2จว.ใต้จมนํ้า ชัยชนะจี้‘ปภ.’ เข้าพื้นที่ดูแล!

ใต้ระทม! เจอฝนกระหน่ำหนักต่อเนื่อง “ปภ.” แจงมี 2 จังหวัดอ่วม ทั้งชุมพร-ปัตตานี กรมอุตุฯ ย้ำฝนยังเทต่อ  คลื่นสูงถึง 2-3 เมตร ผู้ว่าฯ นครศรีธรรมราชให้จับตา 24 ชั่วโมง แม่ทัพภาค 4 สั่งเตรียมความพร้อมช่วยเหลือ “ชัยชนะ” จี้ ปภ.ลงพื้นที่ดูแลด้วย

เมื่อวันที่ 26 พ.ย. นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ในช่วงนี้พื้นที่ภาคใต้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่งผลให้เกิดสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ 2 จังหวัด ได้แก่ ชุมพรและปัตตานี รวม 5 อำเภอ 12 ตำบล บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 450 ครัวเรือน แยกเป็น 1.ชุมพร น้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.ละแม, อ.หลังสวน และ อ.พะโต๊ะ รวม 6 ตำบล ความเสียหายอยู่ระหว่างการสำรวจ ระดับน้ำทรงตัว และ 2.ปัตตานี น้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองปัตตานี และ อ.หนองจิก รวม 6 ตำบล บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 450 ครัวเรือน ระดับน้ำเพิ่มขึ้น

ขณะที่ ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออก ออกประกาศเตือนเรื่อง ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออกตอนล่าง และคลื่นลมแรงบริเวณอ่าวไทยตอนล่าง มีผลกระทบช่วงวันที่ 26-27 พ.ย.2566 ระบุว่า หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณชายฝั่งประเทศมาเลเซียมีแนวโน้มจะเคลื่อนเข้าปกคลุมบริเวณภาคใต้ตอนล่าง ในช่วงวันที่ 26-27 พ.ย.2566 ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน ลักษณะเช่นนี้จะทำให้บริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออกตอนล่างมีฝนตกชุก โดยมีฝนหนักหลายพื้นที่ และมีฝนหนักมากบางแห่ง ดังนี้ วันที่ 26 พ.ย. ฝนหนักหลายพื้นที่ และมีฝนหนักมากบางแห่งบริเวณจังหวัดชุมพร, สุราษฎร์ธานี, นครศรีธรรมราช, พัทลุง, สงขลา, ปัตตานี, ยะลา และนราธิวาส และวันที่ 27 พ.ย. ฝนหนักหลายพื้นที่ และมีฝนหนักมากบางแห่งบริเวณจังหวัดชุมพร, สุราษฎร์ธานี, นครศรีธรรมราช, พัทลุง, สงขลา และปัตตานี ฝนหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดยะลาและนราธิวาส ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยระวังอันตรายที่เกิดจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง และดินโคลนถล่มเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยง      

สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีกำลังแรง โดยทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองทะเลมีคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ประชาชนที่อาศัยบริเวณชายฝั่งอ่าวไทยตอนล่างระวังอันตรายจากคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่ง ส่วนชาวเรือขอให้เดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กบริเวณอ่าวไทยตอนล่างควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันดังกล่าว

ด้านนายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ นครศรีธรรมราช ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า สถานการณ์ฝนตกหนักตั้งแต่วันที่ 24-26 พ.ย. ในพื้นที่นครศรีธรรมราช ทำให้มีพื้นที่ประสบภัยแล้ว 3 อำเภอ ประกอบด้วย อ.นบพิตำ, อ.สิชล และ อ.ท่าศาลา​ ซึ่งสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครศรีธรรมราช และสาขา ที่ทำการปกครองอำเภอ หน่วยทหาร  องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ อาสาสมัคร อปพร. มูลนิธิในพื้นที่ จิตอาสา และเครือข่ายในแต่ละพื้นที่ ให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ได้รับความเดือดร้อนในเบื้องต้น และจะดำเนินการสำรวจความเสียหาย เพื่อให้ความช่วยเหลือตามระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป

“แนวโน้ม​สถานการณ์​ ยังมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง ยังได้สั่งการให้ฝ่ายปกครอง ผู้นำท้องถิ่นอาสาสมัคร เฝ้า​ระวัง​ติดตามสถานการณ์​ในพื้นที่​อย่างใกล้ชิด​ และพร้อมให้ความช่วยเหลือประชาชนตลอด​ 24 ชั่วโมง​ ส่วนประชาชนให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ ติดตามการพยากรณ์อากาศอย่างต่อเนื่อง และเฝ้าสังเกตความเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด รวมทั้งดูแลไม่ให้เด็กลงเล่นน้ำ ที่อาจจะเสี่ยงเกิดความเสียหายได้” นายขจรเกียรติระบุ

ที่ อ.สะเดา จ.สงขลา ได้เกิดฝนตกตลอดคืน ทำให้ระดับน้ำในคลองแก้ว บ้านคลองทราย ต.ทุ่งหมอ อ.สะเดา จ.สงขลา มีระดับน้ำที่สูงขึ้น และทำให้ระดับน้ำในคลองอู่ตะเภาตอนบนเริ่มมีระดับน้ำที่สูงขึ้น แต่ ทต.คลองแงะ ต.พังลา อ.สะเดา ยังคงขึ้นธงเขียวอยู่ เนื่องจากคลองอู่ตะเภาตอนบนยังคงรับน้ำได้อีกจำนวนหนึ่ง คาดว่าน้ำจากคลองอู่ตะเภาที่ อ.สะเดา จะไหลลงมาสมทบกับน้ำคลองอู่ตะเภาตอนบน ก็จะมีระดับน้ำสูงขึ้นอีก และมวลน้ำก็จะไหลต่อไปยัง อ.หาดใหญ่

                    ขณะที่ จ.ปัตตานี ซึ่งเจอฝนตกต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 20 พ.ย.เป็นต้นมา ประกอบกับน้ำจากพื้นที่ต้นน้ำจังหวัดยะลาไหลมาสมทบ ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำปัตตานีสูงขึ้น ส่งผลให้มีน้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมหมู่บ้านในพื้นที่ลุ่มต่ำ ประกอบด้วย ต.ปะกาฮารัง ต.บาราเฮาะ อ.เมืองฯ  และ ต.ลีปะสาโง อ.หนองจิก ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนจำนวน 2 อำเภอ 6 ตำบล 8 หมู่บ้าน 450 ครัวเรือน 1,725 คน และยังต้องเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมต่อ เพราะยังไม่มีท่าทีว่าฝนจะหยุดตก

ด้าน พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 เร่งสั่งการให้หน่วยทหารในพื้นที่กองทัพภาคที่ 4 ได้เตรียมความพร้อมในทุกด้าน ทั้งกำลังพล ยานพาหนะ และยุทโธปกรณ์ ตลอดจนทรัพยากรอื่นๆ ของกองทัพ เพื่อเข้าให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้อย่างทันท่วงที และไม่ต้องรอคำสั่ง ตลอด 24 ชม. ในพื้นที่รับผิดชอบร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และขอให้ติดตามประกาศข่าวสารของทางราชการอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนที่ประสบภัยต้องการความช่วยเหลือ สามารถติดต่อได้ที่ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพภาคที่ 4 โทรศัพท์ 0-7538-3405 หรือหน่วยทหารใกล้บ้าน ในส่วนของพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ติดต่อขอความช่วยเหลือได้ที่ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยมณฑลทหารบกที่ 46 โทรศัพท์ 0-7334-0141-5 ต่อ 43011 และในพื้นที่ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา ติดต่อขอความช่วยเหลือได้ที่ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยมณฑลทหารบกที่ 42 โทรศัพท์ 0-7468-6685 หรือสายตรงแม่ทัพภาคที่ 4 ที่หมายเลข 06-1173-2999 ตลอด 24 ชม.

ส่วนนายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงสภาพอากาศในพื้นที่ภาคใต้ที่ยังคงมีฝนตกต่อเนื่องว่า เป็นประจำทุกปีที่ภาคใต้จะมีฤดูฝนในช่วงเดือน พ.ย.ถึง ก.พ. ซึ่งแตกต่างจากภาคอื่นๆ จึงได้เปิดหมายเลขโทรศัพท์เพื่อให้ประชาชนได้รายงานสถานการณ์ฝนฟ้าอากาศ และประสานงานในการช่วยเหลือเบื้องต้น  และขณะนี้นอกจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะต้องมีบทบาทสำคัญในการดูแลสถานการณ์และป้องกันไม่ให้ชาวบ้านในพื้นที่ถูกน้ำท่วมแล้ว ทาง ปภ.ก็ต้องลงมามีบทบาทในการช่วยเหลือประชาชนมากขึ้น โดยเฉพาะการสนับสนุนเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัย เช่น เครื่องสูบน้ำ เครื่องขุดลอก เรือท้องแบน เป็นต้น ซึ่งถึงแม้ว่าอธิบดี ปภ.ได้มีการประสานงานในจังหวัดภาคใต้ที่มีความเสี่ยงในการเกิดอุทกภัย พร้อมกับแจ้งเตือนประชาชนให้เฝ้าระวังระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้น เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำ และเตรียมพร้อมอพยพหากสถานการณ์มีความรุนแรงแล้วก็ตาม แต่อยากให้ ปภ.เข้ามาในพื้นที่ เพื่อช่วยเหลือประชาชนให้ผ่านพ้นสถานการณ์น้ำท่วมในตลอดฤดูฝนของปีนี้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง