จ่อแถลงนโยบาย11กันยา

รัฐสภา ๐ “วันนอร์” เผย “เลขาฯ ครม.”    ประสานแถลงนโยบาย รบ. 11 ก.ย.    พร้อมนัดพฤหัสฯ นี้ประชุมวิป 3 ฝ่าย      ด้าน "พิธา" จี้รัฐบาลทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้ ไม่เช่นนั้นจะเกิดวิกฤตศรัทธา ลั่นไม่ยึดติดตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน แต่ตาม รธน.ต้องเป็นของก้าวไกล

     เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2566 นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา กล่าวถึงวันแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาว่า  ทราบจากทางเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรว่า นางณัฐฏ์จารี อนันตศิลป์  เลขาธิการคณะรัฐมนตรี แจ้งว่าอยากได้วันแถลงนโยบายรัฐบาลเป็นวันที่ 11 ก.ย.  หากกำหนดเป็นวันที่ 8 ก.ย. อาจจะไม่พร้อม เพราะถ้าจะประชุมวันดังกล่าวต้องส่งเอกสารนโยบายรัฐบาลมายังสภาตั้งแต่วันที่ 4 ก.ย. เนื่องจากสภาต้องออกหนังสือนัดสมาชิกล่วงหน้า 5 วัน

     นายวันนอร์กล่าวว่า จะนัดประชุมวิป 3 ฝ่ายเพื่อเตรียมความพร้อมในวันที่ 7 ก.ย. เวลา 14.00 น.โดยประมาณ

     ด้านนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงคณะรัฐมนตรีภายหลังได้รับการโปรดเกล้าฯ  แล้วว่า คงตามนโยบายที่ได้หาเสียงไว้ ซึ่งคงจะเป็นหลัก ตนคงไม่ได้ดูเป็นตัวบุคคล แต่ดูวิธีในการเข้าสู่อำนาจ รวมถึงปัญหาเกี่ยวกับศรัทธาของพี่น้องประชาชนในการเตรียมมาเป็น ครม.ในการแก้ปัญหา

     ทั้งนี้ สิ่งที่อยากฝากไว้ ก็อยากจะให้รักษาสัจจะตามที่หาเสียงกับพี่น้องประชาชนไว้ เพราะหลายนโยบายตั้งใจที่จะทำให้เกิดขึ้นจริงๆ ถ้าการแถลงนโยบายประมาณวันที่ 8-9 ก.ย.นี้ ก็คงจะเห็นว่าหลายเรื่องที่เคยหาเสียงไว้ และที่มีดิจิทัลฟุตปรินต์ เสนอนโยบายอย่างไรบ้าง ก็ต้องทำตามนโยบายที่ได้หาเสียงไว้  เพราะไม่อย่างนั้นวิกฤตศรัทธาจะเกิดขึ้น ศรัทธาเกี่ยวกับการเมือง ศรัทธาเกี่ยวกับรัฐสภา ศรัทธาเกี่ยวกับการทำงานการเมืองของพี่น้องประชาชน ที่คิดว่าจะไปเลือกทำไม จะมีดีเบตกันไปทำไม เพราะไม่รู้ว่าที่พูดไปไม่เกิดขึ้นจริง ตรงนี้คือสิ่งที่สำคัญ ความรับผิดชอบในคำพูด

     เขากล่าวว่า ฝ่ายค้านก็จะเป็นฝ่ายค้านเชิงรุก ที่มีการตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา เข้มข้น และยึดผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้งแน่นอน ทั้งนี้ ในฐานะฝ่ายค้าน จะให้ฝ่ายรัฐบาลทำงานกี่เดือน ถึงจะรุกแบบเข้มข้น ขณะนี้ช้ามาตั้ง 3 เดือน ตั้งแต่การเลือกตั้ง 14 พ.ค. อย่างที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เคยพูดไว้ว่า ไม่มีเวลาฮันนีมูนกัน ต้องรีบทำงานอย่างเต็มที่

     นอกจากนี้ สัญญาประชาคมที่แต่ละพรรคการเมืองทำร่วมกันไว้แล้ว ไม่น่าจะเป็นข้ออ้างได้ว่าเป็นพรรคร่วมแล้วทำไม่ได้ พร้อมเปรียบเทียบตอนที่พรรคก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาล ได้นำ MOU มาเป็นตัวตั้ง ไม่ได้เลือกพรรคแต่เลือกภารกิจ ดังนั้น น่าจะคุยกันได้แล้วว่าจะทำอะไร ไม่ทำอะไร ไม่อย่างนั้นจะใช้เป็นข้ออ้างในทุกครั้งไปว่าพรรคร่วมทำไม่ได้

     "แน่นอนว่าการพูดคุยกันอย่างมีวุฒิภาวะ ผมเข้าใจ แต่ก่อนที่จะตัดสินใจร่วมรัฐบาลกัน ก็ต้องดูก่อนว่านโยบายจะอย่างไร ขอให้เอาประชาชนเป็นที่ตั้ง เอาสัจจะเป็นที่ตั้ง ถ้าเอา 2 อย่างเป็นที่ตั้ง คิดว่ารัฐบาลจะทำงานได้อย่างดี ขอเป็นกำลังใจให้รัฐบาลรักษาสัจจะให้ได้ ยึดประชาชนเป็นที่ตั้ง"

     ส่วนจะมีการนัดพูดคุยกันในพรรคฝ่ายค้านกับพรรคประชาธิปัตย์ และแบ่งงานอย่างไรหรือไม่ นายพิธากล่าวว่า ตนทำงานนอกสภาเป็นส่วนใหญ่ ก็ให้คำปรึกษากับเพื่อน ส.ส. ทั้งเรื่องการอภิปราย การทำงาน หรืองบประมาณที่จะเข้า ทั้งนี้ สมัยนี้พรรคก้าวไกลได้ ส.ส. มากขึ้น ก็จะได้สัดส่วนกรรมาธิการที่เยอะขึ้น ตนก็จะทำงานแบบนี้จนกว่าที่จะได้รับสิทธิ์คืนมา ประชาชนคอยอยู่ก็จะแก้ไขปัญหาตรงนี้ให้ได้ และกลับไปทำงานโดยเร็ว เพื่อจะเข้าไปสู่สภาอีกครั้ง

     สำหรับตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านจะมีการวางเป้าหมายไว้อย่างไร หัวหน้าพรรคก้าวไกลกล่าวว่า ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 106 ระบุว่า ต้องเป็นหัวหน้าพรรคเสียงที่มีมากที่สุดของฝ่ายค้าน แต่ปัญหาคือตนถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ดังนั้นก็เป็นปัญหาที่ไม่สามารถรับตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านได้ ส่วนตัวก็ไม่ได้ยึดติดกับตำแหน่งนี้

     อย่างไรก็ตาม ถ้าเป็นมติพรรคหรือเป็นไปตามรัฐธรรมนูญบังคับให้จะต้องรับ  ก็อาจจะต้องรออีกทีหนึ่ง ดังนั้นจึงยังไม่รีบตัดสินใจ เพราะยังมีเวลาอีกหลายเดือนกว่าที่ตนจะได้กลับไป ส่วนพรรคอื่นก็ขอไม่พาดพิง แต่เท่าที่ติดตาม ก็น่าจะติดเงื่อนไขว่าหัวหน้าพรรคแต่ละพรรคเป็น ส.ส.ในสภาหรือไม่ ซึ่งก็คงเป็นเรื่องของพรรคอื่น 

     "ถ้าอ่านตามรัฐธรรมนูญ ก็ชัดเจนว่าต้องเป็นพรรคที่มี ส.ส.อันดับหนึ่ง และหัวหน้าพรรคต้องเป็น ส.ส. ซึ่งถ้าผมไม่ได้เป็นอยู่ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไหลไปที่พรรคอื่น เท่าที่อ่าน และหากอ่านวรรคสุดท้าย ก็จะเห็นว่าตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านจะสิ้นสุดลงเมื่อเงื่อนไขในพารากราฟแรกเปลี่ยนไป หมายความว่าหากผมกลับไป  ก็ต้องไหลมาที่ผมที่เป็นพรรคอันดับหนึ่งตามรัฐธรรมนูญ"

     นายพิธายังเผยว่า ส่วนตัวก็คิดว่ายังตั้งใจทำงานเป็น สส.คนหนึ่ง ก็ยังทำงานได้ ไม่ได้ยึดติดกับส่วนตัว แต่ถ้าเป็นเรื่องของกฎหมาย หรือเป็นมติของเพื่อน สส. และของพรรคมา ตนก็ต้องเคารพ และตอนนี้ก็ยังมีเวลาตัดสินใจอีกนาน

     เขาบอกว่า อยากให้นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯ คนที่ 1 ตั้งใจทำงานในตำแหน่งรองประธานสภาฯ ในช่วงเวลาที่ตนยังไม่ได้กลับเข้าไป อาจจะ 4-6  เดือน ซึ่งคิดว่ายังมีเวลาพอที่จะให้นายปดิพัทธ์ได้ทำหน้าที่รองประธานสภาฯ   อย่างที่เขาหวังไว้ ยังมีเวลาอยู่ และยังรอได้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ทบ.เดือดจัด ซัด‘เฮงรัตนา’ จอมลวงโลก

โฆษก ทบ.จี้นานาชาติจับตา “เฮง รัตนา” ผอ. CMAC กัมพูชา เผยแพร่ข้อมูลเท็จ บ่อนทำลายความไว้วางใจและสันติภาพในภูมิภาค ใช้จินตนาการปั้นแต่งเรื่องราวเพื่อหลอกลวงสังคมโลก

‘ราชินี’แรงบันดาลใจคนรุ่นใหม่

ในหลวงพระราชทานถ้วยรางวัลนักกีฬาเรือใบ “ภูเก็ตคิงส์คัพรีกัตต้า” ครั้งที่ 37 พระราชินีทรงแข่งเรือใบรอบชิงชนะเลิศ ทำให้เรือวายุมีคะแนนดีที่สุดในการแข่งขัน

‘อนุทิน’ล่องลงใต้ ขออภัยผมผิดเอง

"อนุทิน" นำคณะ ครม.ลงใต้อีกรอบ เตรียมตั้งกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติส่วนหน้า ที่ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 12

พท.ขึงขังซักฟอก อ้างเหตุเพราะมีคนตายปากกล้าขาสั่นท้าไม่กลัวยุบสภา

พรรคเพื่อไทยจะเอาทุกอย่าง ซักฟอกดิสเครดิตรัฐบาลก่อนเลือกตั้ง บีบพรรคส้มตัดสินใจ เชื่อ "อนุทิน" ไม่ยุบสภา ไม่กระทบรัฐธรรมนูญ "สรวงศ์" ลั่น

รำลึกพ่อหลวงร.9 ในหลวง-พระราชินีทรงบำ เพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน

ในหลวง-พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพรัชกาลที่ 9 และสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เฉลิมพระนามพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมพระนราธิวาสราชนครินทร์ บดินทรเชษฐภคินี