โรมอวยกองทัพ ปรับตัวดีขึ้นมาก หวังร่วมทำงาน!

“บิ๊กทิน” ตรวจเยี่ยมทัพเรือฝึกยุทธวิธี ยาหอมต้องมีเรือดำน้ำใช้แต่รอลุ้น อสส.วินิจฉัยก่อน “โรม” ขนทีม กมธ.ความมั่นคงฯ ลุยที่มั่นกองทัพบก  อวยปรับตัวดีขึ้น พร้อมแลกตัวแทนเพื่อเชื่อมการทำงานระหว่างกัน

เมื่อวันศุกร์ที่ 15 ธ.ค.2566 นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตรวจเยี่ยมการฝึกองค์บุคคลและยุทธวิธีของกองเรือยุทธการร่วมกับหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ในพื้นที่อ่าวสัตหีบ จังหวัดชลบุรี โดยมี พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ตลอดจนนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกองทัพเรือให้การต้อนรับ  ซึ่งนายสุทินได้ให้กำลังใจผู้เข้าร่วมฝึก และสอบถามถึงความมั่นใจหากเกิดสถานการณ์จริง พร้อมชื่นชมการสาธิตในครั้งนี้ นอกจากนั้นยังได้เดินพูดคุยกับพลทหาร ซึ่งสมัครเข้ามาเป็นทหารกองประจำการ และมีความตั้งใจเข้าเป็นทหารประจำ

นายสุทินให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า   อยากมาดูอยู่แล้วว่าอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ซื้อมาแล้วถูกใช้ไปในทางยุทธศาสตร์ตามความต้องการความจำเป็นจริงหรือไม่ และมีความเพียงพอหรือไม่ รวมถึงข้อติดขัดหรือปัญหาต่างๆ รวมถึงความเป็นอยู่ของกำลังพล ว่าทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์พร้อมทำหน้าที่อย่างหรือไม่ ซึ่งวันนี้ได้เห็นว่ายุทโธปกรณ์ใช้อย่างคุ้มค่า โดยอาวุธยุทโธปกรณ์หลายอย่างทันสมัย แต่บางอย่างก็เก่า ไม่ทันสมัย บางส่วนต้องปรับปรุงเพิ่มเติม

นายสุทินยังยอมรับว่า ได้พูดคุยกับ พล.ร.อ.อะดุงเรื่องยุทโธปกรณ์ โดยเฉพาะเรื่องเรือดำน้ำ โดยสอบถามว่าเรือดำน้ำต้องใช้อย่างไร บริเวณไหน ซึ่งกองทัพเรือก็ยังเห็นว่าเรือดำน้ำมีความจำเป็น และยังต้องการอยู่ ซึ่งเราจะหาทางสนับสนุน แก้ไขปัญหาที่มีอยู่ให้ถึงที่สุด ซึ่งขณะนี้อัยการสูงสุดยังไม่ได้ตอบคำถามกลับมา แต่เชื่อมั่นจะได้คำตอบเร็ววันนี้ หากตอบกลับมาจะได้กำหนดลู่ทางหรือแนวทางที่จะเดินต่อไปได้

“สิ่งที่ตกผลึกแน่นอนคือความจำเป็นต้องมีเรือดำน้ำ ก็อยากให้กองทัพเรือได้มี แต่จะเป็นวิธีไหน เป็นเรือประเทศไหน เครื่องยนต์อะไร ก็คงต้องดูไปอีกซักระยะ และประกอบกับคำวินิจฉัยของอัยการสูงสุดด้วย หากคำวินิจฉัยออกมาว่าเป็นการผูกมัด ข้อตกลงมีผลบังคับใช้แล้ว ยกเลิกไม่ได้ ก็คงต้องเป็นไปตามนั้น แต่หากยกเลิกได้ ทบทวนได้ ก็ต้องมาดูกันอีกที” นายสุทินระบุ

วันเดียวกัน นายรังสิมันต์ โรม ประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดน ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร นำคณะเดินทางมากองบัญชาการกองทัพบก เพื่อหารือกับ พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบก และคณะผู้บังคับบัญชาชั้นสูง

นายรังสิมันต์แถลงภายหลังว่า    บรรยากาศการหารือเป็นไปด้วยดี กมธ.ได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาก วันนี้ทิศทางของกองทัพดีมากต้องชื่นชม กองทัพบกปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลง โดยที่ประชุมจะตั้ง พล.ท.พงศกร รอดชมภู ที่ปรึกษา กมธ.มาเป็นส่วนหนึ่งในการให้ข้อมูลกับกองทัพที่เป็นประโยชน์ พร้อมยืนยันว่าไม่ได้ส่งมาเป็นตัวประกัน เช่นเดียวกับมีแนวคิดที่จะตั้ง พล.ท.ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ เจ้ากรมยุทธการทหารบก เป็นประธานที่ปรึกษา  กมธ. ที่จะทำงานร่วมกันอย่างสร้างสรรค์ต่อไป ซึ่งในอนาคตจะมองหาแนวทางในการทำงานร่วมกัน

นายรังสิมันต์กล่าวว่า ได้หารือเรื่องการเกณฑ์ทหาร โดยกองทัพชี้แจงว่าภายในปี 2571 ตั้งเป้าจะรับสมัครทหาร 100% ซึ่งปัจจุบันทำได้อยู่ที่ 40% และปีหน้าตั้งเป้าให้มีผู้สมัครเป็นทหาร 50-60% ซึ่งถือเป็นสัญญาณบวก นอกจากนี้ได้มีการหารือถึงปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะการตั้งด่านความมั่นคงที่ กมธ.แนะนำไปว่าถ้าเป็นไปได้อยากให้มีการปรับลดด่านลง เพื่อส่งมอบให้พลเรือนดูแลต่อในอนาคต

“วันนี้เราได้ฟังข้อมูลจากกองทัพ คิดว่าเป็นประโยชน์ จึงขอขอบคุณทหารทุกท่าน แม้ว่าเวลาพูดคุยของเราอาจจะสั้น แต่ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี แล้วเป็นสิ่งที่ทำให้ กมธ.และกองทัพทำงานร่วมกันอย่างสร้างสรรค์ต่อไป”.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง