1ต.ค.ขึ้นค่าแรง400ทั่วปท.

แรงงานได้เฮแน่! "อนุทิน"  ปักธง 1 ต.ค. ขึ้นค่าจ้าง 400 เท่ากันทั่วประเทศ ขณะที่ "พิพัฒน์" พร้อมเดินสายพบนายทุนต่างชาติในพื้นที่ส่อติดขัด      ขณะที่หัวหน้าพรรคก้าวไกลกังขาขึ้นแบบมีเงื่อนไข รัฐบาลโยนหินถามทางไปเรื่อยๆ ด้าน "แจ้ วุฒิพงศ์" แค้นฝังหุ่น  ลากไส้ชุดใหญ่ขบวนการตบทรัพย์โรงงานทุนจีนโยงเด็กก้าวไกล กมธ.แรงงานนั่งไม่ติด จ่อสุมหัว 8 พ.ค. 

เมื่อวันที่ 1 พ.ค.2567 ที่ลานคนเมือง   ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร   นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในพิธีเปิดงานวันแรงงานแห่งชาติ 1 พฤษภาคม 2567  โดยมีนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวรายงาน นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน นายทวี ดียิ่ง ประธานคณะกรรมการจัดงานวันแรงงานแห่งชาติ ประจำปี 2567 ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน ผู้นำแรงงาน และพี่น้องผู้ใช้แรงงานหลายพันคน ร่วมให้การต้อนรับ

นายอนุทินกล่าวว่า ในวันนี้ตนรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับมอบหมายจากท่านนายกรัฐมนตรีให้มาเปิดงานวันแรงงานแห่งชาติในนามของรัฐบาล เพื่อเฉลิมฉลองความสำคัญของวันแรงงานแห่งชาติ ร่วมกับพี่น้องแรงงานทุกคน ซึ่งเป็นกำลังหลักในการสร้างความเจริญก้าวหน้าต่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศตลอดมา ซึ่งท่านคงเห็นเหมือนที่ตนเห็น ว่าพวกเรากำลังอยู่ในยุคที่มีความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งล้วนส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของแรงงานและการจ้างงาน ไม่ว่าจะเป็นความเปลี่ยนแปลงจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร การเข้าสู่สังคมสูงวัย หรือการเปลี่ยนแปลงของสภาวะภูมิอากาศ รวมถึงการแพร่ระบาดของโรคอุบัติใหม่ ซึ่งรัฐบาลตระหนักดีถึงความท้าทายที่เกิดขึ้น

 “จึงได้มีความพยายามดำเนินนโยบาย สร้างเสริมคุณภาพชีวิต ให้แรงงานทุกคนมีสุขภาพดี มีรายได้ มีความมั่นคง ผ่านการดำเนินงานต่างๆ  ของกระทรวงแรงงาน ไม่ว่าจะเป็นการเร่งรัดการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาท โดยจะดำเนินการทั่วประเทศเป็นของขวัญ 1 ตุลาคม 2567 การเสนอร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและคุ้มครองแรงงานอิสระ จัดหลักสูตร up skill เพื่อแรงงานไทยในยุคดิจิทัล โครงการฟรี Safety Service เพื่อแรงงานปลอดภัย การเร่งออกกฎกระทรวง ว่าด้วยการคุ้มครองคนทำงานบ้าน หรือการส่งเสริมการพัฒนาระบบรักษาพยาบาล SSO Healthy เพื่อความปลลอดภัยที่เพิ่มขึ้น ในสถานที่ปฏิบัติงาน และการศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งกองทุนประกันความเสี่ยง สำหรับลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้าง” นายอนุทินระบุ

นายอนุทินกล่าวต่อว่า กระทรวงแรงงานยังได้ดำเนินการเพื่อยกระดับมาตรฐานสิทธิแรงงานไทย ด้วยการแต่งตั้งคณะทำงานการให้สัตยาบันต่อ  “อนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ” หลายฉบับ ไม่ว่าจะเป็นฉบับที่ว่าด้วยเสรีภาพในการสมาคมและการคุ้มครองสิทธิในการรวมตัว สิทธิในการรวมตัวและการเจรจาต่อรองร่วม การปรึกษาหารือไตรภาคี และอนุสัญญาที่ว่าด้วยความปลอดภัยและสุขภาพ อนามัยในทำงาน

"โดยเฉพาะฉบับที่ 144 ที่เป็นเรื่องการปรึกษาหารือไตรภาคีนั้น จะมีการเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบในเดือนพฤษภาคมนี้ และลงนามให้สัตยาบันได้เดือนมิถุนายน ณ นครเจนีวาต่อไป ถือเป็นข่าวดีสำหรับวันแรงงานแห่งชาติของเราในปีนี้ และแน่นอน ข้อเรียกร้องต่างๆ ที่ท่านได้นำมาเสนอในวันนี้ รัฐบาลจะรับฟัง และให้ความสำคัญในการพิจารณาขับเคลื่อนต่อไป"   นายอนุทินระบุ

ยัน 1 ต.ค.ค่าแรง 400

ขณะที่นายพิพัฒน์กล่าวว่า นโยบายของรัฐบาลได้ประกาศว่าในปี 2567 นี้จะต้องได้เห็นค่าจ้างขั้นต่ำที่ 400 บาทต่อวัน ทุกกิจการทุกภาคส่วน ซึ่งนายอนุทินได้ประกาศชัดว่าจะมีการประกาศค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาทต่อวันในวันที่ 1 ต.ค.นี้ ทั้งนี้ ในส่วนของความล่าช้าที่เกิดขึ้น เพราะต้องหารือร่วมกับคณะกรรมการค่าจ้าง หรือไตรภาคี ที่มีปลัดกระทรวงแรงงานเป็นประธาน ต้องมีการศึกษาข้อมูลต่างๆ ว่าวิชาชีพใดมีความพร้อมหรือยังไม่พร้อม ซึ่งเรายังมีระยะเวลาจากนี้ไปอีก 5-6 เดือน ในการประสานงานให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ โดยเฉพาะผู้ประกอบการ SME ที่เป็นผู้ถือครองแรงงานมากที่สุด

นายพิพัฒน์ระบุอีกว่า สำหรับการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำครั้งนี้ ตนสามารถที่จะประกาศได้ เพราะเป็นนโยบายของรัฐบาลที่ชัดเจน แต่เมื่อประกาศไปแล้วเราจะทำอย่างไรให้สมบูรณ์ที่สุด เพราะเมื่อประกาศค่าจ้าง 400 บาทแล้ว SME ยังคงต้องเดินต่อไปให้ได้ และจะเชิญเจ้าของธุรกิจต่างๆ รวมถึง SME มาหารือกัน เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือหลังการปรับขึ้นค่าแรง

 “ขณะเดียวกัน ก่อนหน้านี้ได้มีสมาคมธุรกิจโรงแรมเข้ามาพบ พร้อมแจ้งว่ามีความพร้อมปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาทในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ แต่ขอให้รัฐบาลช่วย Up-Re Skills ให้พนักงานด้วย ซึ่งผมจะนำข้อเสนอนี้ไปหารือกับท่านนายกฯ ว่าในการดำเนินงานต้องใช้งบประมาณเท่าไหร่ เพราะเป็นหน้าที่ของผมที่จะไปของบประมาณกลางมาทำการดำเนินการ” นายพิพัฒน์ระบุ

ลุยคุยนายทุนต่างชาติ

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้ถามย้ำถึงการปรับขึ้นค่าจ้าง 400 บาทต่อวัน จะดำเนินการในรูปแบบใด และจะปรับขึ้นในทุกอาชีพและทุกจังหวัดทั่วประเทศใช่หรือไม่ นายพิพัฒน์กล่าวว่า เป็นการปรับขึ้นทุกอาชีพทั่วประเทศให้เป็น 400 บาทต่อวัน แต่ในช่วง 4-5 เดือนนี้ จะต้องหารือร่วมกับผู้ประกอบการที่ยังไม่พร้อม ว่าจะทำอย่างไรให้สามารถปรับขึ้นได้ โดยจะมีการประสานกับกระทรวงมหาดไทย ผ่านผู้ว่าราชการทุกจังหวัด ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่โดยร่วมกับกระทรวงแรงงานในการลงไปหาผู้ประกอบการในพื้นที่

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า การปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาทต่อวัน จะทำทุกพื้นที่อย่างเท่าเทียมหรือไม่ นายพิพัฒน์ กล่าวว่า วันที่ 1 ต.ค.นี้ ทั่วประเทศจะได้ค่าจ้างขั้นต่ำที่เท่าเทียมกันทุกพื้นที่ 77จังหวัดของไทย ไม่ว่าจังหวัดนั้นจะเป็นปัตตานี ยะลา นราธิวาส ที่เดิมมีการปรับเพิ่มขึ้นเพียง 2 บาท โดยครั้งนี้เราจะปรับให้อยู่ในอัตราส่วนที่เท่าเทียมกัน เพื่อที่จะเดินหน้าไปสู่วันละ 600 บาทในปี 2570

นายพิพัฒน์ระบุว่า ยอมรับว่าในการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท ตนคิดว่าตลอดระยะเวลา 8 เดือนที่ผ่านมา ตนและปลัดกระทรวงยังมีความกังวลในการปรับขึ้นเป็น 400 บาท จึงไม่ได้ประกาศไปในวันที่ 1 มกราคม 2567 ฉะนั้น เมื่อรัฐบาลบริหารประเทศผ่านไปแล้วมากกว่า 6 เดือน วันนี้เศรษฐกิจดีขึ้นในภาคส่วนการท่องเที่ยว จึงมีการประกาศค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาท นำร่อง 10 จังหวัดภายในวันที่ 13 เม.ย.ที่ผ่านมา

เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ นายพิพัฒน์ กล่าวว่า มีความกังวลอย่างมาก แต่ตนเองจะต้องไปหารือกับผู้ประกอบการ โดยเฉพาะนักธุรกิจชาวต่างชาติ เพื่อดูว่าผู้ประกอบการไหวหรือไม่ หรือถ้าไม่ไหว อยากให้รัฐบาลช่วยอย่างไร คือสิ่งที่ตนและกระทรวงแรงงานจะต้องไปหาข้อมูลเพิ่มเติม

วันเดียวกัน พรรคก้าวไกล นำโดย นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล นำ สส.พรรคก้าวไกล ร่วมเดินขบวนแรงงานจากบริเวณหน้าสนามมวยราชดำเนินไปที่ลานคนเมือง เนื่องในวันแรงงานแห่งชาติ 2567 โดยระบุว่า น่าเสียดายที่วันนี้ควรจะเป็นวันที่รัฐบาลน่าจะมีคำตอบที่ชัดเจนให้กับพี่น้องผู้ใช้แรงงาน ซึ่งรอคอยรัฐบาลใหม่มา 7-8 เดือนแล้ว ว่าจะมีนโยบายที่ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องสิทธิแรงงาน สวัสดิการแรงงาน รวมถึงเรื่องค่าแรงอย่างไร แต่ดูจะมีแต่ความไม่ชัดเจนเหมือนที่ผ่านๆ มา โยนก้อนหินถามทางเรื่อยๆ

“ถ้าจะมีการขึ้นค่าแรงจริง จะขึ้นเท่าไหร่ ถ้าเป็น 400 บาท จะเป็น 400 บาทแบบมีดอกจันหรือไม่ จะมีเงื่อนไขเฉพาะบางสถานประกอบการ บางอำเภอ บางตำบลเท่านั้นหรือไม่ นี่ก็เป็นข้อกังวล เพราะมาตรการขึ้นค่าแรง 400 บาทบางส่วนที่ออกมาแล้ว ก็ทำให้พี่น้องผู้ใช้แรงงานผิดหวัง เพราะเป็นการขึ้นในภาคส่วนที่ทราบดีอยู่แล้วว่า มีค่าแรงเกิน 400 บาทอยู่แล้ว" นายชัยธวัชระบุ

ด้านนายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า รัฐบาลนี้ไม่ได้ให้ความสำคัญต่อนโยบายด้านแรงงานเลย ที่หาเสียงไว้แค่ลมปากที่ไม่สามารถทำได้จริง รัฐบาลสอบตกในเรื่องนี้ แต่พรรคประชาธิปัตย์จะเร่งผลักดันช่วยเหลือแก้ปัญหาให้ผู้ประกอบการและพี่น้องผู้ใช้แรงงานผ่านกลไกสภาผู้แทนราษฎรอย่างเต็มที่ และในวันสำคัญนี้ ขอเป็นกำลังใจให้พี่น้องผู้ใช้แรงงานทุกคน

แฉ ก.ก.โยงตบทรัพย์

ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการ (กมธ.)  การแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร โดยนายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง สส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย ในฐานะประธาน กมธ. ร่วมกับนายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส. ปราจีนบุรี รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนา  แถลงข่าวกรณีที่มีกลุ่มผู้แอบอ้างเป็นคณะทำงานของ กมธ.การแรงงาน ลงพื้นที่เรียกรับเงินจากโรงงานและไซต์งานในจังหวัดปราจีนบุรี

โดยนายวุฒิพงศ์ระบุว่า เมื่อวันที่ 24 เม.ย.ผ่านมา ได้มีผู้แอบอ้าง กมธ.การแรงงานติดต่อเข้ามาที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดปราจีนบุรี เพื่อลงพื้นที่ก่อสร้างโรงงานของบริษัททุนจีน โดยมีจุดประสงค์เพื่อเรียกรับผลประโยชน์ ซึ่งในวันนั้นผู้ที่แอบอ้างไม่ได้มีเอกสารอะไรมาจาก กมธ.การแรงงาน มีแต่บัตรผ่านเข้า-ออกอาคารรัฐสภาเท่านั้น ว่าเป็นผู้ติดตาม สส.ท่านหนึ่ง

 “ปรากฏว่าวันที่ 27 เม.ย. กลุ่มผู้แอบอ้างกลุ่มเดิมเกิดความชะล่าใจ ลงพื้นที่ไซต์งานก่อสร้างทางหลวงชนบท เราจึงซักซ้อมแผนกันคร่าวๆ ว่าจะบุกไปจับ ซึ่งกลุ่มคนดังกล่าวอ้างชื่อ สส.คนเดิมกับวันที่ 24 เม.ย. โดยทุกคนไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับ กมธ.การแรงงาน   จากนั้นได้ควบคุมตัวกลุ่มคนแอบอ้าง ทั้งหมด 6 คน ไปลงบันทึกประจำวันที่ สภ.เมืองปราจีนบุรี แต่ใน 3 คนนั้นขับรถหนี คนกลุ่มนี้มักลงพื้นที่ไซต์งานที่มีขนาดกลางขึ้นไป มีคนงานประมาณ 10 คนขึ้นไป จะตระเวนไปก่อนว่ามีความผิดหรือไม่ โดยความเสียหายที่คนกลุ่มนี้ไปแอบอ้าง ข่มขู่ เรียกทรัพย์นั้น ได้เรียกรับเงินจำนวนนับหมื่นบาท” นายวุฒิพงศ์ระบุ 

ขณะที่นายสฤษฏ์พงษ์กล่าวว่า เรียนยืนยันว่าคณะ กมธ.การแรงงานไม่เคยมีหนังสือ ไม่เคยในการแต่งตั้งเป็นหน่วยลับ หน่วยเฉพาะกิจให้ไปตรวจสอบที่ไซต์งาน ไม่เคยมีหนังสือสักฉบับเดียว และบุคคลกลุ่มนี้ตนไม่เคยรู้จัก และไม่ได้เป็นคณะ กมธ.ของคณะตน เป็นเพียงผู้ติดตามของ สส.ท่านหนึ่ง และอยู่ในคณะ กมธ.ชุดของตน แต่ยังไม่ได้สอบถาม

เมื่อถามว่า ชื่อที่ปรากฏเป็นข่าวคือนายสุเทพ อู่อ้น สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล จะต้องมีการเรียกมาคุยหรือไม่  นายสฤษฏ์พงษ์กล่าวว่า จะต้องมีการสอบถาม แต่โดยส่วนตัวยังไม่ได้พูดคุยกัน ทั้งนี้ยังตอบไม่ได้ว่านายสุเทพมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ ต้องฟังหลายฝ่าย โดยตนเองก็รับปากแล้วว่าจะไปตรวจสอบโรงงานที่ปราจีนบุรี จะไปพบกับทุกหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง

ส่วนมูลค่าความเสียหายนั้น นายสฤษฏ์พงษ์กล่าวว่า ยังไม่ทราบตัวเลข  แต่ได้รับทราบแล้วว่ามีบริษัทจ่ายไปแล้วสองครั้ง ครั้งละ 2 หมื่นบาท แต่มีบริษัทอีกบริษัทหนึ่งที่ใหญ่กว่า ยังไม่ทราบตัวเลขว่าจ่ายไปเท่าไหร่ จะมีการเรียกประชุมเร็วที่สุดในวันที่ 8 พ.ค.นี้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง