‘พิธา’ชิ่ง‘ทะลุวัง’! ไม่ได้เป็นนายประกัน‘ตะวัน’แล้วขนาด‘วิโรจน์’ยังยี้

กรุงเทพฯ ๐ เลยเถิด! ทะลุวังเหิมหนัก   ยึดบีทีเอสสยามทำโพลขบวนเสด็จฯ  เจอกลุ่ม ศปปส.ไล่ ก่อนปะทะพอหอมปากหอมคอ "ตะวัน" โร่แจ้งความ หวิดวางมวยกับตำรวจนอกเครื่องแบบอีกรอบ  ด้าน “พิธา” ปัดหนุนป่วนขบวนเสด็จฯ ไม่เกี่ยวปมเป็นนายประกันให้ บอกเป็นคนละเรื่อง พูดเอาหล่อให้แยกส่วนทุกเรื่อง  ก้าวไกลเท! แจ้งทางเพจ "พิธา" ไม่ได้เป็นนายประกันให้ "ตะวัน" แล้ว ขนาด "ตัวตึง" ยังลั่น ขวางขบวนเสด็จฯ เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง

เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2567 ที่บริเวณทางเชื่อมสถานีรถไฟฟ้าสยาม  ภายหลังกลุ่มทะลุวัง และนักกิจกรรมอิสระ นำโดย น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์  จัดกิจกรรมโพลขบวนเสด็จฯ ซึ่งขณะเดียวกันกลุ่มศูนย์รวมประชาชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) นัดรวมกลุ่มในบริเวณเดียวกัน เพื่อแสดงความไม่พอใจกับกิจกรรมดังกล่าว จนเกิดการตะโกนต่อว่ากันไปมา

ทั้งนี้ น.ส.ทานตะวันอ้างว่ามีการปิดถนนจริง จึงบีบแตรรถยนต์เพื่อแสดงความไม่พอใจ ทำให้สมาชิกของกลุ่ม  ศปปส.เดินเข้ามาประชิด ต่างฝ่ายต่างตะโกนต่อว่าด่าทอกัน โดยกลุ่ม ศปปส.ได้ไล่ให้กลุ่มทะลุวังออกจากพื้นที่ และมีการกระทบกระทั่งกันเป็นระยะของทั้ง 2 กลุ่ม กว่า 20 นาที โดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของห้างสรรพสินค้าได้นำแผงเหล็กมากั้น พร้อมประกาศห้ามใช้พื้นที่ของห้าง

จากนั้นทั้งสองฝ่ายไปปะทะกันที่บริเวณทางเชื่อมรถไฟฟ้า ก่อนจะมีการรุกล้ำเข้าไปด้านในของสถานีรถไฟฟ้า โดยมีตำรวจ สน.ปทุมวันและตำรวจนอกเครื่องแบบพยายามเข้าห้ามปรามและแยกทั้ง 2 กลุ่มออกออกจากกัน แต่ไม่เป็นผล ทำให้เจ้าหน้าที่ของสถานีรถไฟฟ้าตัดสินใจปิดประตูทางเชื่อมห้างสรรพสินค้าทางเข้าประตู 4 และประตู 3

ต่อมาที่ สน.ปทุมวัน น.ส.ทานตะวัน และมวลชนเดินทางมารวมตัวที่หน้า สน.  และได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ แต่ระหว่างนั้นก็เกิดเหตุชุลมุนขึ้นเล็กน้อย เพราะมีมวลชนเข้าไปหวิดปะทะกับตำรวจนอกเครื่องแบบเพราะเข้าใจผิดว่าเป็นกลุ่ม ศปปส. แต่ตำรวจและมวลชนเข้าไปห้ามปราม

หลังจากนั้น กลุ่ม ศปปส.ได้เดินทางไปยัง สน.ปทุมวันเช่นกัน ทำให้ตำรวจจะต้องแยกทั้ง 2 กลุ่ม โดยให้กลุ่มทะลุวัง เข้าไปอยู่ใน สน. และให้กลุ่ม ศปปส.อยู่บริเวณด้านหน้า สน. เพื่อไม่ให้เกิดการเผชิญหน้ากัน โดยตำรวจได้นำแผงเหล็กมาปิดหน้าทางเข้า-ออก สน. และตรึงกำลังดูแลความสงบเรียบร้อยไว้

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง ให้สัมภาษณ์ว่า ยังไม่ทราบเรื่อง แต่คิดว่าน่าจะมีการพูดคุยกันด้วยดี ไม่น่าจะใช้กำลังกัน เพราะเป็นเรื่องไม่ดี และวันนี้เป็นวันปีใหม่จีนด้วย เป็นวันที่มีการท่องเที่ยว ในสายตาต่างชาติก็อาจจะมองไม่ดี ควรที่จะมีการระมัดระวังให้ดี หลังจากนี้จะสอบถามว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร ทั้งนี้ เรื่องของความปลอดภัยของประชาชนทั้ง 2 ฝ่าย และคนที่ไม่เกี่ยวข้องเป็นเรื่องสำคัญ เราอยากเห็นบรรยากาศของการที่มีความขัดแย้งได้มีการพูดคุยกันในพื้นที่ที่ปลอดภัย

เมื่อถามว่า กลุ่มที่เห็นต่างไม่เห็นด้วยกับการก่อกวนขบวนเสด็จฯ นายเศรษฐา ตอบว่า ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะเรื่องนี้มีขั้นตอนของการที่จะต้องปกป้องผู้นำประเทศและพระราชวงศ์ในเรื่องขบวนเสด็จฯ ซึ่งต้องทำตามกฎ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้มีการกำชับเจ้าหน้าที่แล้วใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า มีการกำชับอยู่ตลอด

'พิธา' ให้แยกส่วนทุกเรื่อง

ด้านนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์กรณีที่เป็นนายประกันให้ น.ส.ทานตะวัน ว่าคิดว่าไม่สำคัญ ในฐานะที่เป็นนักการเมืองและคนไทยคนหนึ่ง ก็กังวลถึงสถานการณ์บ้านเมืองและอนาคตของคนรุ่นใหม่ด้วย จึงอยากเชิญชวนทุกคนตั้งสติ เข้าใจว่ามีหลายฝ่ายไม่สบายใจ กังวลใจ และต้องการความเข้าใจ ตนก็อยากให้ทุกฝ่ายคลี่คลายสถานการณ์ไม่ให้แตกร้าวไปมากกว่านี้

"การผลักเยาวชนคนรุ่นใหม่ออกไป ไม่น่าจะเป็นผลดีต่อภาพรวม ผมอยากจะให้ร่วมมือกัน หาทางออก ยํ้าว่าไม่อยากให้เกิดความรุนแรงไปมากกว่านี้"

ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคก้าวไกล โดยเฉพาะนายพิธา สนับสนุนพฤติกรรมของเยาวชนกรณีขบวนเสด็จฯ หรือไม่ นายพิธาตอบว่า คงไม่ใช่สนับสนุน ส่วนเรื่องที่เกี่ยวกับนายประกัน เป็นเรื่องสิทธิการประกันตัว ต้องแยกเป็นกรณี ควรใช้ความละมุนละม่อม หาทางออกร่วมกัน เพื่อทำให้สถานการณ์คลี่คลาย

เมื่อถามย้ำว่า จุดยืนต่อการกระทำของ น.ส.ทานตะวันเป็นอย่างไร นายพิธา ตอบว่า "กังวลใจ แต่เข้าใจ"

นายพิธายังกล่าวถึงเหตุการณ์ปะทะกันว่า รู้สึกกังวล ทุกฝ่ายควรตั้งสติ และทุกภาคส่วนของสังคมต้องช่วยกัน หาทางออกจากความขัดแย้งในเรื่องนี้

ซักว่าจะมีการยื่นประกันตัวกลุ่มเยาวชนคดีมาตรา 112 หรือไม่ เพราะในพรรคก้าวไกลก็มีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย นายพิธาบอกว่า เรื่องนี้ต้องแยก สิทธิในการประกันตัว ทุกคนมีสิทธิที่จะถูกสันนิษฐานว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ไว้ก่อน ส่วนการอารักขาบุคคลสำคัญของประเทศก็เป็นอีกเรื่อง แต่การแสดงออกก็เป็นอีกเรื่องเช่นกัน อย่าไปผูกรวม จะทำให้การแก้สถานการณ์ไม่ได้ และแตกแยก ไม่เป็นผลดีต่อสังคมไทย

ขณะที่พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความใน X ถึงกรณีที่มีการสอบถามถึงสถานะของ นายพิธา ในฐานะนายประกันของทานตะวันว่า ขอชี้แจงว่า แม้ปัจจุบัน ในแง่กฎหมายพิธาไม่ได้เป็นนายประกันของคุณทานตะวัน เนื่องจากคุณทานตะวันยื่นคำร้องขอถอนประกันตัวเองเมื่อต้นปี 2566 แต่พรรคก้าวไกลและพิธา ในฐานะนักการเมืองและในฐานะประชาชนคนหนึ่งที่มีความห่วงใยบ้านเมืองและอนาคตของคนรุ่นใหม่ รู้สึกไม่สบายใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

กก.รู้ประชาชนไม่สบายใจ

พรรคก้าวไกลทราบว่าการแสดงออกของคุณทานตะวัน อาจสร้างความไม่สบายใจต่อประชาชนจำนวนไม่น้อย รวมถึงทำให้เกิดข้อถกเถียงเกี่ยวกับขอบเขตของการแสดงออก และเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวิธีการต่างๆ ในการเพิ่มแนวร่วมในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง

อย่างไรก็ตาม เราจำเป็นต้องมองเรื่องนี้โดยไม่แยกขาดจากภาพใหญ่ด้วยเช่นกัน นั่นคือความขัดแย้งทางการเมืองและความจริงอันน่ากระอักกระอ่วนที่ยังคงดำเนินอยู่ ซึ่งต้องอาศัยการพิจารณาร่วมกันของทุกภาคส่วนในสังคมถึงต้นตอของปัญหา และการสร้างพื้นที่สำหรับทุกฝ่ายเพื่อหาทางออกอย่างมีวุฒิภาวะและคลี่คลายความขัดแย้งในปัจจุบัน ซึ่งจำเป็นต่อการพัฒนาประเทศไทยให้เท่าทันโลก

ด้านนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่าน X ระบุว่า กรณีการบีบแตรใส่ และกระทำในลักษณะรบกวน #ขบวนเสด็จฯ ผมขออนุญาตให้ความเห็นอย่างตรงไปตรงมา ด้วยความปรารถนาดี ดังนี้

1) ยังไม่ต้องคำนึงถึงว่าการเดินทางดังกล่าวเป็นขบวนเสด็จฯ หรือไม่ก็ได้ แต่โดยปกติแล้วทุกประเทศย่อมต้องมีมาตรการในการอารักขาบุคคลสำคัญระหว่างการเดินทาง

บุคคลสำคัญ อาจจะเป็นผู้แทนจากต่างประเทศ หรือพระราชอาคันตุกะก็ได้  ซึ่งรัฐจะปล่อยให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ระหว่างเดินทางมิได้

2) ดังนั้น การที่มีใครเข้าไปรบกวน กระบวนการในการอารักขาบุคคลสำคัญ ที่ดำเนินการตามมาตรการของรัฐ ย่อมเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง

ผมเข้าใจดีว่า ความคิดเห็นของผมบางท่านก็อาจจะไม่เห็นด้วย ซึ่งก็สามารถวิพากษ์วิจารณ์ผมได้

แต่ในฐานที่ผมมีความปรารถนาดี หากจำเป็นต้องสะท้อนถึงสิ่งที่ผมคิดว่าไม่ถูกต้อง ผมก็ต้องกล้าที่จะสะท้อนแบบตรงๆ แม้ว่าจะทราบดีว่าอาจจะเป็นความเห็นที่ไม่อยากฟังก็ตาม

ผมเชื่อว่า หลายท่านจะเข้าใจความปรารถนาดีของผมจริงๆ ความปรารถนาดี ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยกับทุกเรื่อง

ในบางเรื่องที่เห็นต่าง ก็ควรจะต้องบอกกันอย่างตรงไปตรงมา ถึงจะเป็นความปรารถนาดีที่แท้จริง

เรียกร้องอย่างมีวุฒิภาวะ

เช่นเดียวกับ นายกรุณพล เทียนสุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ และรองโฆษกพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความใน X ว่า  เหตุการณ์บีบแตรใส่ขบวนเสด็จฯ ที่นำมาสู่ข้อถกเถียงเกี่ยวกับขอบเขตของการแสดงออก

พรรคก้าวไกลมองว่าในมุมความปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นขบวนเสด็จฯ ของพระบรมวงศานุวงศ์หรือบุคคลสำคัญคนใด ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือหน่วยงานระหว่างประเทศ ย่อมมีขั้นตอนในการรักษาความปลอดภัยกำกับอยู่

การแสดงออกย่อมกระทำได้ แต่ควรอยู่ในขอบเขตที่ควรแก่เหตุ หากการปิดถนนนั้นมิได้ใช้เวลานานเกินสมควร หรือมิได้สร้างความเดือดร้อนหรือเสียเวลาอย่างยาวนานผิดปกติ ก็ถือเป็นขั้นตอนปกติของการรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญที่ทุกประเทศปฏิบัติ

สำหรับการกระทำดังกล่าวก็ถือว่าเป็นการแสดงออกตามสิทธิและเสรีภาพที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าหมิ่นเหม่ที่จะละเมิดข้อกำหนดในการรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญ อีกทั้งยังได้สร้างความไม่สบายใจให้กับหลายท่านในสังคม เราจึงขอย้ำเตือนถึงการแสดงออกที่เหมาะสมและควรแก่เหตุ

เรายังคงยืนยันในหลักการคนเท่ากัน และเราก็ยังยืนยันให้หลักการปฏิบัติตามที่กฎหมายกำหนดเช่นกัน

มิใช่เพราะเหตุเกิดกับขบวนเสด็จฯ แต่รวมหมายถึงในชีวิตประจำวัน ที่เมื่อมีเหตุต้องใช้ความอดทน หรือเมื่อรู้สึกว่าถูกรอนสิทธิ ก็ควรแสดงออกในการเรียกร้องอย่างมีวุฒิภาวะ เคารพในขั้นตอนปฏิบัติ และคิดถึงผลที่จะตามมาจากสังคมโดยรวม

พรรคก้าวไกลหวังว่าจะมีการพูดคุยและหาทางออกกับปัญหาที่กล่าวมาอย่างผู้มีเหตุผลและวุฒิภาวะ เพื่อป้องกันความขัดแย้งในเรื่องทำนองเดียวกันนี้ในอนาคต

ขณะที่ นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงการตั้งคณะกรรมการศึกษาร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมว่า เป็นประตูอีกบานที่จะคลี่คลายความเครียดและความขัดแย้งทางการเมือง เพื่อเปิดพื้นที่ให้ฝ่ายที่มีความคิดเห็นไม่ตรงกันได้มีพื้นที่ปลอดภัยในการพูดคุยกัน หาจุดร่วมให้ได้ โดยใช้กระบวนการทางประชาธิปไตย หวังว่าในคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ มีการพิจารณาอย่างรอบด้านทั้งข้อดีและข้อเสีย ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหากระบวนการในการนิรโทษกรรม

สุดขั้วขึ้นเรื่อยๆ

ส่วนกรณีของ น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ แกนนำกลุ่มทะลุวังที่ยังเป็นประเด็นอยู่ขณะนี้ นายชัยธวัชย้ำว่า เป็นสิ่งที่ไม่ปรารถนามากที่สุด คือการปะทะกันอย่างรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นการไล่ล่า การล่าแม่มด โดยหากให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสุดขั้วขึ้นเรื่อยๆ จะต้องตั้งสติให้ดี ใช้กระบวนการทางประชาธิปไตยและสติในการที่จะลดช่องว่างทางความคิด ความเข้าใจ โดยไม่ต้องใช้ความรุนแรง ซึ่งในกรณีนี้ก็เข้าใจในความคับข้องใจ แต่ก็ต้องช่วยกันดูว่าการสื่อสาร การแสดงความคิดให้สังคมได้มีความเข้าใจ และพร้อมที่จะพิจารณาสื่อสารประเด็นที่ดีที่สุดว่าควรจะเป็นอย่างไร

นายชัยธวัชยังกล่าวถึงกรณีที่นายวิโรจน์แสดงความไม่เห็นด้วยกับกรณีที่น.ส.ทานตะวันทำคอนเทนต์ขวางขบวนเสด็จฯ ว่า ยอมรับว่าในเรื่องนี้มีความคิดเห็นหลากหลาย เรื่องนี้ก็เป็นตัวอย่าง แม้ว่าจะมีคนหลายส่วนพร้อมที่จะเข้าใจ ประเด็นนี้อยากจะสื่อสาร แต่ก็อาจจะมีคนไม่เห็นด้วยกับวิธีการ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นที่จะเป็นเหตุผลที่จะผลักให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสุดขั้วมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ยอมรับ  เพิ่มช่องว่างระหว่างกัน ยิ่งปะทะกันอย่างรุนแรงเป็นเหตุที่ไม่ควรเกิดขึ้น และเห็นว่าเป็นเวลาที่จะต้องใช้สติมากขึ้นโดยไม่ใช้อารมณ์ ซึ่งการนิรโทษกรรมก็เป็นกระดุมเม็ดแรก และหวังว่าจะระบายความกดดัน  พร้อมกันนี้ยังเห็นว่าจะต้องทำให้ทุกคนเย็นลง เพื่อจะได้นั่งพูดคุยกัน

นายธนกร วังบุญคงชนะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ว่า การกระทำของกลุ่มทะลุวังเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม ละเมิดกฎหมายที่มีโทษร้ายแรง หากเป็นประมุขของประเทศต่างๆ จะมีการดำเนินการชั้นเด็ดขาดของชุดอารักขาบุคคลสำคัญทันที หากเกิดสถานการณ์เช่นนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น  

นายธนกรกล่าวว่า ขอชื่นชมนายวิโรจน์ ที่มีความกล้าหาญออกมาพูดในสิ่งที่ถูกที่ควร พูดอย่างตรงไปตรงมา ไม่ได้เกรงกลัวว่าจะถูกแฟนด้อม แฟนคลับกลุ่มผู้สนับสนุนนั้นต่อว่า หรือลดความนิยมชมชอบไป ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่อย่างเราควรจะออกมาดึงสติ ตักเตือนผู้ปกครองเยาวชนให้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง รวมถึงต้องช่วยสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับเยาวชนด้วย

“ผู้ใหญ่ที่ดี เมื่อเห็นเด็กทำไม่ถูก ก็ต้องกล้าเตือน กล้าชี้ชัด กล้าแนะนำ ว่าเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสม โดยเฉพาะนายพิธา ที่ทราบว่าเป็นนายประกันหรือผู้ปกครองของน้องตะวัน จึงขอเรียกร้องให้นายพิธาออกมาแสดงความรับผิดชอบ ในฐานะผู้ปกครองของเยาวชน เพราะกลุ่มดังกล่าวมีพฤติกรรมในลักษณะนี้มาอย่างต่อเนื่อง อาจเป็นเพราะผู้ใหญ่ไม่คอยให้คำชี้แนะแนวทางที่ควรจะเป็นหรือไม่ จึงขอให้ทบทวนในเรื่องดังกล่าว หวังให้พวกผู้ใหญ่ช่วยกันสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้แก่กลุ่มเยาวชน เพื่อนำไปสู่การกลับตัวกลับใจเสียใหม่ และไม่มีคำว่าสายเกินไป หากจะเลิกพฤติกรรม ซึ่งสิ่งสำคัญผู้ใหญ่ต้องตักเตือนเด็ก ไม่ปล่อยให้ทำผิดจนเสียอนาคต" นายธนกรระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง