วันที่4ดับอีก73 สะสม226ราย! คดี‘เมาขับ’พุ่ง

ประเดิมปีใหม่เกิดอุบัติเหตุ 574 ครั้ง ดับ 73 ราย ยอดสะสม 4 วันรณรงค์อุบัติเหตุเฉียด 2 พันครั้ง ตายแล้ว 226 ราย “กทม.” ครองแชมป์เสียชีวิต ตร.ฟุ้งยอดลดเทียบปีที่แล้ว แต่ศาลเผยคดีเมาแล้วขับพุ่ง “นายกฯ” กำชับใช้กฎหมายเข้มช่วงเดินทางกลับ

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 2 มกราคม นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร รองปลัดกระทรวงมหาดไทย (มท.) หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านสาธารณภัยและพัฒนาเมือง ในฐานะประธานการประชุมคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนตลอดทั้งปี แถลงว่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน (ศปถ.) ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) และความร่วมมือของหน่วยงานภาคีเครือข่าย ได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 1 ม.ค. ซึ่งเป็นวันที่ 4 ของการรณรงค์ชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่อย่างปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ เกิดอุบัติเหตุ 574 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 73 ราย ผู้บาดเจ็บ 574 คน โดยสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ดื่มแล้วขับ 37.28% ขับรถเร็ว 35.71% ส่วนยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ 89.27% ส่วนใหญ่เกิดบนเส้นทางตรง 81% ถนนกรมทางหลวง 37.80% ซึ่งช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 03.01-06.00 น. 25.96% ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุดอยู่ในช่วงอายุ 30-39 ปี หรือ 17%

นายนิรัตน์แถลงอีกว่า ได้มีการจัดตั้งจุดตรวจหลัก 1,890 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 42,189 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 419,239 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดีรวม 85,196 ราย มีความผิดฐานไม่สวมหมวกนิรภัย 24,279 ราย ไม่มีใบขับขี่ 21,815 ราย โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ กาญจนบุรี 24 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร 6 ราย จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ กาญจนบุรี 31 คน ทั้งนี้อุบัติเหตุทางถนนสะสมในช่วง 4 วัน เกิดอุบัติเหตุรวม 1,906 ครั้ง ผู้เสียชีวิตรวม 226 ราย ผู้บาดเจ็บรวม 1,894 คน จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุดได้แก่ เชียงใหม่ 74 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ กทม. 14 ราย จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ 70 คน และมีจังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต 35 จังหวัด

ด้าน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารงานจราจร (ผอ.ศจร.ตร.) ระบุว่า สถิติสะสม 4 วันของเทศกาลปีใหม่ ตั้งแต่วันที่ 29 ธ.ค.2564-1 ม.ค.2565 เทียบกับเทศกาลปีใหม่ปีที่แล้ว สถิติอุบัติเหตุยังลดลง โดยการเกิดอุบัติเหตุวันที่ 1 ม.ค.มีทั้งสิ้น 574 ครั้ง ลดลงจากวันที่ 1 ม.ค.2564 จำนวน 138 ครั้ง หรือลดลง 19.38% ยอดสะสม 4 วันของเทศกาลปีใหม่ 2565 อุบัติเหตุเกิด 1,906 ครั้ง ลดลงจากปีใหม่ปีที่แล้ว 454 ครั้ง หรือลดลง 19.24% ส่วนผู้บาดเจ็บ วันที่ 1 ม.ค.จำนวน 574 คน ลดลงจากปีที่แล้ว 131 คน หรือลดลง 18.58% ยอดสะสม 4 วันแรกของเทศกาลปีใหม่ 2565 บาดเจ็บ 1,894 คน ลดลงจากปีใหม่ 446 คน หรือลดลง 19.06% ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตวันที่ 1 ม.ค.มีจำนวน 73 ราย ลดลงจากปีที่แล้ว 11 ราย หรือลดลง 13.10% และยอดสะสม 4 วันแรกของเทศกาลมีผู้เสียชีวิต 226 ราย ลดลงจากปีใหม่ปีที่แล้ว 58 ราย หรือลดลง 20.42%

ขณะที่นายวิตถวัลย์ สุนทรขจิต อธิบดีกรมคุมประพฤติ กล่าวว่า สถิติคดีขับรถในขณะเมาสุราที่ศาลสั่งคุมความประพฤติ ต้อนรับวันปีใหม่ 1 ม.ค.มีเพียง 52 คดี เนื่องจากศาลส่วนใหญ่ปิดทำการ ซึ่งสถิติยอดรวมสะสม 4 วัน มี 2,952 คดี จำแนกเป็น คดีขับรถขณะเมาสุรา 2,458 คดี คิดเป็น 83.27% คดีขับเสพ 484 คดี 16.4% คดีขับรถประมาท 10 คดี 0.34% จังหวัดที่มีสถิติคดีขับรถขณะเมาสุรา ยอดสะสมสูงสุด 3 อันดับยังคงเป็นจังหวัดเดิม ได้แก่ ชัยภูมิ 194 คดี สกลนคร 159 คดี และบุรีรัมย์ 157 คดี ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบสถิติคดีเข้าสู่คุมประพฤติในวันที่ 4 ของช่วงเทศกาลปีใหม่ 2564 และ 2565 พบว่า คดีขับรถในขณะเมาสุรา ปี 2564 จำนวน 36 คดี และปี 2565 มีจำนวน 52 คดี เพิ่มขึ้น 16 คดี

นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม อธิบดี ปภ. ในฐานะเลขานุการ ศปถ. กล่าวว่า วันที่ 2 ม.ค.คาดว่าจะมีประชาชนบางส่วนทยอยเดินทางกลับ ทำให้เส้นทางหลักกลับเข้าสู่ กทม.และจังหวัดใหญ่ในภูมิภาคต่างๆ มีปริมาณรถเพิ่มขึ้น ประกอบกับความอ่อนล้าของผู้ขับขี่ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ง่วง หลับในได้ ขณะที่บางส่วนยังคงเพื่อท่องเที่ยวและเฉลิมฉลองอยู่ในพื้นที่ ศปถ.จึงได้ประสานจังหวัดสนธิกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและอาสาสมัครอำนวยการจราจรและดูแลความปลอดภัยแก่ประชาชนตลอดเส้นทาง ดำเนินมาตรการดูแลความปลอดภัยในการเดินทางอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง โดยปรับแผนเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจบนเส้นทางสายหลัก สายรอง และจุดเสี่ยงอันตรายที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง รวมถึงเพิ่มความถี่ในการจัดตั้งจุดตรวจบนเส้นทางสายหลัก ทางร่วม ทางแยก เพื่อชะลอความเร็วรถและประเมินความพร้อมของผู้ขับขี่ เน้นกวดขันพฤติกรรมเสี่ยงและการใช้อุปกรณ์นิรภัย โดยเฉพาะบริเวณจุดเสี่ยงอุบัติเหตุเส้นทางตรงที่มีระยะทางยาวที่มักเกิดอุบัติเหตุจากการหลับใน อีกทั้งเข้มข้นการดูแลเส้นทางสายรองที่ประชาชนใช้เป็นทางลัดและทางเลี่ยงเมือง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นถนนทางตรง วิ่งสวนเลน และไม่มีเกาะกลาง จึงสามารถใช้ความเร็วได้สูง ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงคมนาคม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย โดย ปภ.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลอำนวยความสะดวกประชาชนในการเดินทางกลับจากภูมิลำเนา และเดินทางกลับจากการท่องเที่ยวหลังเทศกาลปีใหม่ ซึ่งจะมีประชาชนเดินทางเข้ามาในพื้นที่ กทม.และปริมณฑลจำนวนมาก จึงให้ทุกหน่วยงานดูแลด้านการจราจร ความปลอดภัย ลดอุบัติเหตุ ให้ปีใหม่ 2565 เป็นเทศกาลแห่งความสุข ปลอดภัย

น.ส.ไตรศุลีกล่าวว่า สำหรับมาตรการลดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 ปภ.ได้รณรงค์ภายใต้แนวคิดชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่อย่างปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ โดยสถิติอุบัติเหตุจากการเดินทางปีนี้ พบสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ส่วนใหญ่มาจากขับรถเร็ว ดื่มแล้วขับ ส่วนยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดคือ รถจักรยานยนต์ ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 18.00-21.00 น. ดังนั้นจึงขอให้ทุกหน่วยงานช่วยกันป้องกัน ระงับยับยั้งอุบัติเหตุทางถนน เพื่อลดการสูญเสียให้ได้มากที่สุด

“นายกฯ ได้เน้นย้ำการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยต้องดำเนินการกับผู้ที่ฝ่าฝืนกฎจราจรทุกราย ไม่มีข้อยกเว้น เพราะถือเป็นปัจจัยสำคัญในการเกิดอุบัติเหตุ นำมาซึ่งความสูญเสีย พร้อมกันนี้ยังขอความร่วมมือประชาชนไม่ขับรถเร็วเกินกฎหมายกำหนด ดื่มไม่ขับ ขับขี่ยานพาหนะด้วยความระมัดระวัง ไม่ประมาท เพื่อลดความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นแก่ชีวิตและทรัพย์สินของตนเองและผู้อื่น และขอให้ประชาชนเดินทางด้วยความปลอดภัย ให้ขอพบเจอแต่สิ่งดีๆ ตลอดปี 2565 นี้” น.ส.ไตรศุลีกล่าว

สำหรับการเดินทางกลับไปทำงานในกรุงเทพฯ และจังหวัดต่างๆ ที่สถานีขนส่งจังหวัดนครราชสีมา แห่งที่ 2 ในช่วงสายเริ่มมีพี่น้องประชาชนจากอำเภอต่างๆ ใน จ.นครราชสีมา และชาวอีสานทยอยเดินทางมาจองตั๋วรถโดยสารปรับอากาศสาธารณะ ชั้น 1 ชั้น 2 และประจำเส้นทาง เพื่อเดินทางกลับ กทม.และจังหวัดในภาคกลาง รวมทั้งภาคตะวันออก เพื่อเตรียมตัวทำงานตามปกติเป็นไปอย่างคึกคัก โดยบรรยากาศประชาชนต่างอุ้มลูกจูงหลานหอบหิ้วกระเป๋าสัมภาระ เสบียงอาหาร ทั้งแบกทั้งอุ้มข้าวสาร อาหารแห้ง พะรุงพะรัง รวมถึงของฝาก ส่วนหนึ่งนำข้าวสาร ข้าวเหนียว ข้าวหัก เท่าที่สามารถนำติดตัวไปได้ คนละ 30-50 กก. ปล้าร้า ปลาร้าบอง ปลาแดก จ่อมกุ้ง พริกแห้ง เกลือต่างๆ เป็นต้น เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายได้ 3-4 เดือน

ส่วน พล.ท.สวราชย์ แสงผล แม่ทัพภาคที่ 2 พร้อมด้วยนายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการ จ.ขอนแก่น ตรวจเยี่ยมจุดบริการประชาชนริมถนนเลี่ยงเมือง ด้านหน้าสำนักงานเทศบาลตำบลบ้านเป็ด ต.บ้านเป็ด อ.เมืองฯ จ.ขอนแก่น พร้อมมอบสิ่งของให้กับเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครที่ปฏิบัติงานประจำจุดบริการประชาชน ประกอบด้วย กาแฟ เครื่องดื่มชูกำลัง หน้ากากอนามัย และเจลแอลกอฮอล์ ท่ามกลางบรรยากาศการเดินทางกลับที่ขณะนี้เริ่มมีปริมาณรถที่หนาแน่นมากขึ้น.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง