อุ๊งอิ๊งแจงพ่อเครียดเพลีย ชมหมอเก่งปัดย้ายเอกชน

"อุ๊งอิ๊ง" เข้าเยี่ยม "ทักษิณ"    เป็นวันที่ 2 เผยอาการพ่อเครียด-อ่อนเพลีย รับห่วงอาการด้านหัวใจ ระบุห้องพักอยู่ฝั่ง สตช. แอร์ซ่อมแล้ว ส่วนการขอพระราชทานอภัยโทษเป็นดุลยพินิจของ "ทักษิณ" คนเดียว "วิษณุ" ยังไม่ได้รับเรื่อง ย้ำมีสิทธิ์ยื่นได้ตั้งแต่ 22 ส.ค.แล้ว "ศรีสุวรรณ" จ่อร้องผู้ตรวจฯ สอบ "ราชทัณฑ์-รพ.ตำรวจ-สตช." ส่งทักษิณรักษา รพ.ตำรวจป่วยจริงหรือไม่

ที่อาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ 88  พรรษา โรงพยาบาลตำรวจ เมื่อเวลา 11.50 น. วันที่ 29 สิงหาคม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย  (พท.) พร้อมทีมทนาย ได้เดินทางเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี บิดา ที่รักษาตัวอยู่ห้องรอยัลสูท ชั้น 14 หอผู้ป่วยพิเศษระดับสูง ซึ่งเป็นวันที่ 2 ที่กรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้ตั้งแต่เวลา 09.00-15.00 น. ซึ่งเป็นไปตามระเบียบของกรมราชทัณฑ์ ผู้ที่จะเข้าเยี่ยมต้องลงทะเบียนผ่านระบบของเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ

จากนั้นเวลา 12.30 น. น.ส.แพทองธารเดินทางกลับไปที่พรรคเพื่อไทย และให้สัมภาษณ์ถึงการเข้าเยี่ยมนายทักษิณว่า ตอนนี้คุณพ่ออ่อนเพลีย เห็นได้ตั้งแต่วันที่เดินทางมาเมืองไทย ไม่ได้สดชื่นเหมือนเดิม ส่วนตัวก็เข้าใจ เพราะเป็น 17 ปีที่ไม่ได้อยู่เมืองไทย และคงจะมีอาการเครียดพอสมควร โดยวันที่ 22 ส.ค. วันที่ท่านเดินทางกลับมาถึงประเทศไทย ครอบครัวเห็นว่าท่านเครียด และในคืนวันเดียวกันครอบครัวก็ทราบพร้อมสื่อว่าคุณพ่อถูกส่งไปที่โรงพยาบาลตำรวจ และวันนี้ (29 ส.ค.) ที่ไปเจอ ก็เห็นว่าท่านมีอาการอ่อนเพลีย

เมื่อถามว่า ทางครอบครัวเป็นห่วงอย่างไรบ้าง น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ปี 2563 คุณพ่อเป็นโควิดตั้งแต่รุ่นอู่ฮั่น มีอาการหนักมาก เข้าห้องไอซียูไป 9 วัน รวมเวลาอยู่โรงพยาบาลไป 1 เดือน เมื่อออกมาน้ำหนักหายไป 10 กิโลกรัม ตอนนี้ก็ยังมีจุดอยู่ที่ปอด ซึ่งคุณพ่อพยายามออกกำลังกายเพื่อให้ฟื้นตัว ซึ่งถือว่ากลับมาได้เยอะแล้ว แต่สำหรับคนอายุ 74 ปี และบวกกับความเครียด แต่โดยรวมคุณพ่อดีใจที่ได้เจอกับตน มองว่าท่านมีความเปลี่ยนแปลง ตอนที่อยู่เมืองนอกสามารถไปไหนได้ แต่ใครก็ตามหากต้องเปลี่ยนที่อยู่ ต่อให้ไม่ใช่ราชทัณฑ์หรือโรงพยาบาล การเปลี่ยนแปลงก็ทำให้มีความรู้สึก

เมื่อถามถึงความชัดเจนเกี่ยวกับการยื่นขอพระราชทานอภัยโทษ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเราให้เป็นดุลยพินิจของคุณพ่อจะจัดทำเมื่อไหร่ ก็ให้คุณพ่อเป็นคนจัดการ ทั้งนี้ไม่มีอะไรติดขัด เป็นเรื่องของคุณพ่อที่จะเลือกเวลาและทำรายละเอียดต่างๆ ตามกระบวนการ คุณพ่อทำคนเดียว ตนไม่ทราบรายละเอียด 

ถามว่า อาการนายทักษิณจำเป็นต้องย้ายตัวออกมาที่ รพ.เอกชนหรือไม่   น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ไม่มี เพราะที่รพ.ตำรวจมีคุณหมอเก่งๆ เยอะมาก และเราไม่ได้ขอย้ายไปที่ รพ.เอกชนแต่อย่างใด ส่วนต้องใช้เวลารักษาตัวนานเท่าใด ได้สอบถามกับทางแพทย์ แต่ยังไม่มีความชัดเจน เพราะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย

ถามว่ารู้สึกเสียใจหรือไม่ที่สังคมมองว่านายทักษิณไม่ได้ป่วยจริง และมีอภิสิทธิ์ชนในการเข้ารักษาตัว น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ไม่ได้รู้สึกเสียใจ หรือไม่เสียใจ แต่ตนเป็นห่วงคุณพ่อ รวมถึงคนที่เป็นห่วงท่าน ส่วนห้องนายทักษิณ อยู่ฝั่งที่มองไปเห็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นห้องปกติ ส่วนเครื่องปรับอากาศเสียตอนนี้ซ่อมแล้ว

ถามอีกว่า จากการพูดคุยกับนายทักษิณ เป็นห่วงเรื่องอะไรพิเศษหรือไม่  น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ส่วนตัวเป็นห่วงเรื่องหัวใจ ส่วนเรื่องปอดเป็นเรื่องเดิมที่เป็นอยู่ หากเป็นอะไรจะไม่รวดเร็วเท่าเรื่องหัวใจ

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการขอพระราชทานอภัยโทษของนายทักษิณว่า   สามารถทำได้ตั้งแต่วันที่ 22 สิงหาคมที่ผ่านมา แต่ส่วนตัวไม่รู้ว่าดำเนินการส่งมาที่กระทรวงยุติธรรมแล้วหรือยัง แต่ปกติแล้วเรื่องจะส่งมาที่ตน แต่ตอนนี้ยังไม่เห็น

นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีมีกระแสต่อต้านการขออภัยโทษของนายทักษิณว่า ไม่อยากออกความคิดเห็น   เพียงแต่ถ้าถือตามนโยบายที่ตนเคยเป็นนายกฯ คนหนึ่ง เราไม่สามารถทำให้ทุกคนรวยเหมือนกันหมด แต่ทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายที่เท่าเทียมกัน บ้านเมืองจึงจะเป็นประชาธิปไตย และมีความเป็นธรรมในสังคม ส่วนเรื่องการถวายฎีกานั้น ตนไม่มีความคิดเห็น

ขณะที่ นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน เปิดเผยว่า กรณี น.ช.ทักษิณ ผู้ต้องขังในคดีอาญาที่ถูกหมอจากราชทัณฑ์วินิจฉัยว่าป่วยหลายโรค ต้องมานอนรักษาตัวใน รพ. ตำรวจ ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐเช่นกัน โดยจัดให้อยู่ในห้องพิเศษ ขั้นพิเศษ ซึ่งดูจะเกินสถานะของนักโทษคดีอาญา แถมยังช่วยวินิจฉัยรับรองการป่วยให้กับนักโทษดังกล่าวเฉกเช่นเดียวกับหมอจากราชทัณฑ์ ซึ่งยังเป็นที่เคลือบแคลงใจของประชาชนส่วนใหญ่ว่า น.ช.ทักษิณป่วยหนักจนต้องส่งออกมารักษานอกโรงพยาบาลราชทัณฑ์จริงหรือไม่

นายศรีสุวรรณกล่าวว่า กรณีดังกล่าวแม้กฎหมายห้ามเปิดเผย แต่ทว่ามีหน่วยงานอิสระตามรัฐธรรมนูญที่สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ตามกฎหมาย นั่นคือผู้ตรวจการแผ่นดิน เพราะสามารถมีอำนาจเข้าไปตรวจสอบสถานที่ของรัฐทุกแห่งได้ตามกฎหมาย  หรือเรียกสรรพเอกสารและบุคคลมาให้ถ้อยคำได้ตามอำนาจในมาตรา 22 (2) ของ พ.ร.ป.ผู้ตรวจการแผ่นดิน 2560  ได้เมื่อมีผู้ร้องเรียน โดยเฉพาะกรณีที่สังคมสงสัยว่า น.ช.ทักษิณป่วยจริงหรือไม่ และมีการเอื้อประโยชน์กันของเจ้าหน้าที่และหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องหรือไม่ อาทิ 1.กรมราชทัณฑ์ 2.โรงพยาบาลตำรวจ 3.สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 

"ด้วยเหตุเช่นนี้ องค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน จึงจะนำความพร้อมพยานหลักฐานไปยื่นร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อให้สอบเจ้าหน้าที่หน่วยงานรัฐทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง และดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป ในวันพุธที่ 30 ส.ค.66 เวลา 10.00 น. ณ สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน" นายศรีสุวรรณระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง