บิ๊กเต่าปัดหนักใจสอบบิ๊กต่อ ขีดเส้น1เม.ย.โจ๊กไม่มาจ่อจับ

"ทนายตั้ม" ส่งเส้นเงินส่วยเว็บพนันให้ "บิ๊กเต่า" ตรวจสอบ สายลับบอกเชื่อถือได้ จับตาดูสัปดาห์หน้าของจริง รอง ผบช.ก.ยันไม่หนักใจ พร้อมปัดกวาดตำรวจชั่ว ย้ำไม่ได้เป็นเด็ก ผบ.ตร.   ทำงานตามอุดมการณ์ ไม่เคยเลียตูดนายเพื่อความเจริญก้าวหน้า ใหญ่แค่ไหนก็จับ ไม่มีใครใหญ่กว่าประตูห้องขัง    ออกหมายเรียก "บิ๊กโจ๊ก" ครั้งที่ 3 รับทราบข้อหา 1 เม.ย.นี้ ไม่มาจ่อออกหมายจับ

เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2567 ที่กองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.)  นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม   เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน    นำหลักฐานการรับส่วยจากเว็บพนันออนไลน์ที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและอ้างว่ามีความเชื่อมโยงไปถึงญาติและคนใกล้ชิด พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล  ผบ.ตร. มามอบให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ  ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เพื่อให้ดำเนินคดีกับกลุ่มคนดังกล่าว

ก่อนรับหนังสือร้องเรียน เมื่อ พล.ต.ต.จรูญเกียรติเดินทางมาถึง   ทนายตั้มกล่าวทักทายว่า เพิ่งเคยเจอครั้งแรก โดยส่วนตัวชื่นชมมานาน ไม่รู้ว่าวันนี้จะหนักใจหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติตอบว่า ไม่หนักใจ เราเป็นตำรวจอาชีพทำงานแบบตรงไปตรงมา ทำงานแบบซื่อตรง และจะให้ความเป็นธรรมกับทุกคน เราไม่เคยหนักใจ เพราะเราเป็นหน่วยงานที่รับเรื่องจากทั่วประเทศอยู่แล้ว เรื่องหนักๆ ก็มาลงที่นี่ และนี่ก็เป็นเรื่องหนึ่ง เราต้องการกวาดบ้านตัวเองอยู่แล้ว ไม่ต้องกลัวว่าที่นี่จะลำเอียง เราจะให้ความเป็นธรรมกับทุกคนเท่าเทียมกัน ต้องขอขอบคุณทนายตั้มที่เอาข้อมูลมาให้ ถือเป็นโอกาสดีที่เราจะได้ทำความสะอาดบ้านตัวเอง

ทนายตั้มถามรอง ผบช.ก.ต่อว่า ถ้าข้อมูลของตนไปสอดคล้องว่า ผบ.ตร.มีความผิด พร้อมที่จะดำเนินคดีหรือไม่  พล.ต.ต.จรูญเกียรติระบุว่า ทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมาย ไม่มียศใหญ่ยศเล็ก ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน นโยบายของผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ให้ความเป็นธรรมกับทุกคน ชาวบ้านเดินเข้ามาแค่หลักฐานอันเดียวก็สามารถจับนักการเมืองใหญ่ได้ ทนายตั้มมีหลักฐานเราดำเนินการทุกขั้นตอน

ทนายตั้มได้เปิดเผยว่า วันนี้หลักฐานที่มายื่นให้รอง ผบช.ก.1 คือสเตทเมนต์ของ น.ส.พิมพ์วิไล วันนี้อยากให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติช่วยคือการไล่เส้นเงิน ให้ยืนยันว่าพิมพ์วิไลโอนเงินให้นายคชาชาญ และนายคชาชาญโอนให้ณัฐพงษ์ แล้วมีการโอนให้บัญชีกับตำรวจอีกหลายคน อยากให้ตรวจสอบทุกบัญชีเหล่านี้ว่ามีการโอนกี่ครั้ง แล้วโอนไปเพื่ออะไร เพื่อยืนยันข้อเท็จจริงว่าสิ่งที่ตนแถลงเป็นความจริงก่อน

2.ข้อมูลจากสายลับ วันนี้สายลับตนเชื่อมั่น พล.ต.ต.จรูญเกียรติสูง เขาบอกว่าถ้ามาขนาดนี้แล้วให้ตนเอาข้อมูลแชตพร้อมสลิปการโอนเงินต่างๆ ให้กับรอง ผบช.ก.เลย อยากให้ตรวจสอบว่าข้อมูลเหล่านี้เป็นจริง ถ้ามันเป็นจริงเป็นการโอนกันค่าอะไรในทุกๆ เดือน

จากนั้นทนายตั้มหันไปหา พล.ต.ต.จรูญเกียรติแล้วถามย้ำว่า ท่านยืนยันว่าจะจัดการให้ไหมครับ รอง ผบช.ก.ได้ตอบทันทีว่า “ครับ” ต้องบอกก่อนว่ามาถึงตรงนี้เราทำงานให้กับทุกคนโดยเท่าเทียมกัน ใครได้รับความเดือดร้อนมา เรามีอุดมการณ์การเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจพิทักษ์สันติราษฎร์ เราจะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา “ผิดคือผิด ถูกคือถูก ไม่ต้องกลัว ที่แห่งนี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ จะทำแบบตรงไปตรงมา”

เมื่อถาม พล.ต.ต.จรูญเกียรติว่าหลังรับข้อมูลแล้วต่อจากนี้จะดำเนินการอย่างไร เขาตอบว่า วันนี้หลังจากได้หลักฐานจะส่งให้ บก.ปปป.ดำเนินการ สิ่งแรกที่ต้องทำต้องตรวจสอบเอกสารเหล่านี้ถูกต้อง มีที่มาข้อเท็จจริงอย่างไร   พนักงานสอบสวนต้องรบกวนทนายตั้มไปชี้แจงเอกสาร เมื่อเอกสารมีที่มาข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง เราก็จะขยายผลในเรื่องต่างๆ ตามเส้นเงินที่ทนายตั้มร้องขอ ดำเนินการควบคู่กันไป ไม่ต้องกลัวว่าจะไปบิดพลิ้วอะไร เพราะหลักฐานที่มาเชื่อว่าหลักฐานบางส่วนเป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ คงดำเนินการต่อได้ คงไม่มีใครบิดเบือนประเด็นได้ ได้คุยกับ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. และได้ขอท่านแล้ว ต้องทำตรงไปตรงมา เพราะเป็นนโยบายของ ผบช.ก.

 ซักว่า พล.ต.ต.จรูญเกียรติใกล้ชิด พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ถ้ามาสอบเองจะทำให้มีน้ำหนักไม่เพียงพอหรือไม่ รอง ผบช.ก.ตอบว่า ต้องบอกว่าตนเติบโตมาจากการทำงานมาโดยเฉพาะ ไม่เคยเลียตูดนายเพื่อความเจริญก้าวหน้า ตนเติบโตมาด้วยสองขา สองมือและสมองตนเอง

"ไม่มีใครใหญ่กว่าประตูห้องขัง ใหญ่แค่ไหนก็จับ ไม่ต้องกลัว ไม่มีลำเอียง ยาจกหรือแม้กระทั่งขุนนางได้หมด เราเป็นตำรวจ ว่าไปตามข้อเท็จจริง ไม่มีใครช่วยใคร เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่" พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าว

ขณะที่ทนายตั้มกล่าวเพิ่มเติมว่า  ตอนนี้ตนมั่นใจขึ้น 40 เปอร์เซ็นต์ ที่มายื่นยังไม่แจ้งความมาตรา 157 กับใคร เพราะกลัวว่าเขาจะมีระยะเวลาแค่ 1 เดือน จึงให้รอง ผบช.ก.ไปตรวจสอบเส้นทางการเงินทุกเส้นที่แถลงไปว่าเป็นของจริงโอนให้กับญาติของบิ๊กต่อ โอนให้ตำรวจ การทำบุญ ส่วนเรื่องส่วยมีใบเสร็จสลิปโอนเงินของจริงหรือไม่ ในส่วนของผู้กระทำความผิดหลังจากนี้ต้องให้ รองเต่าไปสืบสวนต่อว่าเป็นของเจ้าหน้าที่จริงๆ หลังจากนั้นก็จะเป็นการดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป และจากที่ฟังรองเต่าพูด สบายใจขึ้นเยอะว่าตำรวจเลวมันเป็นหน้าที่ของเขาที่ต้องกำจัด ไม่ว่าจะเป็นผู้บังคับบัญชา ถ้าเลวก็ต้องจัดการ สัปดาห์หน้าจับตาดูให้ดีๆ  ทีเด็ดอยู่ที่สัปดาห์หน้า

มีรายงานแจ้งว่า คณะพนักงานสอบสวนในคดีเว็บพนันออนไลน์บีเอ็นเคมาสเตอร์ได้ประชุมคดี และมีมติ ดำเนินการออกหมายเรียกครั้งสุดท้ายเป็นครั้งที่ 3 โดยมีการออกหมายเรียกเป็นที่เรียบร้อยเมื่อวันที่ 27 มี.ค. โดยการออกหมายเรียกดังกล่าว จะต้องดำเนินการส่งหมายเรียกให้กับตัว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ด้วยตนเอง ซึ่งขณะนี้ในส่วนของหมายเรียกดังกล่าวมีการส่งไปถึงผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบเป็นที่เรียบร้อย  สำหรับหมายเรียกครั้งนี้ มีกำหนดเรียกเข้าพบในวันที่ 1 เม.ย.ที่จะถึงนี้ ที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 2 (บก.น.2)

ทั้งนี้ หากไม่มีการเดินทางเข้าตามนัดหมายของหมายเรียกครั้งที่ 3 คณะพนักงานสอบสวนจะมีการดำเนินการนำเสนอต่อศาลเพื่อขออนุมัติหมายจับต่อไป

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าที่ตัดสินใจย้าย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์มาช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี เพราะมีข้อมูลว่ามีความเชื่อมโยงกับการรับส่วยหรือไม่ ว่า “ผมตอบคำถามนี้มาหลายหนแล้ว และผมคิดว่าในความเป็นจริงแล้วถ้าเราเห็นใจพี่น้องประชาชนทุกคนเราควรจบเรื่องนี้ เพราะทั้งสองท่านที่เกี่ยวข้องก็ถูกย้ายไปแล้ว เข้ามาช่วยราชการที่สำนักงานนายกฯ แล้ว วันนี้ต้องให้โอกาสท่านรักษาการ ผบ.ตร. ทำหน้าที่ปกป้องดูแลคุ้มครองความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน แต่ถ้ามีอะไรที่ไม่ถูกต้องตามกระบวนการยุติธรรมก็มาพูดกันได้ แต่อย่าไปถามถึงเหตุผล เพราะผมคิดว่าผมชี้แจงไปอย่างชัดเจนแล้ว และทุกคนมีความกระจ่างแล้ว”

เมื่อถามว่า คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณีความขัดแย้งเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ราชการตำรวจที่ตั้งขึ้นมาได้มีการรายงานความคืบหน้าอะไรบ้างหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ยังไม่มีอะไรคืบหน้า เพิ่งผ่านไปได้สัปดาห์เดียว ขอให้ใจเย็นๆ นิดหนึ่ง ขอให้คณะกรรมการฯ ได้เก็บข้อมูลก่อน

เมื่อถามว่า ฝ่ายค้านและทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด ระบุว่าอยากให้นายกรัฐมนตรีกำชับมากกว่านี้ นายเศรษฐา หันมามองผู้สื่อข่าวด้วยสีหน้านิ่ง ก่อนจะกล่าวว่า “คำถามต่อไปครับ”

ที่สภาทนายความฯ ย่านบางเขน นางสาว น.รินี เรืองหนู นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย   พร้อมด้วยนายจีรพงษ์ ประเสริฐพลกรัง  เลขาธิการสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย เข้ายื่นหนังสือถึงดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ ในฐานะคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง  กรณีนักข่าวรับเงินจากแหล่งข่าว ซึ่งตั้งขึ้นตั้งแต่เกิดคดีที่ตำรวจเข้าตรวจค้นบ้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และปรากฏข้อมูลว่ามีนักข่าวบางส่วนรับเงินจากแหล่งข่าว โดยการตรวจสอบข้อเท็จจริงในคดีนั้นยังไม่แล้วเสร็จ และล่าสุดจากการแถลงข่าวของนายษิทรา ก็มีการเผยแพร่ข้อมูลว่ามีนักข่าวและสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยรับเงินจากแหล่งข่าวและเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ โดยเฉพาะอุปนายกตัวย่อ ว. จึงจะขอให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงรับคดีดังกล่าวไปตรวจสอบเพิ่มเติมด้วย

นอกจากนี้ นายจีรพงษ์ยังบอกอีกว่า  เมื่อวานนี้ตนได้พบกับทนายตั้ม ได้พูดคุยกันเล็กน้อย และสอบถามถึงข้อเท็จจริง โดยชี้แจงว่าอุปนายกของสมาคมฯ  ตัวย่อ ว. ในอดีตมีหลายคน ซึ่งทนายตั้มก็ยืนยันว่าข้อมูลการรับเงินเป็นไปตามที่เผยแพร่ และเป็นเรื่องของบุคคล ไม่ได้พาดพิงถึงตัวองค์กร ส่วนจะเป็นอุปนายกท่านใดนั้น ให้ทางสมาคมไปตรวจสอบกันเอง

ด้าน ดร.วิเชียรเปิดเผยว่า การตรวจสอบนักข่าวที่รับเงินจากแหล่งข่าวในคดีแรกนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างสอบข้อเท็จจริงพยานไปเกือบเสร็จแล้ว เหลืออีกแค่บางปากก็จะเสร็จสมบูรณ์ คาดว่าจะขยายเวลาออกไปอีกประมาณ 1 เดือน ก็น่าจะเพียงพอในการตรวจสอบทั้ง 2 กรณี ก่อนจะมีการเปิดเผยผลการตรวจสอบในคราวเดียวกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สาเหตุที่ทำให้การตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีนักข่าวรับเงินจากแหล่งข่าวในคดีแรกล่าช้า ทั้งที่สอบข้อเท็จจริงพยานไปเกือบเสร็จแล้ว  เนื่องจากยังรอพยานปากสำคัญอย่าง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์เข้าให้ปากคำอยู่ ซึ่งมีรายงานเพิ่งจะประสานสภาทนายความฯ ว่าอาจจะเข้าให้ข้อมูลในสัปดาห์หน้า.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ชุดสอบคดี 'บิ๊กต่อ' ยันไม่ล่าช้า มีหลักฐานพอสมควรแต่เปิดเผยไม่ได้

พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2(ผบก.น. 2) เปิดเผยภายหลังประชุมร่วมกับคณะพนักงานสอบสวนคดีฟอกเงินเว็บพนันออนไลน์บีเอ็นเคและในส่วนที่ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม