อวสานพักรบ!กาซาเดือด ‘อิสราเอล’ถล่มฮามาสต่อ

ปิดฉากหยุดยิง! อิสราเอลกลับมาถล่มฮามาสอีกระลอกหลังยุติสงครามไปแค่ 7 วัน ยิวอ้างกลุ่มติดอาวุธละเมิดข้อตกลง ครอบครัวแรงงานไทยสุดดีใจหลังกลับบ้านเกิด เตรียมบวชแก้บนกันถ้วนทั่ว

เมื่อวันศุกร์ที่ 1 ธ.ค.2566 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานสถานการณ์สงครามในฉนวนกาซาว่าได้กลับมาปะทุอีกครั้ง หลังข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราวระยะเวลา 7 วัน นับตั้งแต่วันที่ 24 พ.ย. ที่ได้มีการขยายเวลาออกไป 2 ครั้ง  ทำให้มีการแลกเปลี่ยนตัวประกันกับนักโทษชาวปาเลสไตน์หลายร้อยคน รวมถึงอำนวยความสะดวกให้แก่ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมจำนวนมากเข้าไปยังพื้นที่ดังกล่าว

โดย 1 ชั่วโมงก่อนข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราวจะสิ้นสุดลงในเวลา 07.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น อิสราเอลเผยว่าสามารถสกัดจรวดที่ยิงมาจากฉนวนกาซาได้  ขณะที่สื่อปาเลสไตน์รายงานว่าอิสราเอลได้ทำการโจมตีทางอากาศและปืนใหญ่ใส่หลายพื้นที่ของฉนวนกาซา รวมถึงเมืองราฟาห์ทางตอนใต้ของกาซาใกล้กับพรมแดนอียิปต์ ขณะที่สำนักข่าวอัลจาซีรารายงานว่ามีหลายคนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากการโจมตีของอิสราเอล ส่วนกระทรวงสาธารณสุขของฮามาสเผยว่าการโจมตีใส่เมืองราฟาห์ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 3 ราย

รายงานโดยอ้างแถลงการณ์ของนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลระบุว่า อิสราเอลกลับมาดำเนินปฏิบัติการทางทหารในฉนวนกาซาอีกครั้ง เพราะกลุ่มติดอาวุธฮามาส ละเมิดข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราว ด้วยการเปิดฉากยิงจรวดโจมตีอิสราเอล ก่อนถึงกำหนดเวลาสิ้นสุดของข้อตกลงดังกล่าว ทำให้อิสราเอลดำเนินการตามคำมั่นที่ให้ไว้ คือการกวาดล้างกลุ่มฮามาส และดำเนินการช่วยเหลือตัวประกันทั้งหมดอย่างปลอดภัย รวมถึงฉนวนกาซาจะไม่เป็นภัยคุกคามต่ออิสราเอลอีกต่อไป

ส่วนกลุ่มฮามาสระบุว่า กลุ่มปีกติดอาวุธของฮามาสได้รับคำสั่งให้กลับมาสู้รบอีกครั้งและปกป้องฉนวนกาซา ขณะที่เสียงไซเรนแจ้งเตือนการโจมตีจากขีปนาวุธดังขึ้นในหลายชุมชนที่ใกล้กาซาราว 1 ชั่วโมงหลังอิสราเอลและกลุ่มฮามาสกลับมาสู้รบอีกครั้ง

ด้านความเคลื่อนไหวของไทยนั้น  น.ส.พรรณนภา จันทรารมย์ เอกอัครราชทูต และนายจุลวัจน์ นรินทรางกูร ณ อยุธยา อัครราชทูต ได้ไปเยี่ยมตัวประกันชาวไทย 4 คนที่เพิ่งได้รับการปล่อยตัวที่ Shamir Medical Center (Assaf Harofeh) โดยเอกอัครราชทูต ได้ปลอบขวัญให้กำลังใจ ติดตามการดูแลรักษาพยาบาล รวมทั้งติดตามสิทธิประโยชน์และการเยียวยาแก่คนไทยทั้ง 4 ด้วย

ส่วนตัวประกันไทยที่กลุ่มฮามาสปล่อยนั้น น.ส.ณัฐฐาวรี หรือโย อายุ 35 ปี แรงงานไทยชาว อ.บ้านแฮด จ.ขอนแก่น และนายบุญถม อายุ 45 ปี แรงงานไทย ชาวบ้านหินโงม ต.หินโงม อ.สร้างคอม จ.อุดรธานี แฟนของ น.ส.ณัฐฐาวรี ที่ได้รับการปล่อยตัว เดินออกจากประตูทางออกผู้โดยสารขาเข้าภายในประเทศท่าอากาศยานขอนแก่น นางบุญญาริน อายุ 56 ปี แม่ของ น.ส.ณัฐฐาวรี ที่ยืนกอดน้องมีนา ลูกสาวของ น.ส.ณัฐฐาวรี วัย 8 ขวบ และบรรดาญาติพี่น้อง รวมทั้งนายอำเภอบ้านแฮด แรงงานจังหวัดขอนแก่น ที่มายืนรอต้อนรับอยู่บริเวณหน้าประตูทางออก ได้เข้าโผกอดกันและหลั่งน้ำตาด้วยความดีใจ หลังจากสองแม่ลูกต้องห่างไกลกันนานเกือบ 5 ปี และยังต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ทำให้ครอบครัวนี้ต้องเป็นทุกข์ใจอย่างแสนสาหัสจากเหตุการณ์ความรุนแรงในอิสราเอล

โดย น.ส.ณัฐฐาวรีพนมมือกราบหน้าอกของผู้เป็นแม่ด้วยความดีใจ ก่อนผู้เป็นแม่จะเข้าโผกอดนายบุญถม แฟนของ น.ส.ณัฐฐาวรี ด้วยความยินดีที่ลูกสาวและลูกเขยเดินทางกลับมาถึง จ.ขอนแก่นด้วยความปลอดภัย ไม่ต่างจากน้องมีนา ลูกสาววัย 8 ขวบ ที่ดีใจที่ได้กอดแม่อีกครั้งในรอบเกือบ 5 ปี บรรดาญาติพี่น้องที่มารอรับได้นำเอาฝ้ายขาวผูกข้อมือรับขวัญตามประเพณีอีสาน

น.ส.ณัฐฐาวรีให้สัมภาษณ์สั้นๆ ว่าขอขอบคุณทุกคนที่เป็นกำลังใจและเป็นห่วง หลังจากนี้จะไปบวชชีพราหมณ์ 1 เดือน ตามที่ทางครอบครัวบนเอาไว้

ส่วนที่ จ.สุรินทร์ บ้านอำปึล ต.โชคเหนือ อ.ลำดวน ญาติของนายคมกริช อายุ 29 ปี แรงงานไทยในอิสราเอลที่โดนจับเป็นตัวประกัน ต่างเดินทางมาตั้งรอคอยการกลับมา เตรียมรับขวัญหลานที่บ้าน จนเวลาตีสอง นายคมกริชได้เดินทางมาถึงบ้านเกิด และรีบเปิดประตูรถออกมาโอบกอดพ่อแม่ด้วยความดีใจ พ่อแม่ถึงกับร้องไห้น้ำตาคลอ ครอบครัวและญาติพี่น้องต่างนำด้ายมาผูกแขนรับขวัญ บรรยากาศเต็มไปด้วยความตื้นตันใจที่รู้ว่าลูกชายเดินทางมาถึงบ้านและปลอดภัย

นายคมกริชกล่าวว่า รู้สึกมีความสุขมากที่ได้กลับบ้านเกิด เหมือนได้เกิดใหม่ ขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งที่ไทยและอิสราเอลที่ช่วยเหลือตัวประกัน

ขณะที่นายสุนัน พ่อของนายคมกริช บอกว่า รู้สึกมีความสุขและดีใจยิ่งกว่าถูกรางวัล เฝ้ารอคอยลูกชายกลับบ้าน พูดอะไรไม่ออก ตื้นตันใจไปหมดที่ได้เห็นหน้าลูกชาย และจะไม่ให้กลับไปที่เดิมอีกแล้ว จะให้หางานทำในไทย หากินแถวบ้าน พรุ่งนี้จะทำพิธีไหว้ศาลตายายและแก้บน หลังจากนั้นจะให้ลูกชายบวช.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง