‘เสี่ยเฮ้ง’ฟ้องDSI ม.157กลั่นแกล้ง หักหัวคิวแรงงาน

"เสี่ยเฮ้ง" ยื่นฟ้องอธิบดีดีเอสไอกับพวก ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ กลั่นเเกล้งให้ได้รับโทษคดีถูกกล่าวหาหักหัวคิวแรงงานไปฟินแลนด์ ศาลนัดฟังคำสั่งชั้นตรวจฟ้อง 6 ก.พ. ขณะที่ “กมธ.มั่นคงแห่งรัฐฯ” เรียก “ปปง.-ดีเอสไอ-อัจฉริยะ”แจงปมหมูเถื่อน-ตีนไก่สวมสิทธิ์ เผยยังมีผู้มีอิทธิพลอยู่เบื้องหลัง

เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2567 ที่ศาลอาญาคดีทุจริตเเละประพฤติมิชอบกลาง  ถนนเลียบทางรถไฟ ตลิ่งชัน นายสุชาติ ชมกลิ่น อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วยกลุ่ม สส. 14 คน จากพรรครวมไทยสร้างชาติ เดินทางมายื่นฟ้องอดีตอธิบดีดีเอสไอ รักษาการอธิบดีดีเอสไอ เเละผู้อำนวยการกองคดีค้ามนุษย์ของดีเอสไอ ในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 เเละข้อกล่าวหาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

กรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ แถลงเมื่อวันที่ 10 ม.ค.ที่ผ่านมา ที่มีมติกล่าวหาอดีต รมว. 2 คน และผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงแรงงาน 2  คน รวม 4 คน ในความผิดมาตรา 149 และ 157 หลังพบหลักฐานเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับการค่าหักหัวคิวแรงงานที่ไปเก็บผลไม้ป่าที่ประเทศฟินแลนด์ จำนวน 12,000 คน ระหว่างปี 2563-2566 คนละ 3,000 บาท รวมค่าเสียหาย 36 ล้านบาท ซึ่งการแถลงข่าวในครั้งนั้น ทำให้วันที่ 12  มกราคม นายสุชาติออกมาโต้กลับดีเอสไอให้นำหลักฐานการเงินออกมาชี้แจง และการที่มาตั้งข้อหาแต่ไม่เคยถูกเรียกสอบปากคำ และการแถลงข่าวของดีเอสไอในครั้งนั้นทำให้นายสุชาติได้รับความเสียหาย

นายสุชาติกล่าวก่อนยื่นฟ้องว่า วันนี้ตนยื่นฟ้องอธิบดีดีเอสไอที่เซ็นเอกสารในขณะนั้น รักษาการอธิบดีดีเอสไอคนปัจจุบัน ผอ.กองคดีค้ามนุษย์ ในข้อหา ม.157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และ ม.200 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่รัฐกลั่นแกล้งให้ได้รับโทษทางคดีอาญา รวมถึงข้อหาอีก 7-8 มาตราที่เกี่ยวข้อง

เขากล่าวว่า การที่ดีเอสไอออกมาแถลงข่าว ส่งผลให้ตนเอง ครอบครัว ได้รับความเสียหาย แม้ว่าครั้งนั้นจะไม่มีการเอ่ยชื่อ แต่ได้พูดว่ารัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งในช่วงปี 2563 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ตนดำรงตำแหน่งอยู่ ทำให้ประชาชนและหลายคนเข้าใจว่าเป็นตน และการที่มายื่นฟ้องในครั้งนี้ถือเป็นการรักษาสิทธิ และเชื่อว่าการที่ดีเอสไอออกมาแถลงเป็นการ กลั่นแกล้งทางการเมือง เนื่องจากคดีสำคัญที่ประชาชนได้รับผลกระทบกลับไม่แถลง แต่มาแถลงคดีนี้ทั้งที่มีการยื่นสำนวนให้ ป.ป.ช.ไปเมื่อปลายเดือน ต.ค.ปีที่แล้ว แต่ยังกลับมาแถลงข่าวอีกทั้งที่เรื่องเข้าสู่กระบวนการ ป.ป.ช.ไปแล้ว โดยก่อนหน้านี้ยังไม่เคยมีการเรียกตนเองและบุคคลที่เกี่ยวข้องไปสอบถาม ทั้งที่ตนก็เป็นข้าราชการระดับสูง

ส่วนเมื่อถามว่า ขณะดำรงตำแหน่งเมื่อปี 2563 มีการร้องเรียนเรื่องการเรียกรับสินบนในลักษณะที่ถูกกล่าวหาหรือไม่  นายสุชาติยอมรับว่า ได้รับเรื่องร้องเรียนจริง และได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงไปแล้ว เป็นบริษัทเอกชนกับเอกชน เเละผลตรวจสอบออกมาก็ไม่พบ ซึ่งมองว่าถ้าตนเกี่ยวข้องตนจะตั้งคณะกรรมการสอบทำไม

ส่วนวันนี้เตรียมเอกสารหลักฐานจำนวนหลายร้อยแผ่นมายื่นต่อศาล ซึ่งเป็นข้อมูลจากข้าราชการในดีเอสไอที่เห็นว่าตนไม่ได้รับความเป็นธรรม หลายคนนำข้อมูลมาให้ตนเอง ซึ่งหลังจากนี้ตนเตรียมจะอภิปรายเรื่องในกระบวนการยุติธรรมในสภา แล้วท้ามาดูกันว่าตนมีหลักฐานมากแค่ไหน

นอกจากนี้ยังฝากถึงนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ควบคุมดูแลหน่วยงานกรมสอบสวนคดีพิเศษ ขอให้หน่วยงานดังกล่าวให้ความเป็นธรรมกับประชาชน ซึ่งวันนี้ที่ตนมายื่นเรื่อง ก็มาในฐานะประชาชนคนหนึ่งที่ปกป้องสิทธิ์เช่นกัน

โดยภายหลังยื่นฟ้องนายสุชาติกล่าวต่อว่า ศาลได้รับคำฟ้องเเล้ว นัดฟังคำสั่งชั้นตรวจคำฟ้องในวันที่ 6 ก.พ.นี้ โดยหลังจากนี้หากศาลมีคำสั่งขอเอกสารเพิ่มเติมตนก็พร้อมนำมายื่น เเละหากศาลมีคำสั่งรับฟ้องในชั้นตรวจคำฟ้อง ตนก็เตรียมพยานซึ่งเป็นข้าราชการในกรมเเรงงานเเละผู้ที่เคยไปใช้เเรงงานขึ้นไต่สวนในชั้นไต่สวนมูลฟ้องด้วย

ที่รัฐสภา นายปิยรัฐ จงเทพ สส.กทม. พรรคก้าวไกล ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ   กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร  แถลงผลการประชุม กมธ.ว่า ที่ประชุมได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจงกรณีการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนและตีนไก่สวมสิทธิ์เข้ามาในประเทศไทย และส่งออกไปยังประเทศจีน โดยสำแดงเอกสารอันเป็นเท็จ ซึ่งเป็นปัญหาที่กระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและประเทศ  โดยมี พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ  เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.), พล.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เข้าร่วมชี้แจง ซึ่ง กมธ.ได้รับทราบผลการดำเนินงานครอบคลุม 3 กรณี 1.กรณีกลุ่มเนื้อหมูถื่อนตกค้างที่ท่าเรือ จำนวน 161 ตู้ 10 คดี 2.กรณีกลุ่มเนื้อหมูเถื่อนที่มีการผ่านแดนเข้ามาจำนวน 2,388 ตู้ 1 คดี และ 3.กรณีขบวนการนำเข้าตีนไก่และสวมสิทธิ์ออกไปยังประเทศจีน 1 คดี

โฆษก กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ กล่าวว่า ปัจจุบันทางดีเอสไอและ ปปง.ร่วมกันดำเนินการสืบสวนสอบสวน และส่งเรื่องไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการตรวจสอบเอาผิดแล้ว 3 คดี จาก 12 คดี ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับเจ้าหน้าที่รัฐ ส่วนที่เหลืออีก 9 คดี อยู่ระหว่างการตรวจสอบรวบรวมหลักฐานเพื่อขยายผลไปถึงขบวนการรวมถึงผู้อยู่เบื้องหลัง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง