ฎีกาคุก‘ไพร-ธณิกานต์’ ปปช.ฟันม.157‘อิทธิพล’

ศาลฎีกาฯ ยืนคุก 1 ปี ปรับ 2 แสน "ธณิกานต์" อดีต ส.ส.กทม. พปชร.เสียบบัตรแทนกัน มีเหตุปรานีโทษ รอลงอาญา 2 ปี ฎีกาพิพากษากลับจำคุกหนักกว่าเดิม 9 ปีไม่รอลงอาญา “ไพร พัฒโน” อดีตนายกหาดใหญ่สั่งโอนเงิน 20 ล้าน สร้างวัตถุมงคล-จัดหาทุนซื้อทองคำปิดองค์พระประจำเมือง พร้อมให้ริบเงิน 14.5 ล้าน ป.ป.ช.ชี้มูล “อิทธิพล” ผิด ม.157 สมัยนั่งนายกเมืองพัทยา อนุญาตก่อสร้างวอเตอร์ฟร้อนท์

เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม มีรายงานว่า  เมื่อวันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมา ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อ่านคำพิพากษาชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์คดีหมายเลขแดงที่ อม.อธ.9/2566 ที่อัยการสูงสุดยื่นฟ้อง น.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ (ตำแหน่งขณะเกิดเหตุ)

กรณีเมื่อวันที่ 8 ส.ค.62 จำเลยในฐานะ ส.ส. ลงชื่อเข้าร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยไม่ได้ลาประชุม ระหว่างเวลาประมาณ 13.30-15.00 น.ซึ่งมีการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 10 พ.ศ.....จำเลยไม่ได้อยู่ในที่ประชุม และได้ฝากบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของจำเลยไว้กับ ส.ส.รายอื่น หรือบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของจำเลยอยู่ในความครอบครองของ ส.ส.รายอื่นโดยความยินยอมของจำเลย เพื่อให้ ส.ส.รายนั้นใช้บัตรของจำเลยแสดงตนและลงมติแทน โดยมีเจตนาทุจริตแสวงหาประโยชน์เพื่อตนเองหรือผู้อื่น   หรือมีพฤติการณ์รู้เห็นยินยอมให้ผู้อื่นใช้ตำแหน่งหน้าที่ของตนแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการออกเสียงลงคะแนนแทนกัน ขอให้ลงโทษตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172

เมื่อวันที่ 3 ส.ค.65 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172 จำคุก 1 ปี และปรับ 2 เเสนบาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี

จำเลยอุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์เสียงข้างมากพิจารณาแล้วเห็นว่า

ทางไต่สวนได้ความจากประจักษ์พยานโจทก์ว่า เมื่อวันที่ 8 ส.ค.62 จำเลยจัดทำโครงการเสวนาแบ่งปันความรู้บทบาทแม่ยุคดิจิทัล ที่ห้องประชุมชั้น 5 สถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ เลขที่ 1256/9 ถนนนครไชยศรี แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต เมื่อจำเลยมาถึงงานได้มีการพูดคุยเตรียมงานก่อนขึ้นเวทีเสวนากับพยาน ต่อมาพิธีกรได้เชิญขึ้นเวทีเสวนา ขณะนั้นเวลาประมาณ 13.30 น. โดยมีการพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน ใช้เวลาเกินกว่า 30 นาที แต่ไม่เกิน 1ชั่วโมง 15 นาที ก่อนออกจากสถานที่จัดงาน พยานกับจำเลยได้ถ่ายรูปร่วมกันบนเวที จากนั้นพยานใช้เวลาอีก ประมาณ 15 นาทีในการพูดคุยกับผู้มาร่วมงานจนถึงเวลา 15.00 น. จึงออกจากสถานที่จัดงาน โดยมีบันทึก ไทม์ไลน์ส่วนตัวที่บันทึกไว้ใน Google Maps ยืนยันช่วงเวลาสัมพันธ์กับคำเบิกความของพยาน และสอดคล้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามลำดับขั้นตอนและใกล้เคียงกับเวลาการจัดงานเสวนา

นอกจากนี้ พยานจำเลยซึ่งเป็นผู้จัดงาน (ออแกไนเซอร์) เบิกความว่า จำเลยมาถึงงานเสวนาเวลาประมาณ 13.30 น. และทุกคนลงจากเวทีเวลาประมาณ 14.00 น. ประกอบกับจำเลยมีหนังสือชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาว่า ในระหว่างการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว จำเลยมีกิจธุระสำคัญต้องออกจากที่ประชุมสภาไปร่วมงานเสวนาวิชาการโครงการกิจกรรมเวทีสาธารณะแลกเปลี่ยนเรียนรู้ให้แก่แม่และเด็กในชุมชน และจำเลยยังแจ้งความไว้ต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลบางโพว่า จำเลยมิได้เป็นผู้กดปุ่มแสดงตนและลงมติในวาระที่หนึ่ง เวลา 13.41 น. และวาระที่สามเวลา 14.01 น. เพราะรีบออกไปร่วมงานเสวนา อันเป็นการยืนยันว่าจำเลยไม่อยู่ในที่ประชุมสภาในเวลาที่เกิดเหตุ เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าจำเลยลงมติด้วยตนเองครั้งสุดท้ายเวลา 13.22 น.

ต่อมาในการประชุมพิจารณาร่าง พ.ร.บ.เหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 10 พ.ศ..... มีการลงมติ 2 ครั้ง โดยใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของจำเลย คือเวลา 13.41 น. และ 14.03 น. อันเป็นการลงมติต่อเนื่องจากเวลา 13.22 น. แสดงว่ามีบุคคลรู้ว่าจำเลยออกจากห้องประชุม เมื่อใด และจะกลับเข้ามาประชุมอีกหรือไม่ รวมทั้งต้องมีบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของจำเลยในครอบครองเพื่อลงมติแทนจำเลยได้ ทั้งเมื่อจำเลยกลับมาจากงานเสวนาก็ได้ใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของตนเองลงมติในการแสดงตนและลงมติพิจารณาระเบียบวาระต่อไปอีกหลายครั้งจนปิดการประชุม

 พฤติการณ์บ่งชี้ว่าต้องมีการคบคิดปรึกษากันมาก่อน ที่จำเลยมีหนังสือชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ครั้งแรกยอมรับว่าจำเลยไม่อยู่ในที่ประชุม แต่ต่อมาจำเลยกลับมีหนังสือขอชี้แจงข้อเท็จจริงแก้ข้อกล่าวหาเพิ่มเติมว่าจำเลยลงมติร่าง พ.ร.บ.เหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 10 พ.ศ..... ด้วยตนเอง ต่อมากลับไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนว่าจำเลยมิได้เป็นผู้กดปุ่มแสดงตนและลงมติดังกล่าว และเบิกความต่อศาลสรุปความได้ว่า จำเลยไปร่วมงาน เสวนา การแสดงผลลงมติตามฟ้องน่าจะเกิดจากความผิดพลาดของระบบ หรืออาจมีผู้อื่นกดปุ่มลงมติโดยไม่ได้รับความยินยอมจากจำเลย การให้การของจำเลยจึงมีลักษณะกลับไปกลับมาไม่น่าเชื่อถือ ข้ออ้างของจำเลยที่ว่าจำเลยอยู่ลงมติด้วยตนเองไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง   ทั้งการที่ผลแสดงตนหรือลงมติจะมีชื่อสมาชิกคนใดลงคะแนน อย่างไร พยานโจทก์เบิกความว่า ส.ส.ต้องใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของตนเสียบเข้าเครื่องอ่านบัตรอิเล็กทรอนิกส์ กับต้องกดปุ่มแสดงตนหรือลงมติด้วย ดังนั้นหากไม่มีการเสียบบัตรอิเล็กทรอนิกส์แสดงตน และลงมติที่เครื่องอ่านบัตรอิเล็กทรอนิกส์และกดปุ่มแล้ว หรือมีการเสียบบัตรค้างไว้แต่ไม่ได้กดปุ่มใดย่อมไม่อาจเกิดการประมวลผลใดๆ ขึ้นได้ สำหรับข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นในการประชุมเป็นข้อผิดพลาดในขั้นตอนของ การประมวลผลไม่ใช่ข้อผิดพลาดของระบบลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ทั้งระบบ  และในวันที่ 8 ส.ค.62 จำเลยได้ใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์แสดงตนและลงมติก่อนและหลังเวลาเกิดเหตุหลายครั้ง แต่จำเลยกลับโต้แย้ง เฉพาะเวลา 13.41และ 14.01 น. ว่าระบบขัดข้องหรือผิดพลาด หากจําเลยลงมติด้วยตนเองจริง จำเลยย่อมต้องแจ้งต่อที่ประชุมสภาถึงข้อผิดพลาดนั้นในทันที เชื่อว่าระบบการใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์แสดงตนและลงมติไม่เกิดข้อขัดข้องหรือผิดพลาดดังที่จำเลยอ้าง

องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์เสียงข้างมากเห็นว่า พฤติการณ์แห่งคดีและพยานหลักฐานแวดล้อมมีเหตุผลและน้ำหนักให้รับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่า จำเลยฝากบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของจำเลยไว้กับ ส.ส.อื่น หรือบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของจำเลยไปอยู่ในความครอบครองของ ส.ส.อื่นโดยความยินยอมของจำเลยเพื่อให้ ส.ส.นั้นใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของจำเลยลงมติแทนตามคำพิพากษาศาลฎีกาฯ จึงพิพากษายืน

นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า ได้รับข้อมูลจากนายชัยวัฒน์ สุวรรณยอด อัยการพิเศษฝ่ายเปิดเผยว่า วันนี้ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 9 จังหวัดสงขลา ศาลได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาที่พนักงานอัยการคดีปราบปรามการทุจริต ภาค 9 ยื่นฟ้อง นายไพร พัฒโน อดีตนายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ กรณีกล่าวหาเมื่อระหว่างวันที่ 1-4 ก.พ.2548 จำเลยใช้อำนาจในตำแหน่งนายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ (ขณะนั้น) โดยมิชอบ ด้วยการออกคำสั่งอนุมัติเบิกจ่ายขาดเงินสะสมซึ่งเป็นเงินนอกงบประมาณของเทศบาลนครหาดใหญ่ 20 ล้านบาท ให้กับมูลนิธิสิรินธรราชวิทยาลัยในพระราชูปถัมภ์ ใช้เป็นทุนในการจัดทำโครงการจัดสร้างวัตถุมงคล "หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด รุ่นมงคลมหาราช" แทนเทศบาลนครหาดใหญ่ ให้พุทธศาสนิกชนเช่าบูชาเพื่อหารายได้ในการบูรณะซ่อมแซมและปิดทององค์พระ “พระพุทธมงคลมหาราช” พระพุทธรูปประจำเมืองหาดใหญ่

โดยหลังจากมีคำสั่งโอนเงินจ่ายขาดเงินสะสม จนถึงวันที่ 10 ก.ค.50 มีการโอนเงินให้ผู้จัดการโรงงานสร้างวัตถุมงคลเป็นค่าจ้างในการจัดสร้าง แต่จำเลยไม่ได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามขั้นตอนและวิธีการในการจัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบและหนังสือสั่งการที่เกี่ยวข้อง  จึงเป็นการทุจริตเอื้อประโยชน์ให้ผู้จัดการโรงงานสร้างวัตถุมงคลได้รับประโยชน์เป็นค่าตอบแทนจากการรับจ้างโดยไม่ต้องเข้าแข่งขันสู้ราคากับผู้ประกอบการรายอื่น นอกจากนี้ จำเลยมีหนังสือขอเบิกจ่ายเงินขาดสะสมที่ฝากไว้กับมูลนิธิสิรินธรราชวิทยาลัยฯ เป็นค่าใช้จ่ายในการโฆษณาประชาสัมพันธ์ บวงสรวง ปลูกเสา และเททองพิธีปลุกเสกวัตถุมงคล ซึ่งเป็นการเบิกจ่ายเอื้อประโยชน์ให้ได้รับค่าตอบแทนในการรับจ้างประชาสัมพันธ์โดยไม่ต้องเข้าแข่งขันสู้ราคากับผู้ประกอบการรายอื่นด้วย เป็นความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90, 91, 151, 157 จำเลยให้การปฏิเสธ

คดีนี้ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 9 มีคำพิพากษาจำคุก 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบเห็นว่าไร้เจตนา พิพากษาแก้ให้ยกฟ้อง  อัยการสูงสุดยื่นฎีกาต่อ

นายโกศลวัฒน์กล่าวว่า วันนี้ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาพิพากษากลับศาลอุทธรณ์ตามที่ น.ส.นารี ตัณฑเสถียร อัยการสูงสุด จำคุกตามฟ้องข้อ 1 ว่าจำเลยผิดตาม ปอ.151 จำคุก 5 ปี จำคุกตามฟ้องข้อ 5 ข้อ 6 กระทงละ 2 ปี รวมจำคุก 9 ปี ไม่รอลงอาญาให้ริบเงิน 26,900,000 บาท จำเลยโอนคืนไปบางส่วน 12,400,000 บาท ยังคงให้ริบ ส่วนที่ขาด 14,500,000 บาท

รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แจ้งว่า เมื่อเร็วๆ  นี้ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้มีมติชี้มูลความผิดนายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเมืองพัทยา และพวก กรณีพิจารณาออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร (แบบ อ.1) เลขที่ 700/2551 ลงวันที่ 10 กันยายน 2551 ให้แก่บริษัท บาลี ฮาย จำกัด เพื่อก่อสร้างอาคารโครงการวอเตอร์ฟร้อนท์ฯ บริเวณเชิงเขาพระตำหนัก เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย

โดยที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.เห็นว่า นายอิทธิพลมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมีมูลสั่งให้พ้นจากตำแหน่งนายกเมืองพัทยา โดยหลังจากนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช.จะส่งฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบภาค 2 ต่อไป.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง