อาลัยจุฬาราชมนตรี ‘อาศิส’กลับสู่‘อัลลอฮ์’ 23ต.ค.ละหมาดขอพร

“อาศิส พิทักษ์คุมพล”  กลับสู่อัลลอฮ์ “จุฬาราชมนตรี คนที่ 18”   ถึงแก่อนิจกรรม หลังเข้ารักษาตัวที่ รพ.จุฬาฯ เมื่อวันที่ 20 ต.ค. กองทัพอากาศจัดเครื่องบิน C-130 เคลื่อนร่างถึงบ้านเกิดสงขลาแล้ว เตรียมจัดพิธีละหมาดญะนาซะห์จันทร์นี้

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 22 ตุลาคม 2566   สำนักจุฬาราชมนตรีประกาศเรื่อง การถึงแก่อนิจกรรมของจุฬาราชมนตรี ว่า ا لله وانا اليه راجعون “แท้จริงเราเป็นสิทธิ์ของอัลลอฮ์และเราต้องกลับไปสู่พระองค์” ตามที่ นายอาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี ได้เข้ารับการรักษาอาการป่วย เป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์   สภากาชาดไทย ความละเอียด แจ้งแล้วนั้น

สำนักจุฬาราชมนตรีขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า นายอาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี คนที่ 18 แห่งราชอาณาจักรไทย ได้กลับไปสู่ความเมตตาของอัลลอฮ์ (ถึงแก่อนิจกรรม) แล้ว เมื่อวันอาทิตย์ที่ 22 ตุลาคม 2566 เวลา 10.32 น. และจะจัดพิธีละหมาดญะนาซะห์ (ละหมาดขอพร) ในวันจันทร์ที่ 23 ตุลาคม 2566 เวลา 10.00 น. ณ มัสยิด กลางประจำจังหวัดสงขลา เลขที่ 352  ถนนลพบุรีราเมศวร์ ตำบลคลองแห อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 20 ต.ค. สำนักจุฬาราชมนตรีออกแถลงการณ์เรื่อง จุฬาราชมนตรีเข้ารับการรักษาที่ รพ.จุฬาลงกรณ์ ฉบับที่ 1 ว่า ตามที่นายอาศิสได้เข้ารับการรักษาอาการป่วยเป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ ณ รพ.จุฬาลงกรณ์นั้น สำนักจุฬาราชมนตรีขอแจ้งว่า ขณะนี้จุฬาราชมนตรีอยู่ในการดูแลของคณะแพทย์อย่างใกล้ชิด ขอให้พี่น้องมุสลิมร่วมกันขอดุอาอ์ (ขอพร) ให้อาการป่วยของท่านได้ทุเลาลง หากมีความคืบหน้าประการใดจะแจ้งให้ทราบในลำดับต่อไป

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แสดงความอาลัยต่อการถึงแก่อนิจกรรมของนายอาศิส 

ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศระบุว่า ขอแสดงความอาลัยต่อการถึงแก่อนิจกรรมของท่านจุฬาราชมนตรี และขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของท่านจุฬาราชมนตรี และต่อพี่น้องมุสลิมในประเทศไทย และขอเมตตาของอัลลอฮ์อยู่ท่ามกลางทุกท่านในเวลายากลำบากและเศร้าสลดนี้

ส่วนกองทัพอากาศได้จัดเครื่องบิน C-130 เคลื่อนย้ายร่างนายอาศิสเพื่อประกอบพิธีละหมาดญะนาซะห์ (ละหมาดขอพร) ในวันจันทร์ที่ 23 ต.ค.นี้

ส่วนคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสงขลา ได้เร่งเตรียมความพร้อมในการจัดพิธีฝังและพิธีพระราชทานดินฝังศพ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว   ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์อัญเชิญดินฝังศพพระราชทาน ที่มัสยิดกลางประจำจังหวัดสงขลา โดยได้มีการกางเต็นท์ขนาดใหญ่พร้อมปรับพื้นที่เตรียมรองรับพี่น้องมุสลิมจำนวนมากที่จะร่วมในพิธีละหมาดญะนาซะห์ และกำหนดจุดใช้ในการทำพิธีฝังตามหลักศาสนาอิสลามในวันที่ 23 ต.ค.

และเมื่อเวลา 16.40 น. ร่างของจุฬาราชมนตรีได้มาถึงสนามบินกองบิน 56 อ.คลองหอยโข่ง จ.สงขลา โดยมีนายสมนึก พรหมเขียว ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา รวมทั้งหัวหน้าส่วนราชการในจังหวัด และครอบครัว และทหารกองเกียรติยศ ร่วมในพิธีรับร่างจุฬาราชมนตรีอย่างสมเกียรติ หลังจากนั้นได้เคลื่อนไปยังบ้านเกิดของจุฬาราชมนตรี ซึ่งบรรยากาศล่าสุดที่บ้านเลขที่ 45 ซ.ควนสันติ 1 ได้มีพี่น้องประชาชนมาร่วมแสดงความเสียใจที่บ้านเกิดของนายอาศิสอย่างต่อเนื่อง และมีเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยพื้นที่โดยรอบ ทั้งตำรวจและฝ่ายปกครอง รวมทั้งอำนวยความสะดวก นอกจากนี้ที่บริเวณหน้าบ้านพักทางครอบครัวและญาติได้มีการติดป้ายห้ามถ่ายรูป และขอความอนุเคราะห์เวลาที่ขบวนศพของท่านจุฬาราชมนตรี เคลื่อนผ่านเข้ามายังบ้านพัก ขอความร่วมมืองดถ่ายภาพขบวนดังกล่าวด้วย

สำหรับนายอาศิสนั้น เกิดเมื่อวันที่ 6 มี.ค.2490 เป็นคนจังหวัดสงขลา โดยสืบเชื้อสายมาจากสุลต่าน สุลัยมาน ชาห์ ผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลา ในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรมถึงรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง โดยศึกษาสายสามัญในระดับประถมศึกษาที่ รร.บ้านหัวเขา ต.หัวเขา อ.สิงหนคร จ.สงขลา, มัธยมศึกษาตอนต้นที่ รร.สงเคราะห์ประชา อ.เมืองฯ จ.สงขลา สำหรับสายศาสนานั้น ศึกษาที่ปอเนาะอัลนาซอนีย๊ะ อ.จะนะ จ.สงขลา และที่ปอเนาะตุยง (รร.สกุลศาสน์อิสลามในปัจจุบัน) อ.หนองจิก จ.ปัตตานี

โดยเมื่อวันที่ 16 พ.ค.2553 นายอาศิสได้รับลงคะแนนเสียงเป็นอันดับ 1 จากกรรมการอิสลามประจำจังหวัดทั่วประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งจุฬาราชมนตรี   ตามพระราชบัญญัติการบริหารองค์กรศาสนาอิสลาม พ.ศ.2540 ซึ่งเป็นคนที่ 2 ต่อจากนายสวาสดิ์ สุมาลยศักดิ์ อดีตจุฬาราชมนตรี และได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นจุฬาราชมนตรีคนที่ 18 เมื่อวันที่ 6 มิ.ย.2553

สำหรับคำปรารภเนื่องในโอกาสเข้ารับตำแหน่งจุฬาราชมนตรี นายอาศิสระบุว่า “ท่านที่เคารพรักทั้งหลาย บัดนี้ข้าพเจ้าได้รับเลือกให้เป็นผู้นำของพวกท่าน และไม่ใช่ว่าข้าพเจ้าจะดีที่สุดไปกว่าพวกท่าน ดังนั้นหากข้าพเจ้ากระทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว ขอให้ท่านทั้งหลายได้โปรดให้ความช่วยเหลือแก่ข้าพเจ้าด้วย และหากข้าพเจ้ากระทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ขอให้ท่านทั้งหลายได้ช่วยกันแก้ไข ให้ข้าพเจ้าได้กระทำในสิ่งที่ถูกต้อง ...ตราบใดที่ข้าพเจ้ายังเชื่อฟังในอัลลอฮ์ (ซ.บ.) และร่อซูล (ศ.ล.) ของพระองค์ ก็ขอให้ท่านโปรดเชื่อฟังข้าพเจ้า และหากข้าพเจ้าไม่เชื่อฟังในอัลลอฮ์ (ซ.บ.) และร่อซูล (ศ.ล.) ของพระองค์ ดังนั้น พวกท่านก็ไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องเชื่อฟังข้าพเจ้า”.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.

"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.