รบ.เย้ยอภิปราย กลัวตกคิว‘สว.’ เตือนถูกย้อนศร

“สุทิน” เย้ยฝ่ายค้านขออภิปราย ม.152 แค่กลัวตกคิว สว. “เด็จพี่”  หยามระวังของเข้าตัว “โฆษก รทสช.” ดักคออย่าใช้เวทีสร้างดรามา แต่ขอสาระ   “โทรโข่งก้าวไกล” สวนฝ่าย รบ.อย่ามาคิดแทน ให้ รมต.มาตอบกระทู้ก่อน “อนุทิน”   ลงศรีสะเกษ รอบหน้าหวังได้ สส.เพิ่ม

เมื่อวันที่ 8 มี.ค. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย  ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีฝ่ายค้านเตรียมยื่นขอเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ว่า เราต้องเตรียมความพร้อมตลอดอยู่แล้ว เพราะเป็นการอภิปรายทั่วไป ซึ่งอาจมีการสอบถามและกล่าวถึงรัฐมนตรีของพรรค เราจึงต้องเตรียมพร้อมชี้แจง และมองว่าเป็นเรื่องปกติ

​นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม  กล่าวว่า ยังไม่ทราบถึงรายละเอียดและเนื้อหาที่ฝ่ายค้านจะอภิปราย คาดว่าน่าจะเป็นเรื่องโดยรวม แต่คาดว่าน่าจะเป็นการอภิปรายแบบเหวี่ยงแหไปทุกที่ ทุกกระทรวง

ผู้สื่อข่าวถามว่า การอภิปรายครั้งนี้เป็นเรื่องที่พรรคการเมืองนำมาใช้ในการหาเสียงเพื่อคะแนนนิยมของพรรคหรือไม่   นายสุทินตอบว่า เป็นจังหวะในการอภิปรายของฝ่ายการเมือง แน่นอนเขาต้องคิดว่าเป็นการทำคะแนนนิยมของตนเอง และทำลายความนิยมฝ่ายตรงข้ามเป็นธรรมดา แต่ยืนยันว่าไม่มีอะไรหนักใจ หากมีปัญหาที่ถูกหยิบยก ก็แก้ไขกันไปเรื่อยๆ

“รับมือได้ ไม่ได้กลัว ไม่ได้หนักใจ เชื่อว่าฝ่ายค้านคงกลัวตกคิว สว. เมื่อเห็นการอภิปรายของ สว. แล้วมีคนตำหนิ จึงเปิดอภิปรายบ้าง ก็เท่านั้นเอง” รมว.กลาโหม ระบุ

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ที่ปรึกษาฝ่ายการเมือง ของรองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มองว่าเป็นเรื่องดี หากเป็นการสะท้อนปัญหาบ้านเมืองอย่างแท้จริง แต่ถ้าใช้เป็นเวทีสร้างคะแนนนิยมเรียกเรตติ้ง ตนไม่เห็นด้วย เท่าที่ได้ฟัง นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกลแถลง เห็นว่าบรรยายเกินจริงไปหน่อย โดยเฉพาะเรื่องรัฐบาลไม่ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ท่านคงจะปิดหูปิดตามากเกินไป เลยมองไม่เห็นสิ่งที่รัฐบาลทำ ปัญหาที่รัฐบาลเข้ามาแก้ มีทั้งปัญหาเก่าใหม่ ใหญ่ เล็ก ที่หมักหมมมานาน ไม่ใช่น้อย รัฐบาลเพิ่งจะเข้ามาทำงานได้ 6 เดือน งบประมาณก็ไม่มี ถ้าไม่บริหารจัดการแบบมืออาชีพ จะผลักดันโครงการใหญ่ๆ จะแก้ไขปัญหาบ้านเมืองได้อย่างไร

นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า ส่วนประชาธิปัตย์พรรคการเมืองเก่าแก่นั้น ก็พูดเกินจริงกันไปไกลเรื่องยุติธรรมสองมาตรฐาน   และถ้าคิดจะโกง ไม่ต้องใช้งบประมาณก็โกงได้ จะอภิปรายจะปล่อยของอะไรก็ระวัง ของมันจะเข้าตัว กลัวจะตกม้าตาย ต้องไม่ลืมว่าพรรคของท่านก่อนหน้านี้ร่วมรัฐบาลมาก่อน ดูแลอะไร ทำดีแค่ไหน ทำได้เท่านี้หรือไม่ ตอนเป็นรัฐบาลเคยบริหาร เมกะโปรเจกต์เคยเกิดที่ภาคใต้ที่พรรคท่านมี ส.ส.ในพื้นที่บ้างหรือไม่ ที่บอกว่ารักพี่น้องชาวใต้มันจริงหรือไม่ ผิดกับรัฐบาลนี้ เราไม่เลือกปฏิบัติเหมือนที่ใครบางคนเคยใส่ความ

 “ขอตั้งข้อสังเกตว่าการที่พรรคฝ่ายค้านยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ครั้งนี้ ทำเพื่อแก้เกี้ยวหรือไม่ เพราะเห็น ส.ว.ยื่นญัตติไปก่อนหน้านี้แล้วหรือไม่" นายพร้อมพงศ์ย้ำ

นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ และคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวว่า การยื่นญัตติอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ของพรรคฝ่ายค้าน น่าจะยื่นเข้ามาวันที่ 3-4 เม.ย.ที่จะถึงนี้  ก่อนปิดสมัยประชุมสภาฯ ถ้าเป็นไปตามนี้น่าจะใช้เวลาอภิปรายเพียง 2 วันน่าจะเพียงพอ เนื่องจากรัฐบาลเพิ่งเข้ามาบริหารประเทศได้ 6 เดือน และยังไม่สามารถใช้งบประมาณปี 67 เลย เพราะยังไม่ผ่านการพิจารณาของสภาในวาระ 2-3

โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติกล่าวว่า  ถือเป็นโอกาสดีที่ฝ่ายค้านจะได้ใช้เวทีของสภาชี้แนะและสอบถามการทำงานของรัฐบาล ทั้งการบริหารจัดการงบประมาณ และการบริหารประเทศ สิ่งสำคัญขอร้องให้ฝ่ายค้านนำเนื้อหาสาระที่เป็นประโยชน์จริงๆ มาอภิปราย ไม่ต้องมาดรามากลางสภาเพื่อเรียกร้องความเห็นใจ ชี้แนะได้แนะนำรัฐบาลได้ในมุมมองของฝ่ายค้าน แต่ต้องไม่ดรามา ถึงจะเกิดประโยชน์กับประชาชน” โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติกล่าว

ดักฝ่ายค้านอย่าสร้างดรามา

เมื่อถามว่า กังวลว่ารัฐมนตรีของพรรครวมไทยสร้างชาติอาจถูกอภิปรายด้วยหรือไม่ นายอัครเดชตอบว่า ไม่กังวล เพราะรัฐมนตรีของพรรคทำงานเต็มที่และมีผลงานทุกคน พร้อมชี้แจงหากถูกอภิปรายพาดพิงถึงกระทรวงที่รับผิดชอบ จะได้ถือโอกาสชี้แจงผลงานที่ทำมาในช่วงเวลา 6 เดือน ส่วนกระทรวงพลังงานที่อาจจะตกเป็นเป้าหมายการอภิปรายของฝ่ายค้านด้วยนั้น ไม่น่าเป็นห่วง รัฐมนตรีของพรรคทำงานเต็มที่ มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ สังคมรับรู้ มั่นใจว่าตอบข้อซักถามของฝ่ายค้านในสภาได้แน่นอน เพราะการอภิปรายครั้งนี้เป็นการอภิปรายทั่วไป จึงจำเป็นต้องซักถามถึงข้อสงสัยต่างๆ ที่ยังไม่เข้าใจ

“ที่ผมบอกว่าให้ฝ่ายค้านอภิปรายในเนื้อหาสาระตรงประเด็นเท่านั้น อย่าเสียเวลาไปดรามาในสภา เนื่องจากเป็นห่วงว่าจะใช้เวลาของสภาเสียเปล่า ที่มีข่าวว่าวิปฝ่ายค้านจะขอเวลาอภิปรายถึง 3 วัน คิดว่าเวลา 2 วันอภิปรายสอบถาม และรัฐบาลชี้แจงก็เพียงพอ จึงขอให้ใช้เวลาให้เกิดประโยชน์และมีค่ามากที่สุด อีกทั้งการขอเปิดอภิปรายครั้งนี้ก็ไม่ใช่ญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลอีกด้วย”  โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติย้ำ

ขณะที่ น.ส.ภคมน หนุนอนันต์ สส.บัญชีรายชื่อ และรองโฆษกพรรคก้าวไกล  ออกมาตอบโต้กรณีฝ่ายรัฐบาลระบุไม่จำเป็นต้องใช้เวทีสภามานั่งพูด หรือใช้เวลาหลายวัน แต่ใช้วิธีตั้งกระทู้ถามได้ว่า ฝ่ายรัฐบาลไม่ต้องคิดแทน การจะอภิปรายตามมาตรา 152 หรือตั้งกระทู้ ฝ่ายค้านรู้บทบาทและความเหมาะสม พิจารณาได้เองว่าควรใช้กลไกอะไรในสถานการณ์แบบใด หรือจะใช้เวลาเท่าไร ส่วนที่มีคำแนะนำให้ฝ่ายค้านใช้วิธีตั้งกระทู้ ขอถามกลับว่า ทุกวันนี้รัฐมนตรีในรัฐบาลให้ความร่วมมือมาตอบกระทู้อย่างสม่ำเสมอใช่หรือไม่ ช่วงที่ผ่านมาก็เห็นกันอยู่ ดังนั้น อย่าแนะนำอะไรที่เข้าตัวจะดีกว่า

น.ส.ภคมนกล่าวอีกว่า หากมั่นใจว่า 6 เดือนในฐานะฝ่ายบริหาร รัฐบาลทำดีแล้ว ทำได้ตามที่หาเสียงรับปากประชาชน ก็ไม่ต้องกังวลอะไร หน้าที่ฝ่ายบริหารคือตอบคำถามในงานที่ตัวเองรับผิดชอบ ให้ประชาชนสิ้นสงสัย ไม่เช่นนั้นเกรงว่าจะยิ่งตอกย้ำความรู้สึกของประชาชนที่ว่า 6 เดือนที่มีรัฐบาลมา เรื่องที่ท่านทำสำเร็จ แล้วประชาชนสิ้นสงสัย ไม่เคลือบแคลงเลย มีอยู่เรื่องเดียว ซึ่งคงไม่ต้องระบุ น่าจะมีคำตอบที่ตรงกัน

“ฝ่ายค้านเดินหน้าสู่การอภิปราย 152   จะทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติทวงถามติดตามการทำงานของรัฐบาลให้ถึงที่สุด ส่วนเราควรยื่นอภิปรายกี่วัน หรือเนื้อหาควรเป็นอย่างไร ควรตั้งกระทู้ก็พอหรือไม่นั้น ไม่จำเป็นที่ฝ่ายบริหารหรือ สส.รัฐบาลคนใดต้องมาคิดแทน ท่านเพียงชี้แจงข้อสงสัย ทำเรื่องนี้ให้ดีแล้วกัน เพราะประชาชนทั่วประเทศรอประเมินผลงานของรัฐบาลอยู่” น.ส.ภคมนระบุ

วันเดียวกัน ที่ รร.กำแพง อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ นายอนุทินพร้อมคณะ ได้ลงพื้นที่เพื่อมอบนโยบายต่อหัวหน้าส่วนราชการ และผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดศรีสะเกษ โดยมีประชาชนกว่า 2,000 คนร่วมรับฟัง

อยากได้ สส.ศรีสะเกษเพิ่ม

นายอนุทินกล่าวบนเวทีปราศรัยตอนหนึ่งว่า วันนี้เป็นตายอย่างไรต้องมาถึงศรีสะเกษให้ได้ เพราะศรีสะเกษให้ความไว้วางใจตนกับพรรคภูมิใจไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อ.อุทุมพรพิสัย, อ.เมืองจันทร์ และ อ.ห้วยทับทัน ที่เลือกนายอาสพลธ์ สรรณ์ไตรภพ สส.ศรีสะเกษ เป็นผู้แทนของพี่น้องประชาชน ตนต้องขอบคุณพี่น้องทั้ง 3 อำเภอ ที่ให้ความเชื่อมั่นในตัว สส.ของท่านให้ได้ทำหน้าที่ อีกคนคือนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ วันนี้เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ เข้ามาทำชื่อเสียงให้กับพี่น้องชาวศรีสะเกษ หนังสัปเหร่อฉายทำรายได้เกือบ 1,000 ล้านบาท นี่คือฝีมือของคนศรีสะเกษ สาวสวยอีกคนที่เป็นชาวศรีสะเกษคือ น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล วันนี้เป็นเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

"โฆษกบนเวทีพูดผิดไปนิดว่าวันนี้ช้างเหยียบนา พญาเหยียบเมือง ผมอยากบอกว่าจะบ้าหรือ เพราะวันนี้คนรับใช้มารายงานตัวเจ้านาย จะให้มาเป็นช้างเหยียบนา พญาเหยียบเมืองที่ไหน แบบนั้นไม่มี วันนี้ผมมาศรีสะเกษ เพราะอยากมารับใช้พ่อแม่พี่น้องชาวศรีสะเกษ แม้วันนี้จะยังได้ไม่ครบทั้งจังหวัดก็ตาม แต่ไม่มีปัญหา เพราะครั้งนี้เราจะทำงานการเมืองอย่างดุเด็ดเผ็ดมัน เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าเที่ยวหน้าคนที่มายืนบนเวทีนี้ซึ่งเป็นคนศรีสะเกษจะมากกว่านี้แน่นอน" นายอนุทินกล่าว

ทั้งนี้ พรรคภูมิใจไทยมี สส.ในพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ จำนวน 2 คน คือ นายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.เขต 3 และนายอาสพลธ์ สรรณ์ไตรภพ สส.เขต 8 จากทั้งหมด 9 คน

นายอนุทินเปิดเผยถึงการประชุมพรรคภูมิใจไทยเพื่อเลือกเลขาธิการพรรคคนใหม่ว่า พรรคภูมิใจไทยจะมีการประชุมใหญ่ในวันที่ 24 มี.ค.นี้ เพื่อเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ เพราะตอนนี้เราไม่มีเลขาธิการพรรค ทั้งนี้ เพื่อให้มีความราบรื่นและเปลี่ยนแปลงพรรคให้ทันสถานการณ์ ส่วนบุคคลที่จะเป็นเลขาธิการพรรคคนใหม่ ขึ้นอยู่กับสมาชิกพรรคที่จะเห็นชอบ แต่เราอยากได้คนรุ่นใหม่ ก็แล้วแต่ว่าใครจะเสนอขึ้นมา โดยสมาชิกพรรคจะเป็นผู้เลือก

เมื่อถามว่า จะสนับสนุนนายไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ เป็นเลขาธิการพรรคหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า จะสนับสนุนคนเก่งและมีความสามารถ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'อนุทิน' ชื่นชมทีมจับกุมยาบ้า 4.5 ล้านเม็ด พร้อมเครื่องปั๊ม เตือนทาสยานรก ระวังชักตาย ยาบ้าสูตรใหม่ ส่วนผสมสุดอันตราย เร่งการไฟฟ้า ตรวจสอบการใช้ไฟตามชายแดน หากพบปลายทาง เป็นขบวนการค้ายา ต้องรีบตัดไฟทันที

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมคณะผู้บริหาร ฝ่ายปกครองและฝ่ายความมั่นคงเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เดินทางมาแถลงข่าวการจับกุมพ่อค้ายาบ้ารายใหญ่ ซึ่ง ถูกจับกุมได้ที่จังหวัดสุพรรณบุรีพร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 4.5 ล้านเม็ด เครื่องปั๊มเม็ด และยานพาหนะ