10กย.เลือกตั้งซ่อมบี้‘นครชัย’ชดใช

ปธ.กกต.เผยไม่หนักใจปมศาลอาญาคดีทุจริตฯ สั่งแจง 8  ประเด็นจัดการเลือกตั้ง ยันหลังปิดสมัคร สส.ไม่มีหน่วยงานไหนรายงานพบ "พิธา" ถือหุ้นไอทีวี ระบุ คกก.ไต่สวนฯ สรุปสำนวนส่ง สนง.แล้ว กำหนดวันเลือกตั้งซ่อม สส.ระยองเขต 3 วันที่ 10 ก.ย. พร้อมเรียกค่าชดใช้การเลือกตั้งจากอดีต สส.ก้าวไกล

เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2566 ที่โรงแรมเซ็นทราฯ ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ  ​สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง  (กกต.) จัดโครงการพัฒนาบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งให้เป็นมืออาชีพ กิจกรรมอบรมหลักสูตรการบริหารงานตำแหน่งอำนวยการระดับสูง  รุ่นที่ 1 

ทั้งนี้ นายอิทธิพร บุญประคอง  ประธาน กกต. เป็นประธานเปิดการประชุม พร้อมกล่าวตอนหนึ่งว่า ในวันที่ 11 ส.ค. จะเป็นวันครบรอบ 5 ปีของ กกต.ชุดปัจจุบัน 5 คนแรกที่เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ โดย กกต.มีวาระแค่ 7 ปี แต่สิ่งที่อยากเห็นคืออนาคตองค์กรพัฒนาแบบไม่หยุดยั้ง ผ่านคลื่นลูกใหม่ ช่วยขับเคลื่อนองค์กรให้เกิดความเข้มแข็งและมั่นคง ก้าวหน้ามากยิ่งกว่านี้

ประธาน กกต.กล่าวกรณีศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบสั่ง กกต.ชี้แจง 8 ประเด็นเกี่ยวกับกระบวนการจัดการเลือกตั้ง และกรณีมีมติว่านายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล มีลักษณะต้องห้ามในการลงสมัครรับเลือกตั้งว่า เบื้องต้นได้ทราบข่าวว่าศาลให้ กกต.ชี้แจง 8 ประเด็น แต่ขณะนี้หนังสือยังมาไม่ถึง จึงยังอยู่ในระหว่างกระบวนการของสำนักงานว่า 8 ประเด็นนั้น กกต.จะตอบว่าอะไรบ้าง แต่ขอให้มั่นใจว่า กกต.จะตอบครบทั้ง 8 ประเด็น

ส่วนที่มีประเด็นคำถามว่า กกต.เคยได้รับทราบหรือมีการชี้แจงจากนายพิธาเรื่องการถือหุ้น บมจ.ไอทีวี เมื่อครั้งนายพิธาเป็น สส.ปี 62 หรือไม่นั้น กกต.ยังไม่ได้รับแจ้งอะไร จึงยังไม่สามารถตอบรายละเอียดได้ แต่ในการเลือกตั้งครั้งล่าสุดนี้ กกต.ตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้สมัคร สส.กว่า 5,000 คน ด้วยกระบวนการเดียวกัน คือมีหนังสือสอบถามไปยังหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบในด้านต่างๆ และถ้าได้รับผลมาแล้วพบว่ามีลักษณะต้องห้าม  ก็จะพิจารณาไม่ประกาศชื่อ แต่ถ้าไม่มีลักษณะต้องห้าม ก็จะประกาศชื่อ และก็มีกระบวนการที่ว่าเราประกาศชื่อไปแล้วพบว่ามีลักษณะต้องห้าม ก็จะมีการถอนชื่อได้ ซึ่งก็ดำเนินการเหมือนทุกครั้ง  ซึ่งกรณีการถือหุ้นของนายพิธา มีผู้มาร้องเรียนภายหลัง 3 ราย แต่ตอนที่ กกต.ตรวจคุณสมบัติไม่มีหน่วยงานไหนรายงานมาว่าพบนายพิธาถือหุ้น

นายอิทธิพรยังกล่าวถึงความคืบหน้าการไต่สวนเอาผิดนายพิธา กรณีรู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งแต่ยังลงสมัคร ตามมาตรา 151 พระราช​บัญญัติ​ประกอบรัฐธรรมนูญ​ (พ.ร.ป.) ​ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส.ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการสืบสวนไต่สวน ซึ่งทราบว่ามีการส่งเรื่องมาให้กับสำนักงาน ซึ่งเมื่องานของคณะกรรมการสืบสวนไต่สวนดำเนินการเสร็จแล้วก็จะส่งมายังส่วนกลางที่มีเลขาธิการ กกต. และก่อนได้มีการส่งเรื่องมาให้ กกต.พิจารณา ก็ต้องผ่านการพิจารณาของคณะอนุกรรมการวินิจฉัยและคดี ซึ่งทราบว่าขณะนี้เรื่องเคลื่อนที่มาอยู่ที่สำนักงานแล้ว

นายอิทธิพรยังกล่าวถึงความคืบหน้าการเตรียมจัดการเลือกตั้งแทน สส.ระยอง เขต 3 แทนนายนครชัย ขุนณรงค์ สส.พรรคก้าวไกล ว่าตามกฎหมาย เมื่อมีพระราชกฤษฎีกาแล้ว กกต.จะต้องประกาศวันเลือกตั้งและวันรับสมัครอย่างน้อยไม่เกิน 5 วัน ซึ่งในวันที่ 11  ส.ค.นี้ กกต.จะประชุมว่าจะกำหนดวันเลือกตั้งและวันรับสมัครในวันที่เท่าไหร่ โดยทางสำนักงานจะเสนอให้ประกาศวันเลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ 10 ก.ย. 2566 และวันรับสมัครคือ 15-19 ส.ค. 2566 แต่ต้องยืนยันในการประชุมวันที่ 12 ส.ค.

เมื่อถามว่า มีการตั้งกรรมการเพื่อเอาผิดมาตรา 151 กับนายนครชัยหรือไม่ นายอิทธิพรกล่าวว่า เรื่องนี้ได้มีการพูดคุยแล้ว โดยที่ประชุมขอให้สำนักงานไปพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป ส่วนเรื่องค่าชดใช้ในการจัดการเลือกตั้ง ก็อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาด้วย ซึ่งสามารถใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 ว่าด้วยการละเมิด 

เมื่อถามถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบเรื่องร้องเรียนการทุจริตเลือกตั้ง นายอิทธิพรกล่าวว่า นับจากวันที่ปิดรับคำร้องเรียน พบว่ามีเรื่องร้องเรียนเข้ามาทั้งหมด 350 เรื่อง ถือว่าน้อยกว่าปี 2562 ซึ่งมีจำนวน 592 เรื่อง ขณะนี้ได้พิจารณาไปแล้วกว่า 50% โดยในระเบียบการสืบสวนไต่สวนของ กกต. ได้มีการระบุระยะเวลาการพิจารณาคำร้องว่าต้องเสร็จสิ้นถึงขั้นทำคำวินิจฉัยภายใน 1 ปี และเร็วๆ นี้จะออกประกาศระยะเวลาการดำเนินการเกี่ยวกับคำร้อง ซึ่งระบุไว้ชัดว่าต้องใช้ระยะเวลาเท่าไหร่ ทั้งนี้ เรื่องร้องเรียนปี 2566 มีหลายประเด็น ส่วนใหญ่เป็นมาตรา 73 (1) ซึ่งเป็นเรื่องการซื้อเสียง ใส่ร้าย รวมถึงเรื่องหาเสียงหลอกลวง และเรื่องอื่นๆ เช่น ป้ายหาเสียง ซึ่งเป็นประเด็นที่ไม่ต่างจากที่มีการร้องเรียนเมื่อปี 2562 

เมื่อถามถึงการร่วมรัฐบาลมีการออกมาระบุว่า นโยบายที่เคยหาเสียงไว้ไม่จำเป็นต้องทำตามก็ได้ กกต.มองเรื่องนี้อย่างไร นายอิทธิพรกล่าวว่า นโยบายหาเสียงของพรรคการเมือง ประการแรก คือต้องปฏิบัติตามกฎหมายพรรคการเมือง มาตรา 57 ว่าพรรคการเมืองที่ประกาศนโยบายที่ต้องมีการใช้เงิน จะต้องทำอะไรบ้าง อย่างไรก็ตาม หากมีการจับมือตั้งรัฐบาลแล้ว ไม่ได้ทำตามที่หาเสียง ก็ต้องดูว่าถ้ามีคำร้องเข้ามาหรือไม่ ถ้ามี กกต.ก็มีหน้าที่พิจารณาว่า เป็นไปตามที่ร้องว่าเป็นการหลอกลวงหรือไม่ อย่างไร.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คณะก้าวหน้า เชื่อสัญญาณจากผู้มีบารมี  กกต.ประกาศเตือนรณรงค์สมัคร สว.   

กรณี สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ออกประกาศเตือน กรณีมีกลุ่มบุคคลและตัวแทนองค์กรจัดแคมเปญ ให้มีการจูงใจ

'ธนกร' แนะ 'ธนาธร-ช่อ' ระวังข้อกฎหมายให้ดีผลักดันแคมเปญชวนคนสมัครสว.

“ธนกร” แนะ “ธนาธร-ช่อ” ระวังข้อกฎหมายให้ดี หลังเปิดแคมเปญชวนคนสมัครสว.กรอกประวัติผ่านเว็ป ส่อชัดจัดตั้ง ชี้ กกต.ออกโรงเตือนแล้ว อาจขัดระเบียบ หวั่นที่มาไม่สุจริต ร้องเรียนกันวุ่น คลอดสว.67ล่าช้า จี้ หยุดเคลื่อนไหวถ้าอยากได้สว.อิสระเป็นประชาธิปไตยลั่น หากพบนักการเมืองอยู่เบื้องหลัง เจอคุก-ปรับ อ่วมแน่

กกต.เริ่มขยับ พร้อมงัด 'กฎเหล็ก' คุมเข้มเลือก สว. 2567

ความเคลื่อนไหวการได้มาซึ่ง "สมาชิกวุฒิสภา" (สว.) ชุดใหม่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ล่าสุด ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันอังคารที่ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกสมาชิกวุฒิสภา