กำลังแสดงออกในแบบที่ตัวเองคิด เราว่าบางอย่างจำเป็นต้องมองผ่านมันไปให้ลึกกว่านี้ ให้ลึกพอที่จะผ่านกำแพงอคติส่วนตัว และมองเห็นสิ่งที่หยกต้องการสื่อสารจริงๆ มันก็คงยากสำหรับผู้ใหญ่เวลาเห็นเด็กทำพฤติกรรมแบบนี้ ธงในใจก็จะลอยขึ้นมาว่านี่คือเด็กก้าวร้าว  กากบาทสีแดงตัวใหญ่ๆ ประทับไปที่ภาพหยกปีนรั้วโรงเรียน แต่เอาจริงนะ ไม่รู้สึกเล็กๆ บ้างเหรอว่าเด็กคนนั้นกำลังพยายามอย่างมากที่จะไปเข้าเรียนอย่างที่เด็กดีควรจะทำ แต่ต้องกลายเป็นเด็กที่ดูไม่ดี ต้องปีนรั้วเข้าโรงเรียนเพราะบุคลากรในโรงเรียนไม่ต้องการ ครูปกครองปกติต้องวิ่งตามเด็กปีนรั้วหนีโรงเรียนกัน แต่นี่หยกมันปีนเข้าไปเรียน

ขณะที่ ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล หรือ "คุณปลื้ม" พิธีกร และผู้ดำเนินรายการข่าว โพสต์เฟซบุ๊ก "M.L. Nattakorn Devakula" ว่า นักเรียนมีสิทธิ โรงเรียนก็มีสิทธิ นักเรียนมีสิทธิที่จะไม่ยอมรับกฎของโรงเรียน โรงเรียนก็มีสิทธิที่จะไม่ต้อนรับ เช่นนี้จึงเป็นความเท่าเทียมและเสมอภาค ถ้าจะใช้อำนาจ "บังคับ" ให้โรงเรียนต้อง "สยบยอม" ก็คือจะเป็นเผด็จการเอกนิยม นำเอาตนเองมาเป็นที่ตั้ง

ถ้ามี "เสรีภาพ" เพียงผู้เดียวคนอื่นไม่มี "เสรีภาพ" นั้น เเท้ที่จริงก็จะกลายเป็นอภิสิทธิชน สรุปก็คือผู้ซึ่งมีสิทธิพิเศษกำลังกลายเป็นอภิสิทธิชนผู้อยู่เหนือกฎ เป็นเผด็จการที่ใช้อำนาจกดดันขู่บังคับผู้อื่นให้สบบยอม"

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยการเมืองและการพัฒนา มหาวิทยาลัยรังสิต เผยถึงกรณีดังกล่าวว่า หากเป็นผู้อำนวยโรงเรียน จะแก้ปัญหาแบบมีเมตตาธรรม ด้วยการเปิดประตูไว้ทั้งวัน อยากมาเรียนตอนไหนก็เดินเข้าได้ ไม่ต้องปีนรั้ว พอไม่ปีนรั้ว ก็ไม่เป็นข่าว นักข่าวก็คงไม่อยากมาทำข่าวเด็กเดินเข้าโรงเรียนทุกวัน

ทั้งนี้ หากให้เรียนแล้ว เด็กขาดเรียน วัดผลแล้วสอบตก ก็ให้เป็นไปตามระบบ หรือเรียนครบปียังไม่มีผู้ปกครองมาลงทะเบียน ก็ออกใบรับรองให้ไม่ได้ ดังนั้นคนเป็นผู้ปกครองปัจจุบันให้ไปหาทางกฎหมายให้เป็นผู้ปกครองโดยชอบด้วยกฎหมายด้วย

นายอานนท์ กลิ่นแก้ว ประธานกลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน หรือ ศปปส. เข้ายื่นหนังสือถึง พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อให้ติดตามผลการดำเนินคดีกับผู้ใช้ชื่อ สหายนอนน้อย ที่สงสัยว่าอาจเป็นเด็กหญิงธนลภย์ ผลัญชัย หรือ หยก เยาวชนนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ในคดีความผิด มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ที่ทาง ศปปส.ได้เคยมาแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดี ตั้งแต่ปี 2564-2565 รวมทั้งหมด 6 คดีด้วยกัน

นายอานนท์เปิดเผยว่า อยากให้ตำรวจเร่งรัดทำคดีที่เคยมาแจ้งความไว้ก่อหน้านี้ เนื่องจากเห็นว่าเด็กคนดังกล่าว หลังจากที่ได้รับอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวจากสถานพินิจฯ ก็ยังไม่สำนึก และมีพฤติกรรมทำผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่อง หากปล่อยไว้ก็จะยิ่งก่อความวุ่นวายอย่างต่อเนื่อง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง