พท.โต้สภา8ปีบิ๊กตู่ส่งศาลรธน.

“บิ๊กตู่” เอ่ยปากยืนยันไม่โกรธสื่อทำเนียบฯ ตั้งฉายา “ชำรุดยุทธ์โทรม” ลั่นต้องทำให้ประเทศชาติสงบสุขให้เลิกการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายให้ได้ “บิ๊กป้อม” จะอยู่เคียงข้าง “บิ๊กตู่” ถึงปี 70หรือไม่ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์-สภาพร่างกาย "อิสระ" ปัดไม่ใช่ความเห็น "ชวน" แค่ความเห็นส่วนตัวของฝ่ายกฎหมายสภา "เพื่อไทย" ชี้ให้ดูเจตนารมณ์กฎหมายวาระนายกฯ 8 ปี ส.ค.65 ชงศาล รธน.วินิจฉัยแน่ เลขาฯ ครป.ซัดปั่นข่าวร้ายรับปีใหม่ เตือนแผ่นดินจะลุกเป็นไฟ พท.เคาะ “สุรชาติ” ลงเลือกตั้งซ่อมเขต 9 กทม. เปรียบเป็นศึกศักดิ์ศรีของฝ่าย ปชต.กับเผด็จการ

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) วันที่ 29 ธันวาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ถึงกรณีสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาลตั้งฉายาประจำปี 2564 “ชำรุดยุทธ์โทรม” ว่า “ฝากไปถึงสื่อทุกคนด้วยว่าผมไม่เคยโกรธ ไม่เคยโมโหสื่อ เพียงแต่ผมจะพูดหรือไม่พูดก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผมคิดว่าควรจะพูดเองหรือไม่ บางเรื่องควรจะเป็นโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีพูดหรือไม่ เพราะคิดว่าคงต้องจัดระเบียบใหม่ละ เพราะถ้านายกรัฐมนตรีตอบทุกวันปัญหาก็จะเข้ามาทุกวัน บางเรื่องโฆษกฯ ก็ชี้แจงไปแล้วโดยผมได้สั่งการไปให้พูดเรื่องอะไรอย่างไร ผมเป็นคนสั่งไปเองให้โฆษกฯ หรือรัฐมนตรีประชาสัมพันธ์”

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เราต้องทำให้ประเทศชาติของเราสงบสุขให้ได้ ต้องทำให้เลิกการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายให้ได้ โดยถ้าเราต้องการความปลอดภัยเราก็ต้องช่วยกัน ดูแลซึ่งกันและกัน กฎหมายทุกตัวมีอยู่แล้ว ก็ขอให้ปฏิบัติตามเท่านั้นเอง ตนไม่จำเป็นต้องไปสั่งการอะไรเพิ่มเติม

ในช่วงท้าย พล.อ.ประยุทธ์ถามกลับว่ามีอะไรจะถามอีกหรือไม่ พร้อมกล่าวว่า "ถามกันมาตอบกันมาตลอดแล้ว ขอขอบคุณในฉายาก็แล้วกัน สวัสดีครับ" จากนั้นได้เดินออกจากโพเดียมและเดินทางกลับทำเนียบรัฐบาลเพื่อปฏิบัติภารกิจต่อทันที

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีฝ่ายกฎหมายสภาผู้แทนราษฎร มีการตีความว่าวาระในการดำรงตำแหน่ง 8 ปี ของ พล.อ.ประยุทธ์ ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด นับตั้งแต่เริ่มนับตั้งแต่วันที่ 9 มิ.ย.2562 ที่เป็นวันโปรดเกล้าฯ และสิ้นสุดในปี 2570 นั้น พร้อมที่จะอยู่เคียงข้าง พล.อ.ประยุทธ์ยาวจนถึงปี 2570 หรือไม่ว่า “ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ทั่วไป ก็แล้วแต่ว่าร่างกายผมจะไหวหรือเปล่า”

เมื่อถามว่า ในช่วงปีใหม่มีความกังวลอะไรหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “ปีใหม่เราไม่กังวล”

นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อดีตเลขานุการประธานรัฐสภา กล่าวถึงกรณีฝ่ายกฎหมายสภาเสนอความเห็นไปยังประธานสภาฯ ถึงประเด็นการดำรงตำแหน่งนายกฯ ของ พล.อ.ประยุทธ์ ควรเริ่มนับหนึ่งตั้งแต่วันที่มีการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งคือ 9 มิ.ย.2562 ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อ 2 เดือนที่เเล้ว กรณีถ้ามีข่าวที่เป็นที่สนใจของสังคม จะมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายของสภาผลัดเปลี่ยนหมุนเวียน ทำการสรุปข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย และสรุปรายละเอียดของประเด็นนั้นๆ พร้อมทั้งความเห็นทางกฎหมายส่วนบุคคลของตน แนบท้ายกราบเรียนประธานสภาฯ ให้รับทราบ ขอเน้นย้ำว่ากรณีนี้เป็นความเห็นส่วนบุคคลของเจ้าหน้าที่สภาฯ เจ้าหน้าที่นิติกรเจ้าของเรื่อง ไม่ใช่ความเห็นนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ

"ที่สำคัญ อำนาจหน้าที่ในการวินิจฉัยประเด็นนี้ ไม่ใช่หน้าที่ของสภา แต่เป็นอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 210 ที่ให้ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจวินิจฉัย เกรงว่าจะเกิดการเข้าใจผิดคิดว่านายชวนเพิ่งพิจารณากรณีดังกล่าวในช่วงนี้ ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้น เพราะขณะนี้นายชวนกำลังลงพื้นที่พบประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาโควิด-19 ในหลายจังหวัด คือ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี" นายอิสระกล่าว

ส.ค.65 ชงศาลวินิจฉัย

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีฝ่ายกฎหมายสภาตีความกรณีการดำรงตำแหน่ง 8 ปี ของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่า ประเด็นนี้เป็นประเด็นที่ทุกคนสนใจว่า จะเป็นจุดเปลี่ยนของรัฐบาลหรือไม่ พรรคร่วมฝ่ายค้านยืนยันในความมุ่งมั่นที่จะใช้เงื่อนไขและคุณสมบัติข้อนี้ว่า คนที่มาดำรงตำแหน่งนายกฯ จะดำรงตำแหน่งเกินกว่า 8 ปีไม่ได้ การตีความตัวบทกฎหมายนี้มีความตรงไปตรงมา เมื่อถึงกำหนดเวลา หากนายกฯ ยังดำรงตำแหน่งนายกฯ อยู่ เราจะทำการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคุณสมบัติข้อนี้ให้เป็นที่ยุติ ส่วนประเด็นที่เป็นความเห็นของฝ่ายกฎหมายสภานั้น ขอไม่แสดงความเห็น เพราะเขาคงทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ถือว่าเป็นความเห็นภายในสภา และประธานสภาฯ ว่าจะนำไปใช้หรือไม่อย่างไร แต่มันไม่มีผลผูกพันกับองค์กรอื่น

เมื่อถามว่าหากมีการยื่นตีความจะยื่นผ่านประธานสภาฯ หรือช่องทางใดนั้น นพ.ชลน่านกล่าวว่า เรื่องวิธีการที่จะยื่นไม่น่าจะเป็นประเด็น เพราะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 1 ใน 10 สามารถเข้าชื่อกันเพื่อยื่นตรวจสอบคุณสมบัติของนายกฯ รัฐมนตรี และ ส.ส.ได้ แล้วประธานสภาฯ หน้าที่ส่งเรื่องนี้ไปยังศาลรัฐธรรมนูญ

นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน และ ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ไม่เข้าใจเจตนาของฝ่ายกฎหมายรัฐสภา ที่จู่ๆ ก็เสนอความเห็นเรื่องนี้มาอย่างไม่มีเหตุผล ฝ่ายกฎหมายรัฐสภาออกมาพูดจะว่าเป็นหน้าที่ก็ไม่น่าใช่ โดยกาลเทศะก็ไม่ถูก แต่ถึงจะมีความเห็นหรือชี้อย่างไร ก็ไม่มีเหตุผล ที่บอกให้นับวาระการดำรงตำแหน่งนับแต่วันโปรดเกล้าฯ นั้น ได้มองเจตนารมณ์ของกฎหมายหรือไม่ หรือมองเพียงตัวหนังสือ ตามเจตนารมณ์กฎหมายหวังจะให้นายกฯอยู่ในวาระได้ 8 ปี จะนับตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่ต้องวิตก หากถึงช่วงสิงหาคม 2565 ค่อยมาว่ากัน ถ้าครบวาระ 8 ปี ถ้ายังเห็นต่างกัน คงต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยชี้ขาด แต่มากกว่าการดำรงตำแหน่งคือ สำนึกของคนใช้กฎหมายนี้ คือตัวนายกรัฐมนตรี ที่อยู่มา 8 ปี ได้สำนึกหรือไม่

เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยมองว่าควรนับวาระของ พล.อ.ประยุทธ์ นับแต่ยึดอำนาจเมื่อปี 2557 นายสุทินกล่าวว่า เมื่อได้เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น ทั้งนี้เราก็หวังจะหาข้อยุติให้เป็นบรรทัดฐาน น่าจะไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ แต่ถ้าไม่ให้เป็นประเด็น นายกฯ ควรมีสำนึก ควรแสดงสปิริตเพื่อดับชนวนเรื่องนี้

นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวถึงเรื่องเดียวกันว่า เป็นเรื่องที่เลอะเทอะและเละเทะ ตีความมั่วกันน่าดู และฝ่ายกฎหมายสภาผู้แทนราษฎรไม่ได้มีหน้าที่ตีความรัฐธรรมนูญ เป็นเพียงความเห็นหนึ่งเท่านั้นที่เสนอความเป็นต่อประธานสภาฯ ตั้งแต่เดือนตุลาคมแล้ว แต่เพิ่งออกมาปล่อยข่าว เพื่อปั่นข่าวรับปีใหม่ ถือว่าเป็นข่าวร้ายรับปีใหม่ของประชาชนคนไทย ฝ่ายกฎหมายสภามีใครบ้างที่ให้ความเห็นแบบนี้ ช่วยระบุชื่อรับผิดชอบด้วย ทำให้สภาเสียหาย กลายเป็นสภารับใช้เผด็จการ ถ้าเป็นอย่างนี้เท่ากับสุมไฟทางการเมือง ถ้าประยุทธ์เป็นนายกฯ เกิน 8 ปีในเดือนสิงหาคมปีหน้านี้ เชื่อว่าบ้านเมืองจะลุกเป็นไฟ นายกฯ จะต้องมีความรับผิดชอบทางการเมือง ถ้าตีความแบบนี้เพื่อเข้าข้างผู้มีอำนาจ ประเทศก็พังหมด เชื่อว่าแผ่นดินจะลุกเป็นไฟ

รัฐประหารครั้งใหม่

เลขาธิการ ครป.กล่าวอีกว่า กับดักรัฐธรรมนูญมาตรา 158 ที่เขียนขึ้นมาเอง "นายกรัฐมนตรีจะดํารงตําแหน่งรวมกันแล้วเกิน 8 ปีมิได้ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการดำรงตำแหน่งติดต่อกันหรือไม่" ถามว่า พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยครั้งแรกเมื่อใด เป็นเมื่อ 24 สิงหาคม 2557 ถ้าจะให้ประยุทธ์เป็นนายกฯ ถึงปี 2570 ก็เท่ากับดำรงตำแหน่งนายกฯ 13 ปี ขัดมาตรา 158 ชัดเจน ตนไม่อยากให้สภาผู้แทนราษฎรกลายเป็นเครื่องมือระบอบอำนาจนิยม และสร้างทางตันในการพัฒนาประชาธิปไตย โดยการส่งเสริมการรัฐประหารครั้งใหม่

ส่วนความเคลื่อนไหวการเลือกตั้งซ่อม นายพนิต วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) โพสต์เฟซบุ๊กว่า ต้องขอขอบคุณพี่น้องชาวหลักสี่และพื้นที่เกี่ยวข้อง จำนวน 16,255 คน ที่ได้เลือกพรรคเราเมื่อปี 2562 แม้พรรคจะไม่ได้คะแนนมากที่สุด แต่ทุกเสียงนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่ง ทำให้เกิดคำถามต่อกรณีท่าทีของผู้เกี่ยวข้องในทำนองว่าพรรคจะไม่ส่งผู้สมัครเลือกตั้งซ่อมเขต 9 กทม.หรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นจริง พรรคจะชี้แจงกับประชาชน 16,255 คนนี้ว่าอย่างไร? อย่าลืมว่า 16,255 เสียงนี้ที่ยึดมั่นกับพรรค ปชป. ฉะนั้นข้ออ้างเรื่องมารยาททางการเมือง จึงไม่ใช่เหตุผลที่เพียงพอ หรือจริงๆ แล้วมีเบื้องหลัง มีผลทางการเมืองอะไรแอบแฝง การส่งหรือไม่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งซ่อมเขตหลักสี่และพื้นที่เกี่ยวข้องจึงมีผลสำคัญต่ออนาคตปชป.ในกรุงเทพฯ ทั้งหมด

วันเดียวกัน นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า ว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขตเลือกตั้งที่ 9 หลักสี่-จตุจักร กทม. ลงพื้นที่ตลาดประชานิเวศน์ 1 พบปะกับประชาชนและพ่อค้าแม่ค้าในพื้นที่ ก่อนจะเดินทางไปยังศูนย์บริการสาธารณสุขที่ 17 เพื่อพบปะประชาชนที่ไปออกกำลังกายบริเวณดังกล่าว

โดยนายอรรถวิชช์กล่าวว่า รู้สึกปลาบปลื้มที่ประชาชนให้การต้อนรับ เหมือนได้กลับบ้าน เพราะคุ้นเคยผูกพันกับตลาดประชานิเวศน์ 1 ในช่วงเวลาประมาณ 1 เดือนก่อนเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ พรรคกล้าพร้อมเป็นความหวังให้ประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจที่มีความตั้งใจเป็น ส.ส.สร้างสรรค์การเมืองคุณภาพดูแลแก้ปัญหาในพื้นที่ ส่วนการเปิดตัวคู่แข่งคนล่าสุดจากพรรคพลังประชารัฐเมื่อวันที่ 28 ธ.ค.ที่ผ่านมานั้น ขอฝากถึงผู้สมัครทุกคนให้สู้ศึกเลือกตั้งครั้งนี้อย่างสุจริต ตนยังรู้สึกมั่นใจในเขตเลือกตั้งนี้ และทีมงานใจสู้ทุกคน

ที่พรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. และโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงเปิดตัวผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กทม.เขต 9 โดย นพ.ชลน่านกล่าวว่า กรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) มีมติเอกฉันท์ให้ส่งนายสุรชาติ เทียนทอง อดีต ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งแทนตำแหน่งที่ว่างลง ในเขตเลือกตั้งที่ 9 หลักสี่-จตุจักร และยังเห็นชอบแต่งตั้งนายสรวงศ์ เทียนทอง รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และอดีต ส.ส.สระแก้ว พรรคเพื่อไทยเป็น ผอ.เลือกตั้ง

เลือกตั้งซ่อมศึกศักดิ์ศรี

นพ.ชลน่านกล่าวว่า เรามุ่งหวัง มั่นใจว่าประชาชนเขตหลักสี่-จตุจักรจะให้การสนับสนุนพรรคเพื่อไทย เรามีโอกาสที่จะได้รับการยอมรับและเป็นผู้ชนะการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ ผู้สมัครรับเลือกตั้งของเราเป็นอดีต ส.ส.ในเขตเลือกตั้งนี้มานาน จากการทำงานตลอด 17 ปี นายสุรชาติไม่เคยทิ้งพื้นที่ แต่แก้ปัญหาให้ประชาชนเสมอ การต่อสู้ครั้งนี้ถือเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้ของผู้ที่โหยหาประชาธิปไตย กับกลุ่มที่เรียกตัวเองว่าประชาธิปไตย แต่แฝงเร้นไปด้วยอำนาจเผด็จการ ถ้าประชาชนต้องการประชาธิปไตย นายสุรชาติเป็นนักประชาธิปไตยที่พร้อมเป็นตัวแทนประชาชน และเป็นการเลือกตั้งเพื่อศักดิ์ศรีของคนที่รักประชาธิปไตย จะเป็นก้าวแรกของการได้รัฐบาลใหม่

นายสุรชาติกล่าวว่า ขอบคุณกรรมการสรรหาและกรรมการบริหารพรรค ที่ให้โอกาสเป็นผู้สมัครในการเลือกตั้งครั้งนี้ ความหมายโดยเฉพาะพรรคการเมือง ที่จะเป็นการวัดกระแสความนิยมของพรรคต่างๆ ก่อนมีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และแนวโน้มที่จะมีการเลือกตั้งใหญ่ในอีกไม่นานนี้ และมีความสำคัญต่อชาวหลักสี่-จตุจักร นี่คือศักดิ์ศรีที่จะตัดสินใจว่าพี่น้องประชาชนอยากได้ผู้แทนฯ ของเขาแบบไหน เป็นก้าวที่จะพิสูจน์อุดมการณ์ ความเชื่อ ความตั้งใจ ตลอด 17 ปีที่ผ่านมา ตนต้องการทำให้คุณภาพชีวิตประชาชนดีขึ้น ไม่ได้แข่งกับใคร แต่ทำในสิ่งที่ตัวเองเชื่อในทุกๆ วันอยู่แล้ว โดยให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน

นายสรวงศ์ เทียนทอง ผอ.เลือกตั้งฯ กล่าวว่า จะมีการปราศรัยใหญ่หนึ่งครั้ง ส่วนการลงพื้นที่ นายสุรชาติลงพื้นที่ทุกวันอยู่แล้ว

ขณะที่ น.ส.ธีรรัตน์กล่าวว่า นายสุรชาติถือเป็นตัวแทนพรรคในการกอบกู้ศักดิ์ศรีชาวหลักสี่-จตุจักร เพราะผลการเลือกตั้งปี 62 ยังเป็นข้อกังขาเรื่องความไม่โปร่งใส ครั้งนี้เราขอให้การเลือกตั้งมีความโปร่งใส เป็นธรรม ยุติธรรมกับทุกฝ่าย และถ้าจะชนะต้องชนะให้ขาด

นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น ประธานคณะกรรมการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ พรรคไทยสร้างไทย เปิดเผยภายหลังที่พรรคไทยสร้างไทยจัดคาราวานสร้างไทย 77 จังหวัด ลงพื้นที่รับฟังปัญหา รับฟังทุกความต้องการของพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ เบื้องต้นคาราวานสร้างไทยได้เดินทางไปในพื้นที่ภาคอีสานบางส่วน และพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งได้รับการต้อนรับเป็นอย่างอบอุ่นในทุกพื้นที่ที่เดินทางไป จะเห็นได้จากผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนของ "อีสานโพล" เปิดเผยผลสำรวจความนิยมนักการเมืองคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย เป็นอันดับ 1 มากถึง ร้อยละ 24.8 สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของประชาชน ที่มีต่อตัวคุณหญิงสุดารัตน์ และพรรคไทยสร้างไทย

ทั้งนี้ ผศ.ดร.สุทิน เวียนวิวัฒน์ หัวหน้าโครงการสำรวจอีสานโพล ศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจอีสาน (ECBER) คณะเศรษฐศาสตร์ ม.ขอนแก่น เปิดเผยว่า จากการสำรวจเรื่องรางวัลแห่งปีของคนอีสานประจำปี 2564 ซึ่งคณะเศรษฐศาสตร์ มข. ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของคนอีสานเกี่ยวกับบุคคล องค์กร และผลงานที่มีความโดดเด่นที่สุดแห่งปี ในสาขาต่างๆ 13 รางวัล โดยทำการสำรวจ 2 รอบ คือในครึ่งปีแรกระหว่างวันที่ 31 ก.ค.-7 ส.ค. และในช่วงครึ่งปีหลังคือระหว่างวันที่ 25-27 ธ.ค.2564 จากกลุ่มตัวอย่างอายุ 18 ปีขึ้นไป 2,151 ราย ครอบคลุมพื้นที่ 20 จังหวัดภาคอีสาน พบว่า คะแนนสูงสุด 3 อันดับแรก แต่ละรางวัล ประกอบด้วย นักการเมืองแหงปี ลำดับที่ 1 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ร้อยละ 24.8 รองลงมาคือนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ร้อยละ 15.4 และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ร้อยละ 13.8.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เริ่มฮั้วยึดเก้าอี้สว. กกต.จับตาพวกไร้คะแนน-ท็อปไฟว์/‘ทักษิณ’ส่ง‘สมชาย’ดันนั่งปธ.

ประเดิมสมัคร สว.วันแรก มีทั้งพื้นที่คึกคักและกร่อย สะพัด! กทม.เริ่มมีเรื่องฮั้ว รวมกลุ่ม “กกต.” จับตาพวกไร้คะแนนและบรรดาท็อปไฟว์

ขาสั่น 'เศรษฐา' รับกังวล ปมถูกยื่นถอดถอน

สาธารณรัฐอิตาลี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี 40 วุฒิสมาชิก ยื่นถอดถอนออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ว่า ตนคงไม่ไปก้าวล่วงกับศาลรัฐธรรมนูญว่าจะเป็น 50 ต่อ 50 หรือ 40 ต่อ 60 และเมื่อ