ธรรมนัสใช้157บี้3อธิบดี DSIก้นร้อนสางหมูเถื่อน

“ธรรมนัส” เด้งรับลูกนายกฯ ปมหมูเถื่อน สั่งด่วน 3 อธิบดีในสังกัด พร้อมงัดมาตรา 157 เอาผิดเจ้าหน้าที่ละเลย “ดีเอสไอ” ก้นร้อนเรียกประชุมด่วน จ่อออกหมายจับผู้นำเข้าอีก 3 บริษัท ส่วนนายทุนประสานเข้ามอบตัวภายใน 15 พ.ย. ปูดมีผู้มีอิทธิพล-ข้าราชการอำนวยความสะดวก

เมื่อวันที่ 13 พ.ย. 2566 ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ลงนามในหนังสือด่วนถึงกรมปศุสัตว์ กรมประมง และกรมวิชาการเกษตร สั่งการให้เข้มงวดในการตรวจสอบ กักกัน และดำเนินคดีผู้ลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตรผิดกฎหมาย โดยระบุว่า ตามที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีความห่วงกังวลและเน้นย้ำหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินคดีและปราบปรามสินค้าเกษตรเถื่อนผิดกฎหมาย โดยเฉพาะหมูเถื่อน ซึ่งมีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เป็นหน่วยงานหลักในการจับกุมและดำเนินคดีสำหรับผู้ลักลอบนำเข้าสู่ราชอาณาจักรไทย ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินการขับเคลื่อนนโยบายในการนำเข้าสินค้าเกษตรเกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล จึงได้เน้นย้ำและกำชับหน่วยงานปฏิบัติของทั้ง 3 กรมในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับจังหวัด อำเภอ และด่านนำเข้าทุกด่าน เข้มงวดในการตรวจสอบ กักกัน และดำเนินคดี โดยหากพบว่ามีการจับกุมผู้กระทำความผิดในพื้นที่ใดจากหน่วยงานดีเอสไอ กระทรวงเกษตรฯ จะถือว่าด่านหรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่นั้นมีความผิด ในฐานละเลยการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 แห่งประมวลกฎหมายอาญา โดยหากพบกระทำความผิดจะถูกสอบสวนวินัยร้ายแรง จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอาญาด้วยเช่นกัน

“การปราบปรามสินค้าเกษตรที่นำเข้าไม่ถูกต้องหรือผิดกฎหมาย ถือเป็นนโยบายเร่งด่วนสำคัญที่ผมให้ความสำคัญและเน้นย้ำมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่รับตำแหน่งและแถลงนโยบายการทำงาน โดยได้จัดตั้งชุดเฉพาะกิจที่ทำงานร่วมกับตำรวจ ทหาร กรมศุลกากร และดีเอสไอ ขณะเดียวกัน กระทรวงเกษตรฯ พร้อมให้การสนับสนุนข้อมูลแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับบริษัท หรือกลุ่มบุคคลที่กระทำการผิดกฎหมายอย่างถึงที่สุด โดยเฉพาะหมูเถื่อนที่กรมปศุสัตว์ได้มีการปูพรมและดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับเกษตรกรรายย่อยและระบบกลไกตลาด”

ขณะเดียวกัน พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีดีเอสไอ กล่าวภายหลังประชุมพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 59/2566 กรณีการนำเข้าสินค้าประเภทซากสัตว์ (สุกร) เข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต หลังนายกฯ กำชับให้เร่งแก้ปัญหาดังกล่าวว่า ดีเอสไอรับดำเนินคดีของกลางซากเนื้อหมูเถื่อน 161 ตู้ที่ยึดจากท่าเรือแหลมฉบัง ทำให้พบการกระทำผิดบุคคลกลุ่มแรก คือบริษัทชิปปิงนำเข้า ซึ่งแจ้งข้อหาแล้ว 5 บริษัท จำนวน 6 ราย โดยวันนี้ได้ออกหมายจับเพิ่มเติมอีก 3 บริษัท จำนวน 3 ราย ทั้งนี้เมื่อขยายผลสอบสวนพบว่า กลุ่มบริษัทชิปปิงลักลอบนำเข้ามาก่อนหน้านี้ตั้งแต่ปี 2563-2566 ในลักษณะคล้ายกัน 2,836 ตู้ จึงได้แยกเป็นคดีพิเศษอีกคดีหนึ่ง พบว่ามีกลุ่มนายทุนเป็นผู้ว่าจ้างให้บริษัทชิปปิงนำเข้ามาจำนวนมาก ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน

พ.ต.ต.สุริยากล่าวต่อว่า ส่วนกลุ่มที่สองเป็นกลุ่มนายทุนที่สั่งหมูเถื่อนเข้ามา ดีเอสไอออกหมายจับแล้ว 2 รายที่หลบหนีไปต่างประเทศ ล่าสุดประสานขอเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ คาดไม่เกินวันที่ 15 พ.ย.นี้ ซึ่งเป็นคนสำคัญที่นำเนื้อหมูเถื่อนไปฝากไว้ห้องเย็น จ.สมุทรสาคร จำนวน 7.5 ตัน เพื่อสอบถามใครเป็นเจ้าของที่แท้จริง และอีกกลุ่มที่ดูแลห้องเย็นที่กระจายหมูเถื่อนไปแช่ที่ต่างๆ โดยจะมีพยานเข้าให้การเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวน

“ดีเอสไอเป็นหน่วยงานรับเรื่องดำเนินคดีผู้มีอิทธิพลหรือสั่งการนำเข้าเนื้อหมูเถื่อน ตามข้อสั่งการของรัฐบาล ขณะนี้พบข้อมูลว่ามีการเปลี่ยนรูปแบบเป็นลักษณะกองทัพมด พักไว้ประเทศเพื่อนบ้านแล้วส่งเข้ามาในไทย หลังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้มงวดตรวจสอบมากยิ่งขึ้น ส่วนการสกัดกั้นนำเข้าเป็นเรื่องการทำงานของแต่ละหน่วยต้องเฝ้าระวัง บูรณาการตรวจค้นห้องเย็นที่แช่เนื้อหมูเถื่อนลักลอบนำเข้ามาก่อนหน้านี้ เชื่อว่าจะสามารถกวาดล้างได้ และประชาชนที่รู้เห็นสามารถแจ้งเบาะแสได้” พ.ต.ต.สุริยากล่าวและว่า ในทางคดีพบเบาะแสเชื่อมโยงกับผู้มีอิทธิพลรายใหญ่ โดยมีข้าราชการเกี่ยวข้องอำนวยความสะดวกให้ ซึ่งจะมีความคืบหน้าชัดเจนภายในเดือนนี้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง