แห่ร้องรองปธ.หมูกระทะ เท่าพิภพขู่รื้องบหน่วยอื่น

แห่ร้องเลี้ยงหมูกระทะกันระนาว “ศรีสุวรรณ-สนธิยา” แท็กทีมร้อง ป.ป.ช.-สตง.สอบจริยธรรม งบประมาณ “หมออ๋อง" ลามพ่วง "พิธา" หาเสียงสร้างความเสื่อมเสียเวทีปราศรัยระยอง ขณะที่ "ปดิพัทธ์" ไม่ระคายเคืองหลังพิง กม.อ้างตามระเบียบสำนักเลขาฯ สภา “เท่าพิภพ” แขวะถ้าทุกหน่วยขยันตรวจสอบงบทุกบาทเหมือนจ้องก้าวไกล ประเทศคงเจริญไปนานแล้ว

เมื่อวันจันทร์ เวลา 10.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จ.นนทบุรี นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน เดินทางมายื่นคำร้องพร้อมเอกสารหลักฐานต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ขอให้ไต่สวนและวินิจฉัยว่า การที่นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 นำเงินค่ารับรองในตำแหน่งไปจัดเลี้ยงหมูกระทะให้แม่บ้านสภา 370 คน ซึ่งถูกสังคมตำหนิว่าเป็นการนำเงินภาษีประชาชนไปใช้แสวงหาชื่อเสียงและสร้างภาพให้ตนเองและพรรคก้าวไกลหรือไม่ 

นายศรีสุวรรณระบุว่า การกระทำดังกล่าวอาจเข้าข่ายฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรง และอาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 184-185 ซึ่งเป็นข้อห้ามมิให้ สส.หรือ สว. กระทำการใดหรือรับผลประโยชน์ใดๆ จากหน่วยงานของรัฐอันเกี่ยวกับตำแหน่งหน้าที่ เพราะจะเข้าข่ายเป็นผลประโยชน์ขัดกัน เพราะเงินที่นำมาใช้เลี้ยงกลุ่มแม่บ้านดังกล่าวเป็นเงินจากภาษีประชาชน 

นายศรีสุวรรณระบุว่า นอกจากนั้นยังอาจไม่เป็นไปตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจ่ายเงินค่ารับรองในตำแหน่งประธานสภา 2519 ที่ระบุว่า "ค่ารับรองในตำแหน่งให้จ่ายได้เท่าที่จ่ายจริง โดยอนุมัติของประธานรัฐสภา หรือผู้ที่ประธานสภามอบหมาย ภายในวงเงินงบประมาณรายจ่ายประเภทค่ารับรองของประธานรัฐสภาที่ได้รับอนุมัติ” ซึ่งคำว่า “ค่ารับรอง” ในระเบียบดังกล่าวได้บัญญัติคำจำกัดความไว้ว่า “ค่ารับรอง หมายความว่า ค่าเลี้ยงรับรอง ค่าของขวัญ ค่าพิมพ์เอกสาร และค่าใช้จ่ายอื่นที่จำเป็นต้องจ่ายที่เกี่ยวกับการรับรองเพื่อประโยชน์ในทางการเมือง หรือเพื่อเกียรติแห่งประธานรัฐสภา” เท่านั้น

 “ซึ่งการนำเงินดังกล่าวมาใช้เพื่อจัดเลี้ยงแม่บ้านจำนวนมากในสภาที่มาจากบริษัท Outsource ที่ทางสภาทำสัญญาจัดจ้างมา จึงไม่ใช่ใช้ในการรับรองบุคคลหรือใช้จ่ายในส่วนที่เกี่ยวกับงานราชการแต่อย่างใด และอาจเข้าข่ายความผิดตาม ป.อ.มาตรา 147, 151, 152 และ 157 อีกด้วย หากหมออ๋องอยากจะโชว์เพาเวอร์ก็ควรควักเงินในกระเป๋าตนเองมาเลี้ยงกลุ่มแม่บ้านเหล่านี้เสียเอง" นายศรีสุวรรณระบุ 

วันเดียวกัน นายสนธิยา สวัสดี เดินทางมายื่นเรื่องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินกรณีนายปดิพัทธ์ใน 4 ประเด็นหลัก ประเด็นที่ 1 คือ นายปดิพัทธ์ได้จัดให้มีการเลี้ยงจริงหรือไม่ 2.ใช้งบประมาณเท่าไหร่ 3.หัวละ 269 บาทจริงหรือไม่ 4.จำนวน 370 คนจริงหรือไม่ และการจัดเลี้ยงนั้น 1.เป็นไปตามกฎหมายหรือไม่ 2.ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ 3.เป็นการกระทำที่ถูกต้องและไม่ผิดกฎหมาย

นายสนธิยาระบุว่า ทั้งนี้ยังมีกรณีของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ไปหาเสียงที่จังหวัดระยอง เขต 3 อำเภอแกลง และไปกล่าวจะมีผู้ที่เสียผลประโยชน์จำนวน 5 ล้านคนจากกรณีเบี้ยผู้สูงอายุ และจะทำให้รัฐประหยัดเงินกว่า 30,000 ล้านบาทนั้น ตนได้ยื่นเอกสารให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า การกระทำของนายพิธาหรือพรรคก้าวไกลนั้น เป็นการกระทำที่ขัดต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง สส. มาตรา 73 (3) หรือไม่ ในกรณีโกหกใส่ร้ายหรือทำให้เกิดความเสียหาย

ที่รัฐสภา นายปดิพัทธ์กล่าวว่า เรื่องนี้มันเถียงกันจบแล้ว แต่ก็มองว่านายศรีสุวรรณมีสิทธิ์ร้อง และนักการเมืองทุกคน ประชาชนสามารถตรวจสอบได้ ดังนั้นก็ให้ว่ากันไป แต่ส่วนตัวไม่กังวลว่าเรื่องนี้จะกระทบต่อตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนฯ และเป็นที่ชัดเจนด้วยว่าเรื่องนี้จะกลายเป็นคำถามใหญ่ขององค์กรและหน่วยงานต่างๆ อีกมาก ตนขอยืนยันว่าแม่บ้านและพ่อบ้านรัฐสภาทุกคนเป็นแขก

ส่วนที่หลายคนมองว่า เป็นการใช้งบประมาณรัฐเพื่อเรียกคะแนนเสียงให้ตนเองนั้น นายปดิพัทธ์ถามกลับว่า ช่วงนี้เป็นช่วงเลือกตั้งหรือ ใช้กติกาของการหาเสียงเลือกตั้งใช่หรือไม่ นักการเมืองหลายคนก็เลี้ยงข้าวคนเยอะไปหมด และตนก็ไม่ได้จัดงานในลักษณะที่แสดงออกว่าเป็นพรรคการเมือง จึงไม่กังวลในข้อกฎหมายนี้

 “ทุกอย่างเป็นการดำเนินการตามระเบียบของราชการ ของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ประธานกรรมาธิการหลายคนก็มีงบประมาณในการรับรอง ข้าราชการระดับสูงบางคนก็มี ซึ่งแต่ละองค์กรมีระบบเบิกจ่ายที่ไม่เหมือนกัน ตามระเบียบของแต่ละองค์กร แต่ส่วนตัวในการเลี้ยงข้าวแม่บ้านได้วางแผนมาเป็นเดือนแล้ว ไม่ใช่เมื่อเช้าอยากกินแล้วตอนเย็นมากินกัน” นายปดิพัทธ์ระบุ

เมื่อถามถึงกรณีที่มีการเรียกร้องให้มีการเปิดเผย งบในการจัดเลี้ยงรับรองตั้งแต่อดีตว่ามีการใช้จ่ายกันอย่างไร นายปดิพัทธ์กล่าวว่า ตนคงไม่ไปก้าวล่วงคนอื่น คิดว่าแต่ละท่านคงมีวุฒิภาวะและวิจารณญาณในการใช้งบประมาณอยู่แล้ว แต่ประชาชนก็มีสิทธิ์ตั้งคำถามว่าเขามีงบประมาณเท่าไหร่ มีการใช้จ่ายอย่างไร มีแนวทางในการควบคุมอย่างไรในเรื่องของความโปร่งใส ประชาชนสามารถตรวจสอบได้ พร้อมยืนยันว่าจนถึงขณะนี้ประธานรัฐสภายังไม่ได้สอบถามมายังตนเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว

ด้านนายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร สส.กทม. พรรคก้าวไกล กล่าวว่า หากสังคมยังสงสัยและอยากรู้เกี่ยวกับงบรับรองของประธานและรองประธานสภาฯ รวมถึงหน่วยงานต่างๆ ตนจะจัดให้ จะไปไล่งบดู น่าจะมีเด็ดๆ เยอะกว่านี้ ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณที่มีการตรวจสอบพรรคก้าวไกล ถ้าทุกหน่วยงานสนใจตรวจสอบการทำงานของข้าราชการและนักการเมือง ให้ได้เหมือนอย่างตรวจสอบพรรคก้าวไกล ประเทศไทยคงเจริญไปนานแล้ว

วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า บริษัท ไทย สพิริท อินดัสทรี จำกัด ออกมาแถลงยืนยันไม่ใช่กลุ่มทุนของบริษัท พิษณุโลกบรูอิ้ง เจ้าของเครื่องดื่มคราฟต์พิดโลก ที่รองประธานสภาฯ โพสต์เชียร์ และไม่เกี่ยวข้องกับการขายและการตลาด เป็นเพียงผู้รับจ้างผลิตเท่านั้น.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง