โจ๊กยันไม่ผิดพรบ.อุ้มหาย ทร.สอบข่าวกินหัวคิว15%

อัยการลุยสอบปมตำรวจอุ้มรีดเว็บพนัน 140 ล้าน ผิด พ.ร.บ.อุ้มหายหรือไม่ หลัง 3 ตร.ชลบุรี-2 ตร.ไซเบอร์ร้องขอความเป็นธรรม "บิ๊กโจ๊ก" ชี้กลุ่มผู้ต้องหาตีความผิด ยันแจ้งข้อหาตามขั้นตอน กม. ปัดไม่รู้จักไม่เคยรับเงิน "เป้" ผบ.ทร.ขอตรวจสอบข่าวฉาว  รับคนในส่งข้อมูลเพจดัง                 

ที่สำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด อาคารถนนบรมราชชนนี  ตลิ่งชัน เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน เวลา 11.00 น. พ.ต.ท.เสถียร รัชพงษ์ไทย รอง ผกก.สส.สภ.หนองขาม จ.ชลบุรี พร้อมด้วย พ.ต.ท.นครราช นนสีลาด สว. (สอบสวน) สภ.หนองขาม จ.ชลบุรี และ ร.ต.อ.สมบุญ บุดดาเลิศ รอง สว.สส.สภ.พลูตาหลวง จ.ชลบุรี ผู้ถูกกล่าวหาในคดีร่วมกันรีดทรัพย์เว็บพนันออนไลน์ จำนวน 140 ล้านบาท เดินทางมาพร้อมกับทนายความ เพื่อยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่อนายกุลธนิต มงคลสวัสดิ์ อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน

โดยคำร้องระบุว่า ทั้งสามไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการสอบสวน ไม่ได้ดำเนินการตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย มาตรา 31 วรรค 3 พร้อมอ้างถึงการให้สัมภาษณ์ของ “ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ” บอกว่าจะทำให้ถูกขั้นตอนตาม พ.ร.บ.อุ้มหาย ทั้งยังมีการกล่าวอ้างพฤติการณ์ในการกระทำความผิดของกลุ่มผู้ต้องหา ผิดตาม พ.ร.บ.อุ้มหาย ฐานกระทำให้บุคคลสูญหาย แต่พนักงานสอบสวนกลับไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.อุ้มหายเสียเอง นอกจากนี้ยังหลีกเลี่ยงไม่แจ้งข้อหาตาม พ.ร.บ.อุ้มหาย ให้แก่ผู้ต้องหาคนใดเลย แสดงให้เห็นว่าการดำเนินคดีกับพวกตนเองทั้ง 3 คน อาจไม่ชอบมาพากล จึงขอให้อธิบดีอัยการฯ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายในกรุงเทพมหานคร เข้ามาตรวจสอบการสอบสวนว่าเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดไว้หรือไม่

ภายหลังเข้าพบนายกุลธนิต นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด และนายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน ราว 1 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 3 นายออกมาให้สัมภาษณ์พร้อมกับอัยการ

โดยนายโกศลวัฒน์เปิดเผยว่า คดีนี้ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการทรมาน อัยการสูงสุด เห็นว่าควรแสวงหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม จึงได้เสนอให้อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวนทราบ และมีคำสั่งให้ดำเนินการแสวงหาพยานหลักฐานประกอบการพิจารณา และรายงานอัยการสูงสุดเป็นคดีสำคัญ  ส่วนหนังสือร้องขอความเป็นธรรมที่ยื่นไว้ อธิบดีอัยการฯ จะพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายโดยเร่งด่วน

พ.ต.ท.เสถียรยืนยันว่า ทั้ง 3 คนไม่มีส่วนร่วมในการเรียกรับผลประโยชน์ที่เกิดขึ้น การปฏิบัติงานทำตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา โดยมีหลักฐานยืนยันความบริสุทธิ์ของตนเอง จึงมาร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการ เนื่องจากมีการแจ้งข้อกล่าวหากับพวกตน 4 ข้อหา แต่ไม่มีข้อหาตาม พ.ร.บ.อุ้มหาย

ส่วนกรณี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ระบุมีตำรวจเกินครึ่งรับสารภาพในคดีนี้แล้ว ตำรวจทั้ง 3 นาย ตอบพร้อมกันว่า ไม่ทราบว่าใครสารภาพ แต่ส่วนของพวกเขาทั้ง 3 คนให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา

นายบัณฑิต เทพอยู่ ที่ปรึกษาด้านกฎหมายของตำรวจทั้ง 3 นาย เปิดเผยว่า ในวันที่ 23 มิ.ย. จะพาทั้ง 3 นายไปร้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอเปลี่ยนชุดพนักงานสอบสวน เนื่องจากไม่มั่นใจในการดำเนินการของพนักงานสอบสวนชุดนี้

ต่อมาช่วงบ่าย พ.ต.อ.ดำรงศักดิ์ อ่อนตา รองผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 2 (รอง ผบก.สอท.2) และ พ.ต.ท.ปฐมพงศ์ มีอยู่ สว.กองกำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.2 เดินทางมายื่นหนังสือต่ออธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวนกรณีนี้เช่นกัน

ที่สโมสรตำรวจ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มนายตำรวจที่ตกเป็นผู้ต้องหาคดีรีดทรัพย์ 140 ล้านบาท ไปยื่นร้องขอความเป็นธรรมต่ออธิบดีอัยการสืบสวนสอบสวนว่า เป็นเรื่องเข้าใจผิดของกลุ่มตำรวจที่เป็นการตีความข้อกฎหมายไปอีกแนวทางหนึ่ง เนื่องจากกลุ่มผู้ต้องหาไม่เห็นสำนวนทั้งหมด รวมทั้งชุดสอบสวนยังได้มีการแจ้งข้อหาปล้นทรัพย์อีกหนึ่งข้อหา ซึ่งยืนยันว่าการดำเนินการของพนักงานสอบสวนเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายทุกอย่าง โดยได้มีการแจ้งความตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และมาตรา 149 เป็นเจ้าหน้าที่รัฐเรียกรับผลประโยชน์ไปแล้ว

ส่วนการจะแจ้งข้อหา พ.ร.บ.อุ้มหายนั้น หลังจากนี้จะต้องมีการหารือร่วมกับอัยการ เพราะยังมีบางส่วนของข้อกฎหมายที่อาจจะไม่เข้าข่ายการกระทำความผิด ซึ่งที่ผ่านมาชุดทำงานได้มีการทำคดีบ้านเด็กที่จังหวัดสระบุรี ซึ่งเข้าข่าย พ.ร.บ.อุ้มหาย เป็นคดีแรกของประเทศ สำหรับคดีตบทรัพย์ 140 ล้านบาท จะรับทำเป็นคดีที่ 2 หากครบองค์ประกอบในการกระทำความผิด ซึ่งจะต้องหารือกับอธิบดีอัยการอีกครั้งหนึ่ง แต่เป็นสิทธิ์ในการต่อสู้คดีของผู้ต้องหา

"เบื้องต้นการทำคดีตบทรัพย์ 140 ล้านบาทยังไม่เข้าข่าย พ.ร.บ.อุ้มหาย จึงยังไม่มีการแจ้งความกับตำรวจชุดดังกล่าว โดยสัปดาห์หน้าตำรวจจะมีการออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม ส่วนนายบอย ที่ขณะนี้อยู่ระหว่างหลบหนี ตำรวจจะเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดี ถึงแม้ว่าจะมีการประสานเข้ามามอบตัว แต่ก็ต้องไม่มีเงื่อนไข ส่วน พล.ต.ต.กัมพล ลีลาประภาภรณ์ ผู้การชลบุรี ซึ่งจะมีการชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรภายใน 5 วัน ขณะนี้ยังไม่ส่งคำให้การมาให้พนักงานสอบสวน ซึ่งจะครบกำหนดในวันจันทร์หน้า" รอง ผบ.ตร.ระบุ

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ปฏิเสธกรณีที่มีกระแสข่าวว่าเว็บไซต์การพนันของนายเป้ มีการจ่ายเงินให้นายตำรวจอักษรย่อ จ.จาน เดือนละ 1 ล้านบาทว่า ส่วนตัวไม่เคยรู้จักนายเป้ และได้ปฏิญาณตนสาบานกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไว้ว่าใครทำชั่วก็จะจับให้หมด อีกทั้งตนเป็นผู้ก่อตั้งศูนย์และปราบปรามผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันต่างๆ พร้อมย้ำว่าไม่มีรองผู้บัญชาการ หรือผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนไหนเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวอย่างแน่นอน

ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อนายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการ ปปง. เพื่อขอให้ดำเนินการยึด อายัดทรัพย์สินของนายธนินวัฒน์ อุดมเชาวเศรษฐ์ หรือเป้ กับพวก ในมูลฐานความผิดร่วมกันฟอกเงินมูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท จากการทำเว็บพนันออนไลน์           

"ผมมาร้องทุกข์กล่าวโทษขอให้ดำเนินคดีกับนายเป้ และพวกกว่า 10 คน ฐานร่วมกันฟอกเงิน หลังนายเป้ ยอมรับว่ามีการทำเกี่ยวกับเว็บพนัน ซึ่งมียอดเงินหมุนเวียนมากกว่า 15,000 ล้านบาทต่อปี ส่วนรายการทรัพย์สินของนายเป้ที่ผมนำมามอบวันนี้ อาทิ รายการรถสปอร์ตหรู คันละไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท บ้านเดี่ยวหลายหลังไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาท กิจการบริษัทที่ใช้เป็นนอมินีในการฟอกเงิน รวมถึงโพยก๊วนที่มีการโอนเงินไปยังบัญชีต่างประเทศ ซึ่งถ้ามีการยึดโดย ปปง. จะมีมูลค่าการยึดได้ไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท" นายอัจฉริยะระบุ

วันเดียวกัน พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเพจดัง CSI LA ออกมาแฉนายพล ช. เรียกค่าคอมมิชชัน 15% บริษัท ชัยเสรี ของนางนพรัตน์ กุลหิรัญ หรือ "มาดามรถถัง" อีกทั้งยังให้แก้สัญญาอาคารที่ยังสร้างไม่เสร็จ โครงการใหญ่ในกองทัพเรือ เอื้อผลประโชน์บริษัทรับเหมาพวกพ้องว่า เรื่องนี้ต้องตรวจสอบก่อน และยอมรับว่าข้อมูลดังกล่าวมาจากคนในกองทัพเรือแน่นอน เพียงแต่ว่าอาจไม่ใช่ข้อมูลข้อเท็จจริงทั้งหมด และยอมรับว่ากองทัพเรือมีโครงการต่างๆ ที่ได้ทำกับบริษัทชัยเสรี ส่วนเรื่องการเรียกค่าหัวคิว 15% นั้น คงต้องไปตรวจสอบก่อน ซึ่งการพูดดังกล่าวไม่มีข้อมูลพยานหลักฐานมารองรับ เป็นเพียงข้อมูลกล่าวอ้าง

เมื่อถามว่า เกี่ยวข้องกับการปล่อยข่าวเพื่อดิสเครดิตแคนดิเดต ผบ.ทร. หรือไม่ พล.ร.อ.เชิงชายระบุว่า ขอตรวจสอบก่อน

เมื่อถามย้ำว่า นายพล ช. ชื่อ ผบ.ทร. มีตัว ช. เช่นเดียวกัน พล.ร.อ.เชิงชาย กล่าวว่า ก็ใช่ ในเบื้องต้นขอตรวจสอบก่อนแล้วกัน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

โยนรบ.ปลดล็อกม.112 กมธ.นิรโทษฯชง3ข้อเสนอทะลุฟ้า/ก.ก.ย้ำสิทธิประกันตัว

"กลุ่มทะลุฟ้า" บุกทำเนียบฯ-รัฐสภา ร้องรัฐบาลตรวจสาเหตุ  "บุ้ง" เสียชีวิตให้โปร่งใส จี้คืนสิทธิประกันตัวผู้ต้องหาคดีการเมือง