ศบค.บี้คุมเข้มเข้า-ออกช่วงปีใหม่

ศบค.เผยยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3,537 ราย เสียชีวิต 41 ราย สั่งทุกจังหวัดคัดกรองคนไป-กลับช่วงปีใหม่เข้มงวด หวั่นนำเชื้อเข้า-ออก ย้ำร้านอาหารเปิดดริงก์เคาต์ดาวน์ถึงตี 1 ได้แค่วันเดียว ส่วนผับ-บาร์ยังห้ามขายแอลกอฮอล์ “บิ๊กตู่” แนะให้ตรวจ ATK ก่อนเข้างานสังสรรค์ เตรียมลงพื้นที่สุ่มตรวจจัดงานปีใหม่เชียงใหม่-โคราช “สงขลา” สัญญาณเริ่มดี คนออกมาจับจ่ายซื้อขายมากขึ้น

เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทยว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3,537 ราย ติดเชื้อในประเทศ 3,338 ราย จากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 3,293 ราย ค้นหาเชิงรุก 45 ราย เรือนจำ 182 ราย เดินทางมาจากต่างประเทศ 17 ราย หายป่วยเพิ่ม 5,459 ราย อยู่ระหว่างรักษา 43,479 ราย อาการหนัก 972 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 254 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 41 ราย เป็นชาย 21 รายหญิง 20 ราย อายุ 60 ปีขึ้นไป 33 ราย มีโรคเรื้อรัง 6 ราย ผู้เสียชีวิตมากที่สุดที่นครศรีธรรมราช 6 ราย ส่วนยอดผู้ติดเชื้อสะสม 2,185,497 ราย ยอดหายป่วยสะสม 2,120,691 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสม 21,327 ราย ยอดฉีดวัคซีนวันที่ 16 ธ.ค. จำนวน 416,336 โดส ยอดฉีดสะสมตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.64 จำนวน 98,856,753 โดส

พญ.อภิสมัยกล่าวว่า ขอเน้นย้ำสำหรับประชาชนที่ฉีดวัคซีนแล้ว เก็บเอกสารยืนยันไว้เพื่อใช้สำหรับยืนยันข้อมูลในการเข้ารับบริการกิจกรรมหรือกิจการต่างๆ และขอเตือนอย่าปลอมแปลงเอกสาร เนื่องจากกรณีนี้มีผู้ถูกจับกุมแล้วที่ จ.อุดรธานี จึงขอให้หน่วยงานตรวจสอบคัดกรองให้เข้มงวด อย่างไรก็ตาม จังหวัดนำร่องท่องเที่ยวสีฟ้าที่ยังไม่ได้รับวัคซีนครอบคลุมจำนวนประชากร 60% ขอให้เร่งระดมฉีดเพิ่มเติม ประกอบด้วย เลย หนองคาย อุดรธานี ในส่วนของจังหวัดฉีดวัคซีนครอบคลุมจำนวนประชากรค่อนข้างน้อย และขอให้เร่งระดมฉีดด้วยเช่นกัน ประกอบด้วย ปัตตานี ราชบุรี นครนายก และกาญจนบุรี ขอให้แต่ละจังหวัดจัดกิจกรรมฉีดวัคซีนเคลื่อนที่เพื่อให้เข้าถึงทั้งแรงงานประมง ค่ายผู้อพยพและแรงงานผิดกฎหมาย ขณะที่นายจ้างสามารถนำแรงงานมาดำเนินการฉีดได้ ขณะที่สถานการณ์โลกมีผู้ติดเชื้อสะสม 273,218,485 ราย ผู้เสียชีวิตสะสม 5,352,581 ราย

สำหรับ 10 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุด ได้แก่ กทม. 578 ราย, นครศรีธรรมราช 208 ราย, ชลบุรี 166 ราย, สงขลา 137 ราย, สมุทรปราการ 128 ราย, สุราษฎร์ธานี 89 ราย, ประจวบคีรีขันธ์ 78 ราย, พัทลุง 77 ราย, ปัตตานี 74 ราย, เชียงใหม่ 65 ราย โดยมีคลัสเตอร์ใหม่ในหลายพื้นที่ ได้แก่ คลัสเตอร์เรือนจำที่กระบี่ ปัตตานี คลัสเตอร์โรงงานและบริษัทที่ปราจีนบุรี ระยอง ชลบุรี คลัสเตอร์ห้างสรรพสินค้าที่ประจวบคีรีขันธ์ คลัสเตอร์ตลาดที่อ่างทอง ลพบุรี อุบลราชธานี นครศรีธรรมราช คลัสเตอร์งานศพที่นราธิวาส แม่ฮ่องสอน คลัสเตอร์แคมป์คนงานที่กทม.เขตคลองเตย และชลบุรี ซึ่งในส่วนกทม.ยังมีคลัสเตอร์หมูกระทะที่เขตบางกะปิ ขณะที่คลัสเตอร์โรงเรียนที่สมุทรปราการ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ และคลัสเตอร์โรงเรียนนายสิบทหารบก ประจวบคีรีขันธ์

“ขอเน้นย้ำในช่วงเทศกาลปีใหม่ ให้แต่ละจังหวัดเฝ้าคัดกรองคนที่จะกลับบ้าน เนื่องจากอาจจะมีการติดเชื้อแต่ไม่แสดงอาการ และเมื่อจบเทศกาลปีใหม่แล้วมีการเดินทางกลับทำงานก็มีความเสี่ยง สถานประกอบการโรงงานต้องคัดกรองบุคคล เพราะมีความเสี่ยงจากการพบปะสังสรรค์หากมีการติดเชื้อ” ผู้ช่วย ศบค.กล่าว

พญ.อภิสมัยกล่าวว่า ในส่วนของการเดินทางเข้าราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 1-16 ธ.ค. รวมทั้งสิ้น 122,363 ราย พบผู้ติดเชื้อ 226 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.18 โดยประเทศที่เดินทางเข้ามากที่สุดได้แก่ เยอรมนี สหราชอาณาจักร รัสเซีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ฝรั่งเศส และยืนยันการติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนในไทยยังอยู่ที่ 14 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการเดินทางเข้ามาในระบบ Test and Go ซึ่งภาพรวมการเดินทางเข้าประเทศ แม้อัตราผู้ติดเชื้อไม่สูง แต่ต้องเตรียมรองรับกรณีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นในเดือน ธ.ค.

ตรวจ ATK ก่อนเข้าสังสรรค์

พญ.อภิสมัยกล่าวว่า ที่ประชุม ศบค. ชุดเล็กวันนี้มีการหารือในรายละเอียดโดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร ได้รายงานว่ามีการพูดคุยกันเมื่อวันที่ 15 ธ.ค.ที่ผ่านมา ถึงกรณีจัดงานคนเข้าร่วมน้อยกว่า 1,000 คน เช่น การจัดกิจกรรมปีใหม่ภายในครอบครัวที่มีคนร่วมหลักสิบหรือน้อยกว่า การจัดงานปีใหม่ในนามของบริษัทห้างร้าน สถานประกอบการ หรือการเคาต์ดาวน์ของร้านอาหาร หรือสถานที่กลางแจ้งใดๆ ก็ตาม ทางกรมควบคุมโรคและ ศบค.ชุดเล็กพยายามให้มีข้อปฏิบัติที่ง่ายต่อการจัดงาน ทั้งผู้จัดงานและผู้ร่วมงานได้ศึกษา ทำความเข้าใจ เช่น มีการนำเสนอว่าต้องให้ผู้จัดงานที่มีการวางแผนว่าจะมีคนเข้าร่วมเกิน 300 คน ต้องขออนุญาตสำนักงานเขตหรือคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ซึ่งขอเน้นย้ำว่าการที่มีคนมารวมกัน มีการพบปะสังสรรค์ในช่วงปีใหม่ ยังถือเป็นความเสี่ยง อย่างไรก็ตาม ขอให้ผู้ที่เตรียมจัดงานและประชาชนเตรียมฟังข้อปฏิบัติจากทางกรุงเทพมหานครและกระทรวงสาธารณสุข

“ในที่ประชุม ศบค.ชุดเล็ก เลขาธิการ สมช.ในฐานะ ผอ.ศปก.ศบค.ได้เน้นย้ำว่านายกรัฐมนตรีในฐานะ ผอ.ศบค.ได้ฝากให้กระทรวงสาธารณสุขพิจารณาเรื่องการใช้ ATK ชุดตรวจด้วยตนเอง เป็นการยกระดับมาตรฐานการจัดงานต่างๆ รวมทั้งการจัดงานปีใหม่ ซึ่งสถานประกอบการ ผู้จัดงานปีใหม่ทำได้อยู่แล้ว เหมือนอย่างที่มีการรายงานเข้ามายัง ศบค.เป็นระยะๆ อยู่แล้ว เช่น งานกฐิน งานเลี้ยงพิธีกรรม งานประชุมผู้ปกครอง กิจกรรมกีฬา ฟุตบอล ฟิตเนส ซึ่งผู้จัดงานหลายแห่งให้ตรวจ ATK มีผลเป็นลบจึงจะให้เข้าร่วมงานได้ ดังนั้นอาจจะยกระดับมาในการจัดงานปีใหม่ เพื่อความปลอดภัย” พญ.อภิสมัยกล่าว

ผู้ช่วย ศบค.กล่าวว่า ในช่วงระยะเวลาอันใกล้นี้ ศบค.จะมีการลงพื้นที่เยี่ยมสถานที่ที่กำหนดให้มีการจัดงานปีใหม่ขนาดใหญ่ เช่น เชียงใหม่ นครราชสีมา รวมทั้งจะมีการลงพื้นที่จังหวัดหนองคาย เนื่องจากในวันที่ 24 ธ.ค.นี้ จะมีการเปิดด่านผ่านเข้า-ออกช่องทางบกแห่งแรกระหว่างประเทศไทยกับ สปป.ลาว เพื่อจะได้เป็นแนวทางให้กับอีกหลายจังหวัดที่จะมีการพัฒนาเป็นการเปิดต้อนรับนักท่องเที่ยว การค้าแนวชายแดน โดยจะถือว่าหนองคายเป็นต้นแบบ Test and Go ทางบกแห่งแรก โดย สปป.ลาวเองจะมีการเปิดประเทศในวันที่ 1 ม.ค.65 โดยนอกจากจังหวัดหนองคายที่เป็นจังหวัดนำร่องของไทยแล้ว จะมีการพัฒนารูปแบบต่อเนื่องที่จังหวัดมุกดาหาร นครพนมอุบลราชธานี

นอกจากนี้ ทางจังหวัดตราดยังได้รายงานความพร้อมของเกาะกูด แต่ในที่ประชุมสรุปว่าเกาะกูด จังหวัดตราด จะยังไม่เปิดเป็นที่ท่องเที่ยว ถึงแม้ว่าจะถือว่าเป็นพื้นที่สำคัญทางเศรษฐกิจ แต่ถือว่าเป็นตัวอย่างที่ผู้ประกอบการภาครัฐ และประชาชนหารือร่วมกัน ไม่รีบร้อนแต่จะเปิดเมื่อพร้อม ถึงแม้ว่าเกาะกูด ถือว่าเป็นพื้นที่ครอบคลุมวัคซีนสูงสุดในจังหวัดตราด ศบค.ชุดเล็กได้ขอบคุณและชื่นชมที่ทางจังหวัดมีการหารือหลายฝ่ายร่วมกัน และขึ้นอยู่กับคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ก่อนที่จะได้ข้อสรุปร่วมกัน

“ขอเน้นย้ำว่าการอนุญาตหรือให้ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ภายในร้านอาหารหรือสถานประกอบการได้นั้น เป็นการเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่ คือ 31 ธ.ค.ถึงตี 1 ของวันที่ 1 ม.ค.65 ดังนั้นสถานบริการ ผับบาร์ สถานบันเทิง ที่เปิดให้บริการและจำหน่ายแอลกอฮอล์ถือว่ามีความผิด ทำไม่ได้ อย่างไรก็ตามกรณีที่มีรายงานเข้ามาว่ามีการเปิดแล้วในบางแห่งที่พื้นที่ในจังหวัดกระบี่ เช่น อ่าวนาง ไร่เลย์นั้น ก็ขอย้ำว่ายังเปิดไม่ได้ ถึงแม้ว่าจะเป็นสถานบริการที่ได้มาตรฐาน SHA หรือ SHA Plus แล้วก็ตาม ก็ยังไม่อนุญาต ซึ่งถ้ามีการกระทำผิด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สามารถเพิกถอนตราสัญลักษณ์มาตรฐานดังกล่าวได้ เนื่องจากผู้ให้บริการไม่สามารถรักษามาตรฐานดังกล่าวนั้นไว้ได้ จึงต้องขอเน้นย้ำมาตรการป้องกันส่วนบุคคล การสวมหน้ากากอนามัยขอให้สวมอยู่ตลอดเวลา เว้นระยะห่าง ก็จะทำให้เราผ่านเทศกาลปีใหม่ได้อย่างปลอดภัย” ผู้ช่วย ศบค.ระบุ

สงขลาสัญญาณเริ่มดี

ขณะที่ น.ส.ไตรศุลี ไตรสรกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอช นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้รับรายงานจาก สธ. ถึงผลงานการศึกษาทางวิชาการเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนโควิด-19 โดยการใช้วัคซีนสูตรไขว้ของนักวิชาการไทย ได้รับการยอมรับและอ้างอิงในรายงานทางวิชาการ โดยกลุ่มผู้เชี่ยวชาญที่ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้วัคซีนโควิด-19 (Strategic Advisory Group of Expert-SAGE) ขององค์การอนามัยโลก (WHO) ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแนวทางการฉีดวัคซีนโควิด-19 สูตรไขว้ในประเทศไทยเริ่มได้รับการยอมรับในระดับสากล

“นายกฯ ชื่นชมคณะผู้ศึกษา ซึ่งผลงานจากประเทศไทยที่ได้รับการอ้างอิงโดยนักวิชาการ SAGE ในครั้งนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่ทำให้ทั่วโลกยอมรับในแนวทางที่ประเทศไทยดำเนินการให้วัคซีนแก่ประชาชนเป็นแนวทางที่มีประสิทธิภาพที่สุด” รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าว

วันเดียวกัน พญ.มิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ กล่าวว่า จากการเปิดลงทะเบียนจองคิวฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเข็มที่ 3 ชนิดวัคซีนไฟเซอร์ที่ศูนย์บางซื่อ ผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือทั้ง 4 ค่ายเมื่อวันที่ 16 ธ.ค. มีประชาชนลงทะเบียนจองสิทธิเต็ม หลังจากนี้จะมีการตรวจสอบรายละเอียดความถูกต้อง และเริ่มให้บริการฉีดวัคซีนตั้งแต่วันที่ 18 ธ.ค.เป็นต้นไป ส่วนกรณีผู้ฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ชนิดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าจากศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ ซึ่งตามประกาศกลุ่มนี้จะมี SMS แจ้งไป

จ.สงขลา สถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 135 ราย มีผู้เสียชีวิต 3 ราย ซึ่งพบในกลุ่มที่ไม่ได้รับวัคซีนและมีโรคประจำตัว นอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลกว่า 2,400 ราย หายกลับบ้านกว่า 62,800 ราย

นายสมพล ชีววัฒนาพงศ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จ.สงขลา กล่าวว่า สถานการณ์โรคโควิด-19 ลดลง ทำให้ประชาชนคลายเครียด มีการเคลื่อนไหวในพื้นที่ มีประชาชนออกมาจับจ่ายซื้อขายสินค้าเพิ่มขึ้น ส่วนการท่องเที่ยวน่าจะต้องรอไปอีกระยะหนึ่ง ดูจากการจองห้องพักในช่วงเทศกาลปีใหม่ภาพรวมประมาณ 20% และเปิดนั่งดื่มแอลกอฮอล์ในร้าน 1 วัน คือวันที่ 31 ธ.ค.64 ถึงเวลา 01.00 น. วันที่ 1 ม.ค.65

“การท่องเที่ยวใน จ.สงขลาจะดีขึ้นหลังจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซียกลับจากประเทศไทย 29-30 ธ.ค.64 เข้าหารือการเปิดด่านชายแดนไทย-มาเลเซีย ซึ่งทาง จ.สงขลาได้ส่งข้อมูลให้กับกระทรวงการต่างประเทศและสำนักนายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับมาตรการป้องกันโควิดของพื้นที่และในช่วงเทศกาลตรุษจีนแล้ว” ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จ.สงขลาระบุ

จ.บุรีรัมย์ ศูนย์ปฏิบัติการตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ รายงานข้อมูลสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 หรือโควิด-19 พบผู้ป่วยยืนยันรายใหม่จำนวน 23 ราย โดยเป็นผู้ป่วยติดเชื้อพบในพื้นที่จังหวัด 19 ราย ในจำนวนนี้พบมากที่สุดในพื้นที่ อ.เมืองฯ 12 ราย และติดเชื้อมาจากนอกพื้นที่ 4 ราย ซึ่งติดเชื้อมาจากจังหวัดเสี่ยง 3 ราย และติดเชื้อมาจากจังหวัดเสี่ยง (พบก่อนเข้าสถานกักกันตัว) LQ 1 ราย รวมยอดผู้ป่วยสะสมระลอกเมษายน 17,613 ราย เสียชีวิตสะสม 81 ราย หายป่วยสะสม 17,322 ราย ยังรักษาอยู่ 210 ราย กระจายตามโรงพยาบาลต่างๆ ในพื้นที่จังหวัด

สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ทั้ง 23 ราย กระจายใน 7 อำเภอ จากทั้งหมด 23 อำเภอ แยกเป็นผู้ติดเชื้อพบในพื้นที่อำเภอเมืองฯ 12 ราย (ในพื้นที่ 12 ราย), อ.ลำปลายมาศ 6 ราย (ในพื้นที่ 3 ราย), อ.ประโคนชัย 1 ราย (ในพื้นที่ 1 ราย), อ.พลับพลาชัย 1 ราย (ในพื้นที่ 1 ราย), อ.ห้วยราช 1 ราย (ในพื้นที่ 1 ราย ), อ.บ้านใหม่ไชยพจน์ 1 ราย (ในพื้นที่ 1 ราย) และ อ.เฉลิมพระเกียรติ 1 ราย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง