ทักษิณปิ๊กเจียงใหม่ ไหว้บรรพบุรุษ‘อุ๊งอิ๊ง’หวัง‘ยิ่งลักษณ์’กลับมาเลี้ยงหลาน

"ภูมิธรรม" ขออย่าอคติ "ยิ่งลักษณ์" จะกลับไทย บอกคนละคดีกับ "ทักษิณ" ลั่นต้องคืนความเป็นธรรมให้ หลังต่อสู้จนพิสูจน์ความบริสุทธิ์ได้ "ทวี" ยัน "ปู" ยังไม่ได้ขอรับอภัยโทษรายบุคคล​  ชี้ช่องสามารถยื่นได้หากเข้าสู่กระบวนการยุติ​ธรรม​ ปัดตอบคล้ายทักษิณโมเดล  "อุ๊งอิ๊ง" ย้ำ "อาปู" ยังไร้แพลนกลับบ้าน แย้ม "ทักษิณ" อยากไปเชียงใหม่ไหว้บรรพบุรุษ เล็งคิวพา สส.พท.พบลำดับต้นๆ "สว.สมชาย" เตือน "ยิ่งลักษณ์" ซ้ำรอยพี่ชายจะเกิดวิกฤตศรัทธา "ธนาธร-ก.ก." ปัดเกี้ยเซียะอภิปรายรัฐบาล นัดพรรคร่วมฝ่ายค้านถก 6 มี.ค.

ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 5 มี.ค. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงกรณีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองยกฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร  อดีตนายกรัฐมนตรี ในคดีจัดจ้างโครงการ Roadshow สร้างอนาคตประเทศไทย Thailand 2020 พร้อมถอนหมายจับว่า  ต้องขอแสดงความยินดีกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์  นี่เป็นผลของความตั้งใจจริงและทำงาน  ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์สู้คดีมาตลอด และสู้คดีจนสามารถพิสูจน์ให้เห็นได้ว่าเรื่องนี้มีคนเกี่ยวพันกัน และความจริงมันเป็นเรื่องการออกไปเคลื่อนไหวทำนิทรรศการ เพื่อเรียกร้องให้คนเข้าใจและเผยแพร่นโยบายของรัฐบาลเพื่อในอนาคตปี 2020

นายภูมิธรรมกล่าวว่า การดำเนินการตรงนี้มีกระบวนการที่ถูกต้อง ซึ่งความตั้งใจของคนที่ตั้งคำถามเราก็ต้องไปเคลียร์ ฉะนั้นอยากให้ตรวจสอบได้เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหา แต่ต้องให้กำลังใจและให้โอกาสคนที่ทำงานด้วย ไม่เช่นนั้นถ้าไม่กล้าทำอะไรเลยปัญหาจะไม่สามารถแก้ได้ แต่ถ้ากล้าทำงานก็อาจจะทำให้เจอปัญหาแบบนี้ ซึ่งผู้ที่ทำนโยบายเราพยายามทำทุกอย่างให้รัดกุมเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา เราต้องกล้าคิด กล้าทำ ไม่อย่างนั้นปัญหาจะแก้ไม่ได้ ถ้ามัวแต่กลัวทั้งหมดปัญหาจะยิ่งสะสมมากขึ้น แต่เมื่อเราเริ่มทำงานและเริ่มมีข้อกล่าวหาหน้าที่เราคือต้องพิสูจน์ความจริง จึงอยากให้ประชาชนได้เข้าใจว่าเรื่องเหล่านี้ต้องดำเนินการให้เกิดความเข้าใจเพื่อไม่ให้ผู้ปฏิบัติงานเสียกำลังใจและขาดกำลังใจ ไม่เช่นนั้นประเทศจะมีปัญหา

ถามว่า ถ้าคดี น.ส.ยิ่งลักษณ์เสร็จสิ้นแล้วสามารถเดินทางกลับประเทศไทยได้ใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ตอบแทน น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ได้ว่าจะกลับมาประเทศไทยหรือจะยังอยู่ต่างประเทศต่อ เพราะลูกชายของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังศึกษาอยู่ที่อังกฤษ ก็แล้วแต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แต่คิดว่าปัญหา น.ส.ยิ่งลักษณ์เบาที่สุด เพราะเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าเรื่องจำนำข้าว ซึ่งต้องรอการพิสูจน์อีกหลายอย่าง และไม่ใช่เรื่องที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ทุจริต แต่เป็นเรื่องที่โดนกฎหมายอาญามาตรา 157 เรื่องนี้มันพูดยากว่ามันแค่ไหน แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้รับการตัดสินบางส่วนจากศาลไปแล้วว่าไม่ได้มีปัญหาอะไร ฉะนั้น ต้องให้กำลังใจท่าน เพราะถ้าเกิดแบบนี้ขึ้นเรื่อยๆ คนจะไม่มีกำลังใจทำงาน ความจริงที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์เพื่ออนาคต 2020  เป็นเรื่องดีมาก เป็นการบอกให้คนไทยคิดไปให้ไกล เป็นการเอาสิ่งที่ตัวเองคิดไปให้ประชาชนได้รับรู้ โดยมีสื่อมาช่วย ถ้าผิดทีหลังคนก็ไม่กล้าทำอะไรเลย

 “ขอให้กำลังใจนายกฯ ยิ่งลักษณ์ และอยากให้กลับ ถ้ากลับมาได้ก็จะเป็นเรื่องดี เพราะแฟนคลับ ประชาชนที่เคยเห็นผลงานของท่านก็อยากให้กลับมาโดยเร็ว ผมเองก็รอต้อนรับท่านอย่างเต็มที่เหมือนกันในฐานะอดีตนายกฯ ซึ่งเป็นที่เคารพรักของทุกคน และเป็นที่รักของผมด้วย” นายภูมิธรรมกล่าว

ซักว่าต้องเตรียมชี้แจงกับประชาชนกลุ่มหนึ่งเหมือนกับกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ หรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า มาแบบไหนไม่มีใครทราบ เพราะมันเป็นเรื่องของคดี จะเอา น.ส.ยิ่งลักษณ์มาเปรียบเทียบกับกรณีนายทักษิณไม่ได้ มันคนละคดีกัน กรณีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ หลายคดีจบไปแล้ว ซึ่งจะจัดการอย่างไรก็ยังเป็นปัญหา คดีแพ่งจบไปแล้ว แต่บ้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ถูกยึดไปแล้วจะทำอย่างไรดี ฉะนั้นต้องเข้าใจประเด็นนี้ต้องคืนความเป็นธรรมให้กับท่าน

ปัดตอบปูใช้ทักษิณโมเดล

เมื่อถามว่า การที่อดีตนายกฯ ทั้ง 2 คนกลับมาอยู่ในประเทศไทย จะส่งผลดีต่อสถานการณ์ทางการเมืองอย่างไร รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่น่าจะเกี่ยวกัน เรื่องนี้เป็นเรื่องของการคืนความเป็นธรรมให้คน  ถ้าคนไม่ผิดเราจะมาตั้งเงื่อนไขทางการเมืองก็ไม่ถูก เพราะอยู่ดีๆ จะมาบอกห้ามอย่างนั้นอย่างนี้ เป็นสิทธิพลเมือง  เรามีหน้าที่ เราสามารถอยู่ได้ในถิ่นฐาน เป็นคนละเรื่องกับการเมือง ที่ผ่านมามีการเรียกร้องให้พิสูจน์ท่านก็พิสูจน์แล้ว เมื่อคดีจบ ไม่มีความผิดอะไร เป็นเรื่องของความเข้าใจผิด แล้วจะไม่ให้โอกาสท่านได้กลับประเทศ แล้วมาตั้งคำถามว่ากลับมาแล้วจะมีผลทางการเมืองได้อย่างไร มันไม่ใช่จุดเริ่มต้นที่ถูกต้อง

"ต้องเริ่มต้นที่ว่าท่านได้รับความยุติธรรมหรือไม่ ผิดจริงหรือไม่ เมื่อท่านไม่ผิด ไม่ได้รับความยุติธรรม ก็ต้องคืนความยุติธรรมให้กับท่าน แล้วยังจะมาตั้งคำถามแบบนี้อีกหรือ ผมว่าอคติมากไปหน่อยหรือไม่ ถ้าตั้งคำถามแบบนี้ผมว่าแย่เหมือนกัน แบบนี้คนจะอยู่ประเทศนี้ยาก" รองนายกฯ กล่าว

ขณะที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงการขอพระราชทานอภัยโทษของ น.ส.ยิ่งลักษณ์หลังศาลฎีกายกฟ้องคดีโรดโชว์ว่า ขอเรียนกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังไม่ได้มีการยื่นขอพระราชทานอภัยโทษรายบุคคล

ถามว่า ในครั้งที่แล้วมีเพียงนายทักษิณรายเดียวใช่หรือไม่ที่ยื่นขอพระราชทานอภัยโทษรายบุคคล พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า การขออภัยโทษรายบุคคลสามารถดำเนินการโดยตรงได้เลย แต่ส่วนใหญ่แล้วก็จะต้องมีการส่งเรื่องมาที่กระทรวงยุติธรรม แต่ยืนยันว่า ณ ตอนนี้ตนยังไม่ได้รับเรื่องดังกล่าว

"การขอพระราชทานอภัยโทษรายบุคคลก่อนหน้านี้ เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลที่แล้ว ดำเนินการโดยนายวิษณุ เครืองาม  ตามที่นายวิษณุได้ออกมาให้สัมภาษณ์ หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์จะเดินทางกลับมายังประเทศไทย และประสงค์ขอพระราชทานอภัยโทษรายบุคคล ก็สามารถยื่นเรื่องโดยตรงกับกระทรวงยุติธรรมได้ แต่ในกรณีอื่นๆ กรมราชทัณฑ์ก็จะมีการส่งเรื่องมาให้กระทรวงยุติธรรมพิจารณาอยู่แล้วเป็นปกติ" พ.ต.อ.ทวีกล่าว

รมว.ยุติธรรมปฏิเสธการตอบคำถามถึงกระบวนการการรับตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ หากภายในปีนี้เจ้าตัวจะเดินทางกลับเข้าประเทศไทย โดยให้เหตุผลว่าส่วนใหญ่ตนจะไม่ตอบคำถามสมมุติ

พอซักว่าหาก น.ส.ยิ่งลักษณ์เดินทางกลับประเทศไทยเพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม อาจจะเป็นเหมือนทักษิณโมเดลหรือไม่ รมว.ยุติธรรมกล่าวว่า เราไม่ได้ติดตามในเรื่องนี้ เพราะกรมราชทัณฑ์มีกฎหมายที่ต้องปฏิบัติตาม  ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย

รมว.ยุติธรรมกล่าวถึงความคืบหน้าการจัดทำระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ.2566 หรือระเบียบคุมขังนอกเรือนจำว่า ล่าสุดตนได้รับรายงานจากคณะทำงาน ยังคงมีการประชุมกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อดูในส่วนของรายละเอียดให้ครบถ้วนรอบด้านจะมีผู้ต้องขังรายคดีใดบ้างที่มีเกณฑ์ได้รับการพิจารณาให้คุมขังยังสถานที่อื่นที่มิใช่เรือนจำฯ และจะต้องมีกิจวัตรประจำวันอย่างไรบ้าง ซึ่งอาจจะใช้เวลาสักระยะเพื่อจัดทำระเบียบให้เหมาะสมกับผู้ต้องราชทัณฑ์ทุกราย เพราะตนยังยืนยันว่าระเบียบดังกล่าวที่ประกาศลงนามไม่ได้มีไว้เพื่อใครคนใดคนหนึ่ง

อิ๊งค์จองคิวพา สส.พบพ่อ

ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรค พท. กล่าวถึงการพูดคุยกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ หลังศาลฎีกายกฟ้องคดีโรดโชว์ไทยแลนด์ว่า ได้มีการพูดคุยกันทันที โดยพูดคุยกันแบบคนในครอบครัว น.ส.ยิ่งลักษณ์บอกว่าหากได้กลับจริงๆ ก็จะช่วยเลี้ยงหลาน ตนก็ตอบไปว่าได้เลย แต่กังวลว่าของเล่นที่คุณยายปูจะซื้อให้หลานจะเยอะเท่านั้น เพราะเวลาไปหาคุณยายปูจะซื้อของให้เยอะมาก เวลากลับมาหลานก็จะมีความสุข เราพูดกันแค่นี้ ไม่มีอะไรจริงจัง

"ดีใจและสงสาร น.ส.ยิ่งลักษณ์ที่ต้องเสียเวลาไป รวมถึงสงสารประเทศไทยที่ต้องเสียโอกาส ไม่เช่นนั้นคงมีอะไรดีขึ้นมากมาย หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นนายกฯ" น.ส.แพทองธารกล่าว

ถามว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์มีกำหนดการกลับประเทศแล้วหรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า เห็นแหล่งข่าวหลายที่บอกว่ามีแพลนกลับบ้านแล้ว ตอนนี้ยืนยันว่ายังไม่มี บางที่ระบุวันที่ ตนก็ยืนยันว่าไม่มีการพูดคุยเรื่องวันที่ แต่ในเรื่องของความหวังเราพูดกันอยู่แล้ว และพูดทุกปี บ้านเราต้องมีความหวัง ตั้งแต่สมัยคุณพ่อ 17 ปีที่คุณพ่ออยู่เมืองนอก ก็พูดทุกปีว่าจะกลับบ้าน เช่นเดียวกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เราต้องให้ความหวังซึ่งกันและกัน

เมื่อถามว่า มีนักวิชาการวิเคราะห์ว่าหาก น.ส.ยิ่งลักษณ์จะกลับประเทศไทย จะใช้โมเดลเดียวกับนายทักษิณที่เดินเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมก่อนขอพักโทษ  น.ส.แพทองธารกล่าวว่า “ยังไม่มีการพูดคุยกันในรายละเอียด และเป็นคนละคนกัน คงเหมือนกันไม่ได้”

ซักว่าแม้ยังไม่กำหนดวัน แต่ทางทีมทนายได้ดูแนวทางเอาไว้บ้างหรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่มี ไม่มั่นใจว่าเรื่องต่างๆ เคลียร์หมดแล้วหรือยัง  แต่หวังว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์จะได้กลับบ้าน เพราะถึงอย่างไรก็ไม่สบายเหมือนอยู่บ้าน

เมื่อถามว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้วางแพลนจะกลับประเทศไทยเมื่อไร น.ส.แพทองธารกล่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นคนที่ดูรายละเอียดอยู่แล้ว แต่ไม่ได้พูดอะไรเลย เมื่อถามว่าหลังทราบผลคดีโรดโชว์ นายทักษิณได้คุยกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์แล้วหรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ทุกคนก็แสดงความยินดี ในเรื่องของคดี แต่ไม่มีการแพลนอะไรทั้งสิ้น

ถามถึงอาการป่วยของนายทักษิณ  น.ส.แพทองธารกล่าวว่า อาการดีขึ้น มีความสุข ขณะนี้ทางครอบครัวได้พาหลานๆ เข้าพบ

ซักว่านายทักษิณมีกำหนดการเดินทางไปไหนหรือยัง น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ยังไม่มีแพลนที่ชัดเจน เพียงแต่พูดเฉยๆ ว่าอยากไปไหนบ้าง ส่วนที่มีข่าวว่าจะไป จ.เชียงใหม่กลางเดือน มี.ค.นั้น ยังไม่ได้ยืนยัน เพียงแต่พูดว่าอยากไป จ.เชียงใหม่ ที่เป็นบ้านเกิดนานแล้ว ขณะนี้ยังไม่ได้พูดคุยว่าจะลงพื้นที่ในรูปแบบใด เพียงแต่พูดว่าอยากไปไหว้บรรพบุรุษ และระหว่างที่นายทักษิณอยู่ต่างประเทศพี่สาวได้เสียชีวิต ซึ่งยังไม่เคยได้ไปไหว้ ซึ่งก็ได้พูดไว้ แต่ยังไม่กำหนดเวลา

ถามเรื่องที่จะให้ สส.พรรค พท.เข้าพบนายทักษิณ หัวหน้าพรรค พท.กล่าวว่า  ขณะนี้ยังไม่ได้กำหนดวัน ซึ่งวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา ตนได้รับประทานอาหารกับ สส.พรรค พท. ก็ระบุว่าอยากให้มาเจอ รอนายทักษิณกำหนดก่อนว่าจะไปไหน แน่นอนว่าตนอยากให้พบ สส.พรรค พท.ในลำดับต้นๆ อยู่แล้ว ส่วนจะเป็นที่ทำการพรรค พท.เลยหรือไม่นั้น ขณะนี้ยังไม่กำหนดสถานที่

หัวหน้าพรรค พท.ยังกล่าวถึงกำหนดเดินทางไปเยือนประเทศกัมพูชาเพื่อพบสมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุน เซน ประธานคณะองคมนตรีกัมพูชา อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ว่ามีแพลนจะเดินทางไปวันที่ 18-19 มี.ค.นี้ แต่แพลนโดยละเอียดยังไม่ได้ลง เพราะต้องแพลนร่วมกับทางประเทศกัมพูชาด้วย ซึ่งขณะนี้ยังไม่กำหนดหัวข้อที่จะมีการพูดคุยกัน แต่ใกล้ถึงเวลาที่จะเดินทางไปจะมีการเปิดเผยอีกครั้งว่าจะมีการพูดกันเรื่องอะไรบ้าง

ถามว่า มีการวิเคราะห์การเดินทางไปเยือนประเทศกัมพูชาครั้งนี้ เพราะเป็นเรื่องอำนาจทางการเมืองแทนนายทักษิณ  หัวหน้าพรรค พท.กล่าว่า ไม่ต้องแทน ซึ่งหากถึงเวลาที่นายทักษิณจะไป ท่านก็ไปเองได้ แต่ขณะนี้ตนเป็นหัวหน้าพรรค พท. ฉะนั้นจึงไปในฐานะหัวหน้าพรรค ไม่ใช่ในนามของนายทักษิณ

ย้ำว่าการเดินทางไปเยือนประเทศกัมพูชาในครั้งนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับฝ่ายบริหารในรัฐบาลใช่หรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ครั้งนี้ตนไปในนามพรรค พท.

"ขอย้ำว่ารายละเอียดที่จะพูดคุยกันนั้นเรายังไม่ได้ตกลงกัน เนื่องจากต้องดูว่าจะสามารถพูดคุยกันได้ประมาณไหน และต้องดูเรื่องความอ่อนไหวของประเด็นนั้นๆ ด้วยว่าจะสามารถพูดคุยกันได้เท่าไหร่ แต่เรื่องส่วนตัวต้องไม่คุยแน่นอน เพราะก่อนหน้านี้เคยเดินทางไปเอง ก็จะเป็นการคุยเรื่องส่วนตัว ไม่ใช่เรื่องงาน แต่ในครั้งนี้เราเดินทางไปในนามของหัวหน้าพรรค พท. เราจะต้องเตรียมเรื่องงานไปด้วย" น.ส.แพทองธารกล่าว

อุ้มยิ่งลักษณ์เสี่ยงวิกฤต

ด้านนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า กล่าวถึงกรณีมีกระแสข่าว น.ส.ยิ่งลักษณ์อาจกลับไทยตามรอยนายทักษิณว่า ตนไม่ได้ตามข่าวการเมืองรายวันเลย ถ้าพูดถึงเรื่องจุดยืนสำหรับเรื่องนี้ คงมี 2 ประการคือ ประการแรก ถ้าเราเชื่อว่าคนทุกคนในประเทศไทยเท่าเทียมกัน ควรจะได้รับการปฏิบัติอย่างเสมอภาคกัน  ดังนั้นถ้าพูดถึงเรื่องนี้เมื่อไหร่ ตนก็นึกถึงนักต่อสู้เพื่อเรียกร้องสิทธิ เรียกร้องประชาธิปไตย ที่ไม่ได้รับสิทธิการประกันตัว ซึ่งยังอยู่ในคุกอยู่ทุกวันนี้

 “ผมขอเรียกร้องไปยังฝ่ายผู้มีอำนาจและรัฐบาลว่า การที่จะทำให้ประเทศอยู่ด้วยกันอย่างร่มเย็น สงบสุข ความเป็นธรรมต้องมี ความเสมอภาคและการบังคับใช้กฎหมายต้องเท่าเทียมกันทั้งหมด" นายธนาธรกล่าว                   

ประธานคณะก้าวหน้ากล่าวว่า ส่วนประการที่สอง ต้องกลับมายืนยันอีกครั้งว่า การทำรัฐประหารในปี 2549 และ 2557 ที่กระทำต่อนายทักษิณและ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และกระบวนการที่นำไปสู่การเอาผิด ด้วยกระบวนการที่ไม่ถูกต้อง ดังนั้นความเป็นธรรมก็ต้องยืนยันในหลักการตรงนี้ด้วยเช่นเดียวกัน

ถามว่าหาก น.ส.ยิ่งลักษณ์จะเดินตามรอยนายทักษิณกลับประเทศ ก็เป็นสิทธิที่สามารถกลับเข้าสู่กระบวนการปกติได้ใช่หรือไม่ นายธนาธรกล่าวว่า เรื่องนี้ตนไม่รู้ว่าทั้ง น.ส.ยิ่งลักษณ์และนายทักษิณกลับมาด้วยเหตุผลอะไร มีเบื้องหน้าเบื้องหลังอย่างไร

ส่วนนายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กล่าวว่า เรื่องที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์อาจจะได้กลับประเทศตามรอยนายทักษิณนั้น ปัญหาคือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังมีคดีที่ศาลตัดสินจำคุก 5 ปี ประเด็นคือจะใช้เกณฑ์ไหน ไม่ว่าจะเป็นการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ซึ่งตนเห็นด้วยกับนักโทษที่หลบหนีคดีแล้วศาลตัดสิน โดยเฉพาะส่วนใหญ่ที่เป็นนักการเมืองที่เกี่ยวกับคดีทุจริต เมื่อจะกลับเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ตามที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินแล้วก็กลับมาได้

นายสมชายกล่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นคนไทย ก็สามารถกลับเข้าประเทศได้ตลอดเวลา เพียงแต่เมื่อกลับเข้ามาแล้ว ก็ต้องยอมรับกระบวนการยุติธรรม ศาลจำตัดสินจำคุก 5 ปี ก็ต้องรับโทษ เว้นแต่จะดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด ซึ่งผมคิดว่าการเกณฑ์เรื่องการพักโทษก็ยังมีข้อสงสัยและข้อครหา ที่กำลังตรวจสอบกันอยู่ เกี่ยวกับการพักโทษของนายทักษิณ ว่าถูกต้องตามระเบียบหรือไม่

 "ผมคิดว่าคนไทยเห็นแล้วว่ากระบวนการท้ายน้ำของระบบยุติธรรมของกรมราชทัณฑ์มีปัญหา เพราะฉะนั้นถ้า น.ส.ยิ่งลักษณ์เข้าประเทศมาแล้ว ไม่รับกระบวนการยุติธรรม แต่ทำซ้ำไปอยู่ชั้น 14 โดยอ้างว่าป่วย เพื่อที่จะพักโทษอีก ผมคิดว่าวิกฤตศรัทธากระบวนการยุติธรรมจะเยอะขึ้น” นายสมชายกล่าว

อย่างไรก็ตาม นายสมชายยืนยันสนับสนุนให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์เดินทางกลับประเทศ แต่ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ส่วนเมื่อเข้าเรือนจำแล้วจะทำหนังสือขอพระราชทานอภัยโทษเพื่อลดโทษหรืออะไรก็ตาม จะเข้าเรือนจำแล้วอยู่กี่เดือนกี่วัน เลื่อนจากนักโทษชั้นกลาง เป็นชั้นดี ชั้นเยี่ยม ชั้นดีเยี่ยม แล้วได้รับพระราชทานอภัยโทษ ในปีถัดๆ ไป ตนคิดว่าก็เหมือนนักโทษทั่วๆ ไปกว่า 210,000 คน ที่ยังค้างอยู่ในเรือนจำ คิดว่าสังคมรับได้ แต่ถ้ามาวิธีพิเศษเหาะเหินเดินอากาศ  เชื่อว่ากระบวนการยุติธรรมก็จะวิกฤตซ้ำ

วันเดียวกัน นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงการเตรียมข้อมูลอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า ยังไม่ได้พูดคุยกันอย่างเป็นทางการ มีต่อสายหากันบ้าง นับแต่สัปดาห์ที่แล้วที่ตนให้สัมภาษณ์ไปแล้วมีการโต้ตอบจากหลายฝ่าย ต้องชี้แจงว่าเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจไม่ได้มีแบบเดียว แต่มีทั้งแบบลงมติและไม่ลงมติ สัปดาห์ที่แล้วตนก็ยอมรับว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจแบบลงมติค่อนข้างหนักใจ เพราะไม่อยากทำเนื้อหาสาระเหมือนกันเมืองยุคก่อนๆ ที่ต้องเปิดทุกปี

ก.ก.ไม่เกี้ยเซียะอภิปราย

"ผมเห็นนักการเมืองสมัยเก่าหลายๆ ท่านออกมาวิจารณ์ผมว่าทำตัวเกี้ยเซียะกับรัฐบาล ไม่ยอมอภิปรายไม่ไว้วางใจ คือถ้าเปิดมาแล้วพูดเรื่องส่วนตัวของรัฐมนตรี ผมไม่ทำ มันต้องมีเนื้อหาสาระที่จับต้องได้ ที่ประชาชนมองเห็นว่าบุคคลนี้ รัฐมนตรีท่านนี้ไม่เหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีอีกต่อไป ไม่ใช่แค่เปิดอภิปรายตามสิทธิ ผมว่าถ้าเปิดมาตามสิทธิแล้วอภิปรายอะไรที่ไร้สาระ ผมว่านั่นแหละเกี้ยเซียะของจริง เป็นการทำให้รัฐบาลดูดีขึ้นมาทันที ถ้าเราพูดอะไรที่ไม่มีเนื้อหาสาระ" นายปกรณ์วุฒิกล่าว

ประธานวิปฝ่ายค้านกล่าวว่า การอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมตินั้น จะกว้างกว่า สามารถให้ข้อเสนอแนะ ทวงถามหลายๆ เรื่อง ส่วนข้อมูลใหม่นั้นเรามีเยอะ มีการไล่เรียงและเก็บข้อมูลแต่ละหัวข้อกันอยู่ตลอด เพียงแต่อาจยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ แต่สามารถหยิบมาได้ มองว่าต้องมีสัก 40-50 เรื่องที่เก็บเอาไว้ พร้อมขอให้ติดตาม ภายในสัปดาห์นี้ควรต้องเห็นความชัดเจนแล้ว เพราะการยื่นญัตติก็จำเป็นต้องใช้เวลา

ส่วนนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ยืนยันว่าพรรคก้าวไกลไม่เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ไม่น่าจะมีเรื่องเกี้ยเซียะกับพรรคเพื่อไทย เรื่องนี้ตนเข้าใจพรรคก้าวไกล เพราะในสมัยพรรคอนาคตใหม่ ตนก็เป็นหัวหน้าทีมที่ทำเรื่องข้อมูลเกี่ยวกับการอภิปรายไม่ไว้ใจวางด้วยตนเอง ต้องบอกว่าถ้าเราอยากจะยกมาตรฐานการเมืองให้สูง ข้อมูลต้องมีคุณภาพ การอภิปรายต้องมีเนื้อหาหนักแน่น รัฐบาลทำงานได้ 6-7 เดือน การจัดงบประมาณภายใต้รัฐบาลของนายเศรษฐาก็ยังไม่เห็นชัด

"ต้องให้ความเป็นธรรม และต้องเข้าใจพรรคก้าวไกลว่า ถ้านำข้อมูลที่ไม่หนักแน่นมาอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็จะเป็นผลเสีย เพราะถือเป็นเครื่องมือในการตรวจสอบที่สำคัญที่สุดของฝ่ายค้าน หากทำพร่ำเพรื่อ ใช้อย่างไม่มีเรื่องราว ไม่มีข้อมูลเพียงพอ ก็จะทำให้พรรคก้าวไกลไม่สง่างาม" นายธนาธรกล่าว

ย้ำว่าไม่ใช่เรื่องเกี้ยเซียะอะไร นายธนาธรกล่าวว่า ใช่ แต่เป็นการที่พรรคก้าวไกลต้องการทำธงไว้ซึ่งมาตรฐานในการทำงานสภาที่มีคุณภาพ

นายอภิชาติ ศิริสุนทร สส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวถึงการเปิดอภิปรายรัฐบาลว่า ในวันที่ 6 มี.ค.ที่จะถึงนี้ พรรคร่วมฝ่ายค้านจะมีการประชุมหารือกันในเวลา 10.00 น. ว่าจะอภิปรายหรือไม่อภิปราย และจะอภิปรายในกรอบประเด็นไหน

ถามถึงความเห็นกรณีนายกฯ จะแถลงผลงาน 6 เดือน หลังจากการเดินทางไปประชุมที่ต่างประเทศ และมีกระแสวิจารณ์ว่าไม่มีผลงานอะไรเป็นรูปธรรมนั้น เลขาฯ พรรคก้าวไกลกล่าวว่า ยังไม่เห็นอะไรที่เป็นรูปธรรม

ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายดนุพร ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะโฆษกพรรค พท. กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมถึงการเลือกนายก อบจ.ว่า ได้มีการพูดคุยในคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่หรือฝ่ายกฎหมายของพรรค กำลังประเมินเรื่องนี้กันอยู่ เพราะบางจังหวัดต้องยอมรับว่าไม่มีปัญหา แต่บางจังหวัดที่เรามี สส.เยอะ ซึ่งทางพรรคได้เชิญ สส.ในแต่ละจังหวัดที่มี สส.เยอะมาคุยกัน พยายามจะหาทางออกที่ไม่กระทบกับทุกฝ่าย ถ้าจะส่งไปในนามพรรค ต้องไม่ขัดแย้งในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นทางภาคเหนือ ภาคอีสาน ที่เป็นเป้าหมายหลักของพรรคเพื่อไทย กำลังดำเนินการอยู่

ถามว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เหมือนเป็นการเลือกตั้งใหญ่ย่อมๆ จะมีการเดินสายหาเสียงหรือไม่ นายดนุพรกล่าวว่า กำลังคุยกันอยู่ เพราะตอนนี้ น.ส.แพทองธารแข็งแรง ไม่เหมือนตอนที่หาเสียงใหญ่ ที่ตอนนั้น น.ส.แพทองธารตั้งครรภ์อยู่ ตอนนี้พร้อมที่จะช่วยกันเดินทางไปหาเสียง และเราได้ดูตัวบทกฎหมายต่างๆ ว่าสมัยก่อน สส.ไม่สามารถลงไปช่วยหาเสียงท้องถิ่นได้ ตอนนี้ก็ปรับเปลี่ยนระเบียบไปเยอะ ถ้า สส.ลงไปช่วยหาเสียงได้ ก็เริ่มจัดกลุ่ม เป็นเขต และ สส.บัญชีรายชื่อ เพื่อจะแบ่งสายปราศรัยหาเสียงในวันและเวลาที่เหมาะสมต่อไป แต่ทั้งนี้ วันที่ประชุมสภาฯ สส.ไม่สามารถเดินทางไปได้ ดังนั้น อาจจะเป็นในช่วงวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ หรือหลังเลิกงาน

"ตอนนี้กำลังประเมินกันอยู่ และได้คุยไปถึงคณะรัฐมนตรี (ครม.) บางท่าน ที่มีความเชี่ยวชาญในการเลือกตั้งเขตจะมาช่วยดูในรายจังหวัดต่อไป" โฆษกพรรค พท.กล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'อนุทิน' ชื่นชมทีมจับกุมยาบ้า 4.5 ล้านเม็ด พร้อมเครื่องปั๊ม เตือนทาสยานรก ระวังชักตาย ยาบ้าสูตรใหม่ ส่วนผสมสุดอันตราย เร่งการไฟฟ้า ตรวจสอบการใช้ไฟตามชายแดน หากพบปลายทาง เป็นขบวนการค้ายา ต้องรีบตัดไฟทันที

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมคณะผู้บริหาร ฝ่ายปกครองและฝ่ายความมั่นคงเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เดินทางมาแถลงข่าวการจับกุมพ่อค้ายาบ้ารายใหญ่ ซึ่ง ถูกจับกุมได้ที่จังหวัดสุพรรณบุรีพร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 4.5 ล้านเม็ด เครื่องปั๊มเม็ด และยานพาหนะ