เชื่อ‘ด้อมส้ม’เพิ่ม ก้าวไกลห้าวจัดลั่น!ยึดแนวทางเดิมหลังศาลชี้ล้มล้าง

 

กรุงเทพฯ ๐ ก้าวไกลยังห้าว! ลั่นแนวทางพรรคหลังศาล รธน.วินิจฉัยคดีแก้ ม.112 ล้มล้างการปกครองยังเหมือนเดิม เชื่อมวลชนสนับสนุนมากกว่าเดิม  ส่วน ปชป.ค้าน กม.นิรโทษกรรมฉบับก้าวไกล สอดไส้ กก.มีอำนาจมากกว่าศาล ยันต้องไม่รวมคดี 112 คดีทุจริต  และคดีอาญาสำคัญ

เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2567 นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางการขับเคลื่อนการทำงานของพรรคหลังจากนี้ว่า การทำงานของพรรคยังเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ยังเตรียมพร้อมข้อมูลในการอภิปรายต่างๆ

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะทําอย่างไรไม่ให้สูญเสียมวลชนที่สนับสนุนพรรคในเรื่องแนวทางเกี่ยวกับมาตรา 112 หลังจากนี้   นายปกรณ์วุฒิตอบว่า ไม่เกี่ยวกัน ที่ผ่านมาเรายืนยันเรื่องนี้กับมวลชน แต่ก็ยังมีคนเลือกพรรคเราจำนวนมาก จึงคิดว่าเรื่องนี้ไม่ทำให้เสียมวลชน เราก็ยังมุ่งหน้าทำงานต่อไป ส่วนข้อจำกัดที่เกิดขึ้น  ต้องรอให้ฝ่ายกฎหมายและกรรมการบริหารพรรควิเคราะห์คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญฉบับเต็ม

เมื่อถามถึงข้อเสนอของนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ที่ต้องการให้พรรคขับเคลื่อนนโยบายหลักๆ ของพรรคต่อ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า เราก็รับฟังทุกข้อเสนอ แต่จะต้องวิเคราะห์ข้อมูลให้รอบด้านก่อน

ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์  กล่าวถึงกรณีสภามีมติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการออกกฎหมายนิรโทษกรรมว่า ในส่วนของพรรคเห็นด้วยที่มีความจำเป็นที่จะต้องตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ขึ้น เพื่อให้เกิดความชัดเจนทั้งในเรื่องของเจตนารมณ์ในการนิรโทษกรรม ฐานความผิดใดบ้างที่อยู่ในข่ายที่จะได้รับนิรโทษกรรม รวมไปถึงกระบวนการในการพิจารณาวินิจฉัยว่ามีบุคคลใดบ้างที่จะได้รับประโยชน์จากกฎหมายนิรโทษกรรม ซึ่งมีความจำเป็นต้องแยกให้ชัดว่าคดีประเภทใดที่เกิดขึ้นจากมูลเหตุจูงใจทางการเมือง เหตุเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางการเมือง ความคิดทางการเมือง ต้องพิจารณาด้วยความละเอียดรอบคอบ

ในส่วนของพรรค มีนายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช ร่วมเป็นคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ชุดดังกล่าว พรรคก็ได้นำความคิดเห็นผ่านกรรมาธิการในสัดส่วนของพรรค นำเสนอต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อไป

นายราเมศกล่าวต่อว่า หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่มีร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมฉบับของพรรคก้าวไกล ซึ่งบรรจุอยู่ในระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อที่จะเข้าสู่การพิจารณาในวาระหนึ่งฉบับดังกล่าวนี้ ในส่วนของพรรคไม่เห็นด้วยในหลายประเด็น ทั้งในเรื่องของการกำหนดความผิด อำนาจของคณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดบุคคลที่จะได้รับการนิรโทษกรรมจากร่างกฎหมายฉบับนี้ก็จะรวมคดีเกี่ยวข้องกับมาตรา 112 ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ไม่เห็นด้วย

เขากล่าวว่า ในส่วนของคดีทุจริตก็จะได้รับประโยชน์จากกฎหมายนิรโทษกรรมฉบับนี้ด้วย รวมถึงคดีอาญาที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นความผิดต่อชีวิต ความผิดฐานวางเพลิงเผาทรัพย์ ความผิดในทางแพ่งที่เกิดขึ้นเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาที่ร้ายแรงดังกล่าว และการยอมรับจากผู้เสนอร่างฉบับนี้ คือนายชัยธวัช ตุลาธน ว่าร่างนิรโทษกรรมฉบับของพรรคก้าวไกล รวมถึงการนิรโทษกรรมให้กับบุคคลที่ถูกดำเนินคดีมาตรา 112 ด้วย ซึ่งการกระทำความผิดมาตรา 112 หลักความเป็นจริงแล้วไม่ได้เกี่ยวข้องในเรื่องแนวความคิดทางการเมือง ไม่ได้มีมูลเหตุจูงใจในทางการเมืองที่จะนำมาเป็นประเด็นนำไปสู่การนิรโทษกรรม แต่เป็นการตั้งใจกระทำความผิดโดยมีมูลเหตุจูงใจมาจากวาระที่ซ่อนเร้น

โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ระบุว่า ในมาตรา 4 ของร่างกฎหมายฉบับดังกล่าว จะเป็นประเด็นปัญหาที่นำไปสู่ความขัดแย้งทางการเมืองอย่างไม่มีที่สิ้นสุด รวมถึงการกำหนดให้มีคณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดในมาตรา 5 ที่มีนักการเมืองผู้มีส่วนได้เสียร่วมเป็นองค์ประกอบของคณะกรรมการ มีการกำหนดให้ผู้พิพากษาและตุลาการเข้าไปมีส่วนร่วม ซึ่งจะทำให้ขัดต่อกระบวนการถ่วงดุลอำนาจระหว่างฝ่ายบริหาร  ฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายตุลาการ

"ถ้าไปดูอำนาจของคณะกรรมการชุดนี้ จะเห็นได้ว่ามีการกำหนดอำนาจไว้มากกว่าอำนาจตุลาการ ไม่ว่าจะเป็นการวินิจฉัยฐานความผิด การวินิจฉัยในข้อสงสัยว่าคดีใดจะอยู่ภายใต้ร่างกฎหมายนิรโทษกรรมนี้หรือไม่ กำหนดให้มีอำนาจสั่งให้ศาลระงับการพิจารณาคดี สั่งให้มีการปล่อยตัวจำเลย ร่างกฎหมายฉบับนี้ส่งผลกระทบต่อกระบวนการยุติธรรมทางอาญาทั้งระบบ และเมื่อไปสอบถามความคิดเห็นของพี่น้องประชาชนตามรัฐธรรมนูญมาตรา 77 ปรากฏว่าประชาชนไม่เห็นด้วยกว่า 70% และยืนยันได้จากผลจากการวิเคราะห์ผลกระทบอันเกิดจากร่างกฎหมายนิรโทษกรรมของพรรคก้าวไกล จะส่งผลกระทบต่อกระบวนการยุติธรรมทางอาญาทั้งระบบ" โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าว

ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ  (รทสช.) กล่าวว่า เมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยชี้ชัดแล้วว่านโยบายและการเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เป็นการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ถือเป็นที่สิ้นสุดแล้ว แต่ก็ยังพบว่าทั้งพรรคก้าวไกล รวมถึงนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ผู้ที่มีอิทธิพลทางความคิดกับคนในพรรคก้าวไกล ล่าสุด 9 องค์กรนักศึกษาออกมาแสดงความเห็นลักษณะโจมตีตำหนิตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอย่างรุนแรง ตนจึงขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายน้อมรับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ผูกพันทุกองค์กร  การก้าวล่วงถือเป็นการละเมิด ซึ่งมีความผิดตามกฎหมาย

ทั้งนี้ ตนมั่นใจการวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 ท่านมีการพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบ ทั้งพยานหลักฐานครบถ้วนทุกประการแล้ว  การนำเครือข่ายออกมาเคลื่อนไหววิจารณ์การทำหน้าที่ของตุลาการศาลฯ   เปรียบเหมือนเป็นการไม่ยอมรับกฎหมาย ขอให้ทบทวนและเลิกการกระทำดังกล่าว ขอเตือนนายปิยบุตร  พรรคก้าวไกล รวมถึงทุกฝ่าย หยุดใช้วาทกรรมบิดเบือนสร้างความเข้าใจผิดต่อการทำหน้าที่ของตุลาการศาลฯ

“หากศาลไม่คงไว้ซึ่งความยุติธรรม ไม่มีหลักที่มั่นคง โดยเฉพาะความมั่นคงของชาติ ที่ต้องปกป้องรักษาไว้ให้เข้มแข็งแล้ว บ้านเมืองก็จะเกิดความไม่สงบวุ่นวาย ผมขอเรียกร้องให้ทุกฝ่าย ยอมรับคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ และร่วมกันปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งเป็นดั่งศูนย์รวมจิตใจคนไทยทั้งชาติ  ให้ไม่ถูกเซาะกร่อน จากกลุ่มขบวนการทั้งในประเทศและต่างชาติ ให้ดำรงคงอยู่คู่ประเทศไทยสืบไป ยกไว้อยู่เหนือการเมือง" นายธนกรระบุ

นายพิชิต​ ไชยมงคล​ แกนนำกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศ (คปท.​) โพสต์เฟซบุ๊กถึงการปักหลักชุมนุมค้างคืนข้างทำเนียบรัฐบาล  เพื่อเรียกร้องให้นำนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม​ ดังนี้ ไม่ใช่แพ้หรือชนะของใคร การเคลื่อนไหวของ คปท.ไม่ใช่เรื่องแพ้หรือชนะ เพราะสิ่งที่ คปท.ส่งเสียงบอกสังคม คือ การเร่งคืนบรรทัดฐานความยุติธรรม ด้วยความเท่าเทียมในสังคมกลับคืนมา นี่จึงไม่ใช่การเคลื่อนไหวแพ้หรือชนะ ทักษิณ เป็นรูปธรรมของการเล่นพรรคเล่นพวก หรือการทำลายมาตรฐานทางกระบวนการยุติธรรม คปท.จึงส่งเสียงบอก

แน่นอนว่าหลังจากทักษิณพักโทษ หรือพ้นโทษ ประเทศไทยต้องเร่งฟื้นความเชื่อมั่นทางระบบนิติรัฐโดยเร่งด่วน นั่นเพราะระบบนิติรัฐที่รัฐบาลบริหารอยู่ มันล้มเหลว มันล้มเหลวในส่วนการบังคับผลจากฝ่ายตุลาการ นั่นคือรัฐล้มเหลวในการบริการความยุติธรรม นี่จึงไม่ใช่ชัยชนะของใคร มันคือการคืนมาตรฐานของกระบวนการยุติธรรมแก่ประเทศไทย คปท.เป็นเพียงด่านหน้า หรือกองหน้าในการเคลื่อนเรื่องนี้เท่านั้น.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง