ปชช.อัดอั้นใจ! ศก.ไม่ดีของแพง ผวาโจรไซเบอร์

Print

สวนดุสิตโพลเผยประชาชนส่วนใหญ่ต้องการที่พึ่งพิงจากปัญหาของแพง-ค่าครองชีพสูง อยากระบายความอัดอั้น "เศรษฐกิจไทยเมื่อไหร่จะดีขึ้น ของแพง เงินไม่พอใช้"  สะท้อนความเชื่อมั่นรัฐบาลว่าพึ่งพาได้น้อยที่สุด แนะเร่งแก้ปัญหา ศก.ในระยะยาว "ซูเปอร์โพล" เผย ปชช.หนุน รบ.อยู่ครบเทอม แต่ขยาดโจรไซเบอร์แซงปัญหายาเสพติด-หนี้นอกระบบ

เมื่อวันอาทิตย์ สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยผล  สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “ที่พึ่งของคนไทย ณ วันนี้”  จำนวน 1,026 คน (สำรวจทางออนไลน์) ระหว่างวันที่ 14-17 พฤศจิกายน 2566 สรุปผลได้ ดังนี้

1.จากปัญหาต่างๆ ที่เผชิญในปัจจุบัน ประชาชนต้องการที่พึ่งมากน้อยเพียงใด อันดับ 1 มาก 52.34%,  อันดับ 2 ปานกลาง 36.06%, อันดับ 3  น้อย 11.60%

2.ณ วันนี้ มีเรื่องอะไรบ้างที่ประชาชนต้องการที่พึ่ง อันดับ 1 ของแพง ค่าครองชีพสูง 57.79%,

อันดับ 2 เศรษฐกิจตกต่ำ 55.14%,  อันดับ 3 การทำงาน                  44.47%, อันดับ 4ปัญหาหนี้สิน              41.33%, อันดับ 5 สุขภาพ 35.46%

3.นอกจากพึ่งตนเองแล้ว บุคคลอื่นที่ประชาชนคิดว่าน่าจะเป็นที่พึ่งได้มากที่สุดคือ อันดับ 1 ครอบครัว ญาติผู้ใหญ่ที่นับถือ 61.43%, อันดับ 2 เพื่อนสนิท 28.61%, อันดับ 3 สิ่งศักดิ์สิทธิ์ 22.48%, อันดับ 4 สถาบันการเงิน ธนาคาร 19.34%, อันดับ 5   รัฐบาล 18.46%

4.ณ วันนี้ เรื่องใดที่ประชาชนอยากระบายความอัดอั้น อันดับ 1 เศรษฐกิจไทยเมื่อไหร่จะดีขึ้น 45.17%, 

อันดับ 2 ของแพง เงินไม่พอใช้ 43.87%,   อันดับ 3 มิจฉาชีพ โจร ผู้ร้ายมีมากขึ้น  40.52%, อันดับ 4 นักการเมืองไทยควรหยุดทะเลาะกัน 37.36%, อันดับ 5หนี้สินมีมาก ต้องกู้ยืมทั้งในระบบและนอกระบบ 30.11%

น.ส.พรพรรณ บัวทอง นักวิจัย สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยว่า ผลโพลตั้งแต่ช่วงรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผ่านต่อมายังรัฐบาลเศรษฐา พบว่าปัญหาปากท้องเป็นโจทย์หินของทุกรัฐบาล เมื่อของแพง รายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย จึงทำให้ต้องกู้หนี้ยืมสิน แก้ปัญหาด้วยการพึ่งพาตนเอง ญาติพี่น้อง และเพื่อนสนิท นี่คือชีวิตของคนไทยส่วนใหญ่ รวมไปถึงการหันไปหาที่พึ่งทางใจอย่างสิ่งศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องเร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจในระยะยาว รวมถึงแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างในภาพรวมเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน

ผศ.สร้อย ไชยเดช อาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิต  โรงเรียนกฎหมายและการเมือง  มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยว่า จากผลสำรวจนี้เป็นคำตอบเบื้องต้นแล้วว่าในเวลานี้ประชาชนต้องการที่พึ่งในการใช้ชีวิต โดยของแพง ค่าครองชีพสูง คือเรื่องที่ประชาชนต้องการที่พึ่งมากที่สุด และตามมาติดๆ อันดับที่ 2 กับเรื่องของเศรษฐกิจตกต่ำ ผลโพลดังกล่าวเป็นไปในทิศทางเดียวกันว่าการใช้ชีวิตของคนไทยกำลังมีปัญหาเร่งด่วนในเรื่องของแพง ค่าครองชีพสูง ซึ่งนอกจากตนเองแล้ว บุคคลที่คิดว่าน่าจะเป็นที่พึ่งได้มากที่สุดสองอันดับแรกคือ ครอบครัว ญาติผู้ใหญ่ที่นับถือ และเพื่อนสนิท โดยมีรัฐบาลเป็นอันดับสุดท้ายอยู่อันดับที่ 5 

"สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อรัฐบาลว่าจะพึ่งพาได้น้อยที่สุด จาก 5 อันดับ และประชาชนยังอัดอั้นใจในเรื่องเศรษฐกิจอีกด้วย จึงเป็นการตอกย้ำว่าปัญหาเรื่องของแพง ค่าครองชีพสูง เศรษฐกิจไม่ดี เงินไม่พอใช้ คือปัญหาสำคัญที่ประชาชนต้องการให้รัฐบาลเร่งแก้ไขโดยเร็ว แม้ว่าจะมีประชาชนเพียง ร้อยละ 18.46 เท่านั้นที่คิดว่าน่าจะพึ่งรัฐบาลได้" ผศ.สร้อยระบุ        วันเดียวกัน ดร.นพดล กรรณิกา ผู้ก่อตั้งสำนักวิจัยซูเปอร์โพล และศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ วอชิงตัน ดี.ซี.  สหรัฐอเมริกา ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity) และในบทบาทกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ นโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) ผู้แทนภาคประชาชน เสนอผลสำรวจความรู้สึกของประชาชน (Sentiment Survey) เรื่อง โอกาสรัฐบาลกับภัยไซเบอร์ กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวน 1,922 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 10-18 พฤศจิกายน 2566  ที่น่าเป็นห่วงคือ เมื่อถามถึงฐานะทางการเงินของทุกคนในครอบครัวรวมกัน เปรียบเทียบระหว่างปีที่ผ่านมากับ ปัจจุบันในช่วงเวลาเดียวกัน พบว่า จำนวนมากหรือร้อยละ 40.6 แย่ลง,  ร้อยละ 38.5 เหมือนเดิม และมีเพียงร้อยละ 20.9 ดีขึ้น

ผลสำรวจยังพบด้วยว่า ปัญหาเดือดร้อน/ภัยที่ประชาชนต้องการให้รัฐบาลแก้ไขเร่งด่วน เมื่อเปรียบเทียบระหว่าง ภัยไซเบอร์กับภัยนอกไซเบอร์ พบว่า โจรไซเบอร์ มิจฉาชีพ ออนไลน์ ร้อยละ 60.0 เป็นปัญหาเดือดร้อนเร่งด่วนมากกว่า ปัญหายาเสพติด ร้อยละ 56.6 ในขณะที่ ปัญหาข้าวของ สินค้าราคาแพง และค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมัน ค่าโทรศัพท์ ร้อยละ 68.2 และร้อยละ 62.6 ตามลำดับ

นอกจากนี้ ยังมีปัญหาเร่งด่วน/ภัยไซเบอร์ อันดับสองได้แก่ หลอกให้กู้เงินออนไลน์ ร้อยละ 59.1, ลิงก์ล่อเหยื่อ หลอก/ดูดเอาเงิน ร้อยละ 55.6, พนันออนไลน์ ร้อยละ 53.2 ภัยไซเบอร์เหล่านี้ เป็นปัญหาที่ประชาชนต้องการให้รัฐบาลแก้ไขเร่งด่วนไม่แตกต่างจาก ยาเสพติด และหนี้นอกระบบ ที่มีอยู่ร้อยละ 56.6 และร้อยละ 54.5

ที่น่าพิจารณาคือ ปัญหาขาดแคลนเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือเหยื่อภัยไซเบอร์สูงถึงร้อยละ 50.0 และหนี้ในระบบที่มีดอกเบี้ยสูง ประชาชนเดือดร้อนหนักมีมากถึงร้อยละ 52.8

ผู้ก่อตั้งซูเปอร์โพลกล่าวว่า หลังจาก นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้แถลงความชัดเจนเกี่ยวกับการแจกเงิน เป๋าตัง แล้วพบว่าประชาชนให้โอกาสรัฐบาลภายใต้การนำของนายเศรษฐา  ทวีสิน ทำงานเพิ่มขึ้นในทุกกรอบเวลาจนครบวาระ นั่นเป็นเพราะฐานะทางการเงินของประชาชนจำนวนมากแย่ลง และประสบภัยทางไซเบอร์ กลายเป็นปัญหารุนแรงเดือดร้อนมากกว่า เบียดแซงปัญหายาเสพติดและหนี้นอกระบบ เพราะปัญหาภัยไซเบอร์เข้าถึงมือประชาชนเกือบทั้งประเทศ เป็นภัยอยู่กับมือของประชาชน

 “ดังนั้น รัฐบาลภายใต้การนำของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จึงจำเป็นต้องกรุยทางสภาพแวดล้อมความปลอดภัยทางไซเบอร์ตั้งเป็นกำแพงไซเบอร์ล้อมรั้วสร้างความปลอดภัยให้เกิดขึ้นในหมู่ประชาชนบนโลกออนไลน์ก่อนแจกเงินเป๋าตัง และแอปพลิเคชันเป๋าตังควรอยู่ในระบบความปลอดภัยทางไซเบอร์ชั้นสูงมากกว่าการใช้โครงสร้างพื้นฐานทางไซเบอร์แบบปกติทั่วไป เพราะประชาชนคาดหวังสูงที่จะทำให้พรรคเพื่อไทยได้รับความนิยมและความเชื่อมั่นกลับคืนมาจากที่เคยเกิดอาการแกว่งตัวในช่วงตั้งรัฐบาล และควรพิจารณาปรับปรุงกฎหมายทางไซเบอร์ที่มีอยู่บรรจุเรื่องการป้องกัน การปราบปราม การควบคุม การเยียวยาผู้เสียหายทางไซเบอร์และอื่นๆ เข้าไปให้มีหน่วยงานกลางดูแลมาตรฐานความปลอดภัยทางไซเบอร์ นำ NIST ของสหรัฐอเมริกา ISO 27000, ISO 31000 และ GDPR ของยุโรป มาประยุกต์ใช้สอดคล้องกับความแตกต่างของบริบทสังคม เน้นไปที่ความมั่นคงชาติ ปกป้องผลประโยชน์ชาติและความปลอดภัยของประชาชน” ดร.นพดลกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง