นายกฯเซ็นส่งบิ๊กต่อกลับ โยนตร.เคลียร์เก้าอี้‘โจ๊ก’

"เศรษฐา" เซ็นคำสั่งส่ง "ต่อศักดิ์"  กลับ ตร. รับไม่แน่ใจปัญหาศึกสีกากีจบหรือไม่  "วิษณุ" แถลงผลสอบ คกก.ชุดปลัดฉิ่ง สอบปมขัดแย้ง 2 บิ๊กสีกากีจบแล้ว คดีความให้หน่วยงานเกี่ยวข้องดำเนินการต่อ ชี้คำสั่งเขี่ย “โจ๊ก” ออกจากราชการไม่ถูกต้อง โยน ตร.ทำให้สมบูรณ์ก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย เชื่อหลัง "บิ๊กต่อ" เกษียณทุกอย่างจะเบาลง "โรม" ผิดหวังผลสอบ บอกไม่มีการแก้ไขปัญหาที่ชัดเจน สะท้อนวุฒิภาวะ  "รัฐบาล-นายกฯ" จ่อขอเอกสารสอบหากไม่ให้อาจถูกครหาซูเอี๋ย "ทนายตั้ม" ปูดเคยมีดีลลับเคลียร์เลิกจี้คดีต่อศักดิ์ แลกโจ๊กกลับเก้าอี้พร้อมการดูแล

เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. เวลา 09.25 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี จะแถลงผลการสอบของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีปรากฏเป็นข่าวต่อสาธารณะเกี่ยวกับความขัดแย้งในเรื่องคดีของบุคลากรภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. จะทำให้ศึกสีกากีจบหรือไม่ว่า หวังเป็นขั้นตอน เป็นความก้าวหน้าถึงปัญหาที่เกิดขึ้นมา แต่ถามว่าจะจบเลยหรือเปล่ายังไม่แน่ใจ

นายกฯ ยังได้ย้อนถามผู้สื่อข่าวเมื่อซักถึงเอกสารหลุดการส่งตัว พล.ต.อ.ต่อศักดิ์กลับ ตร.ว่า  มีลายเซ็นตนหรือเปล่า เมื่อผู้ข่าวตอบว่า ยังไม่มี  นายเศรษฐายิ้มพร้อมกล่าวว่า “โอเคครับ” พร้อมบอก "ผมไม่คอมเมนต์ครับ ผมไม่ทราบ ผมไม่ได้ดูด้วย”

กระทั่งเวลา 11.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี แถลงว่า คณะกรรมการชุดนี้ได้ตั้งอนุกรรมการหลายชุดขึ้นมาช่วย ช่วง 4 เดือนได้มีการสอบพยานไปกว่า 50 คน ในจำนวนนี้ได้สอบสวนคู่กรณีคือ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ผลสอบสรุปว่า 1.มีความขัดแย้งและความไม่เรียบร้อยใน ตร.จริง มีความขัดแย้งทั้งในระดับสูง กลาง เล็ก ทุกระดับ ทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเกิดขึ้นจากเหตุเดียวกันหรือเหตุอื่น  จนกระทั่งเกิดเป็นคดีความร้องเรียนกันทั้งภายในและภายนอก ตร.

2.เรื่องที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่จะเกี่ยวพันกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และแต่ละคนจะมีทีมงานของตัวเอง ทีมงานก็เกิดความขัดแย้งกันด้วย โดยมีคดีสำคัญที่เกี่ยวพันกับคนเหล่านี้ เช่น คดีเป้รักผู้การ 140 ล้านบาท, คดีกำนันนก,  คดีมินนี่, คดีพนันออนไลน์บีเอ็นเค และคดีย่อยๆ  อีก 10 คดี กระจายกันตามสถานีตำรวจต่างๆ และศาล โดยเฉพาะศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ความขัดแย้งบางเรื่องเพิ่งเกิด และบางเรื่องเกิดขึ้นเป็นสิบปีแล้ว 3.เมื่อเป็นเช่นนี้ ต้องดำเนินการส่งเรื่องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับผิดชอบไป  บางเรื่องส่งให้หน่วยงานกระบวนการยุติธรรม ทั้งตำรวจ อัยการ ศาล ว่ากันตามปกติ 4.บางเรื่องเกี่ยวกับหน่วยงานนอกกระบวนการยุติธรรม คือองค์กรอิสระ เช่น ป.ป.ช. ปปง. ดีเอสไอ ซึ่งคดีต่างๆ มีเจ้าภาพรับผิดชอบแล้วทั้งสิ้น

 5.กรณีของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ที่ถูกสั่งให้มาช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 มี.ค.67 แต่เนื่องจากได้รับคำสั่งให้กลับไปปฏิบัติราชการที่ ตร.ตั้งแต่ 18 เม.ย.67 และวันเดียวกันมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาอีกชุดเพื่อสอบสวนทางวินัย  และตามมาด้วยคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน 

"ส่วนกรณี พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ที่ยังไม่ได้กลับไป 

เมื่อแต่ละเรื่องมีเจ้าภาพรับผิดชอบแล้ว จึงสมควรที่จะส่ง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์กลับไปปฏิบัติราชการในตำแหน่งหน้าที่เดิม เพราะวันนี้ไม่มีอะไรสอบสวนแล้ว สอบสวนเสร็จแล้วหรืออะไรที่ยังไม่เสร็จก็อยู่ในมือ ป.ป.ช. จึงให้กลับไปดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.  ส่วนคดีจะเป็นอย่างไร ให้ดำเนินการตามสายงาน  หรือจะมีการตั้งคณะกรรมการสอบวินัยเพิ่มเติมหรือไม่ ให้เป็นเรื่อง ตร." นายวิษณุกล่าว

ที่ปรึกษาของนายกฯ กล่าวว่า คณะกรรมการชุดนี้ที่มีนายฉัตรชัย พรหมเลิศ เป็นประธาน ไม่ได้ชี้มูลว่าใครถูกใครผิด แต่ได้รายงานผลการสอบสวนให้นายกฯ ว่าพบเห็นความยุ่งยาก สับสน ระหว่างอำนาจสอบสวนของหลายหน่วยงาน ที่ไม่รู้ว่าอยู่ในอำนาจของใคร เช่น เรื่องไหนอยู่ในตำรวจ หรือ ป.ป.ช. เพราะคดีทุจริตมีเจ้าภาพมากเกินไป ซึ่งจริงๆ เจ้าภาพใหญ่คือ ป.ป.ช. แต่ละหน่วยงานอาจจะได้รับมอบหมายให้ทำรองๆ คณะกรรมการฯ จึงเสนอแนะว่าให้กระทรวงยุติธรรม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตรวจสอบให้ชัดว่าอำนาจหน้าที่อยู่ในอำนาจของใคร ต้องสอบสวนให้ถูกต้องว่าใครมีอำนาจกันแน่ เพื่อเป็นคู่มือให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องในอนาคต รวมถึงนายกฯ จะออกคำสั่งสำนักนายกฯ ให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ไปดำรงตำแหน่งเดิม  ส่วนการดำเนินการอย่างอื่น ให้ ผบ.ตร.และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการว่าจะต้องสอบวินัยใครเพิ่มเติมหรือไม่ 

บิ๊กต่อเกษียณทุกอย่างเบา

 ที่ปรึกษาของนายกฯ กล่าวว่า สำหรับกรณีของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ที่ถูกคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนนั้น เป็นการออกคำสั่งตามมาตรา 132 พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2505 ที่เคยทำกันมาในอดีต แต่ใน พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 ได้มีการเพิ่มมามาตราหนึ่งว่า ในกรณีที่สั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน แล้วไปกระทบต่อสิทธิประโยชน์ของบุคคลนั้น คำสั่งให้ออกราชการไว้ก่อนต้องทำโดยคำแนะนำของคณะกรรมการสอบสวน แต่เนื่องจากเมื่อวันที่ 18 เม.ย.67 มีการออกคำสั่งถึง 3 คำสั่งคือ สั่งให้กลับ ตร., สั่งตั้งกรรมการสอบวินัย และสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนทันที ซึ่งเป็นปัญหา และมีการส่งไปหารือคณะกรรมการกฤษฎีกา

"คณะกรรมการกฤษฎีกามีมติ 10 ต่อ 0 เห็นว่าการสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนไปกระทบต่อสิทธิประโยชน์และหน้าที่ รวมทั้งสิทธิการพิจารณาเลื่อนตำแหน่งของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จึงต้องทำตามคำแนะนำของคณะกรรมการสอบสวน แต่เรื่องนี้ไม่ผ่านคณะกรรมการสอบสวน คณะกรรมการกฤษฎีกาจึงเห็นว่าไม่ถูกต้องและไม่ชอบธรรม จึงให้ไปดำเนินการให้ถูกต้อง โดยสถานภาพของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ขณะนี้ถือว่าอยู่ระหว่างการรอนำความกราบบังคมทูลฯ ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ต้องตรวจสอบว่าทำถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ โดยขณะนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ได้ไปฟ้องคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมฯ (ก.พ.ค.ตร.) อยู่" ที่ปรึกษาของนายกฯ กล่าว

ถามว่า การส่ง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์กลับไป ตร. ปัญหาที่ยังค้างคาจะสามารถแก้ไขได้หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ที่ถามว่ากรณีมีความสับสนวุ่นวายจนไม่สามารถแก้ไขได้ การที่เอาทั้งสองคนออกมา เราไม่ได้เอาออกมาเพื่อที่จะแก้ไข แต่เอาออกมาเพื่อที่จะตรวจสอบในหลายๆ เรื่อง ซึ่งได้นำมาสู่การแก้ไขต่อไปที่จะมีในอนาคต นายกฯ ขอให้ทั้งสองฝ่ายปรองดองกันในงานราชการ ส่วนเรื่องส่วนตัวที่แต่ละคนมีอะไร และใครทำผิด ก็ขอให้ดำเนินการไปตาม

"เชื่อว่าสถานการณ์จากนี้จะเบาบางลง เพราะที่ผ่าน 4 เดือน ทั้งสองฝ่ายได้มีการพบปะพูดจากันมากพอสมควร คณะกรรมการฯ ก็ได้เข้าไปไกล่เกลี่ย แต่ไม่ได้เป็นการซูเอี๋ย และไม่ใช่มวยล้มต้มคนดู แต่หากไม่ทำเช่นนั้น ตร.จะไม่มีหัวขบวน  พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. จะรับงานไม่ไหว จำเป็นต้องมีกำลังเข้าไปช่วยเสริม โดยเฉพาะนโยบายของรัฐบาล ทั้งเรื่องยาเสพติด การพนันออนไลน์ และหนี้นอกระบบ ซึ่งจำเป็นจะต้องจัดการให้ได้โดยเร็วที่สุด ขอให้ไปแบ่งหน้าที่กันทำ จึงจำเป็นต้องส่งกลับไป" นายวิษณุกล่าว

 ย้ำว่าการที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์กลับไปจะเกิดความสงบเรียบร้อยใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า  คงไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่คงจะจบ สงบลงไปได้  เพราะเขาคงจะปรองดองกันในการทำงานราชการ ส่วนที่มีอะไรกินใจกันคงเป็นอีกเรื่องหนึ่ง และอีกไม่กี่เดือนจะมีการเตรียมหา ผบ.ตร.คนใหม่ แต่อย่างน้อยตอนนั้น พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ก็หลุด และไม่เข้ามาเกี่ยวในวงจร

เมื่อถามว่า คำสั่งที่ให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ออกจากราชการไว้ก่อน ใครจะต้องรับผิดชอบ นายวิษณุกล่าวว่า ถ้าทำไม่ถูกก็ไปทำให้ถูก ส่วนผู้ลงนามในคำสั่งจะมีความผิดหรือไม่นั้น ถ้ารู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือดำเนินการโดยสุจริตก็ไม่มีความผิด แต่ถ้ารู้อยู่แล้วว่า พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติมีการเปลี่ยนแปลงและไปกลั่นแกล้ง ถือว่ามีความผิด

ถามว่า ระหว่างที่ ตร.กลับไปทำตามคำแนะนำของคณะกรรมการสอบสวนฯ ให้ถูกต้อง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ยังสามารถกลับไปทำในตำแหน่งรอง ผบ.ตร.ได้ใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ต้องถือว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ถูกออกจากราชการไว้ก่อน แต่ยังไม่ได้การนำความขึ้นกราบบังคมทูลฯ และเหตุที่ยังไม่ได้มีการนำความขึ้นกราบบังคมทูลฯ เพราะกระบวนการที่ผ่านมายังไม่ถูกต้อง ซึ่ง ตร.ก็ต้องไปดำเนินการให้ถูกต้อง

ซักว่า หากกระบวนการเสร็จสิ้นแล้ว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ยังไม่หลุดออกจากตำแหน่ง ยังมีโอกาสลุ้นตำแหน่ง ผบ.ตร.หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า “มีครับ ใครก็มีโอกาสขึ้นมาทั้งนั้น ที่เป็นรอง ผบ.ตร.หรือเทียบเท่า”

เมื่อถามว่า กรอบเวลาในการตรวจสอบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มีกำหนดไว้หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่มี ตรงกันข้ามบางเรื่องที่อยู่ใน ป.ป.ช. เขายังระบุไม่ให้นำมาพิจารณาเกี่ยวกับการโยกย้าย

นายกฯ เซ็นคำสั่งแล้ว

ต่อมาเวลา 16.30 น. ที่อาคารรัฐสภา นายเศรษฐาเปิดเผยว่า ได้ลงนามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องให้ข้าราชการตำรวจกลับไปปฏิบัติราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) โดยให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์กลับไปปฏิบัติราชการฯ ในตำแหน่งเดิมเรียบร้อยแล้วช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้  และส่งไปแล้ว แต่คงต้องมีขั้นตอนในการที่จะไปถึง ตร. และไม่ทราบว่าใช้เวลานานหรือไม่ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเป็นคนจัดการให้ทั้งหมด  ซึ่งต่อไปนี้ต้องปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอนของ ตร. ซึ่งเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว วันนี้ถือว่าจบแล้ว

ส่วนที่นายวิษณุระบุว่านายกฯ อยากให้การทำงานภายใน ตร.มีความปรองดอง นายเศรษฐากล่าวว่า “ใช่ครับ อยากให้เป็นในลักษณะนั้น ความจริงแล้วต้องกลับไปที่เรื่องแรกเลยว่าพอเบอร์หนึ่งและเบอร์สองทะเลาะกัน มันก็ต้องโยกกลับมาที่สำนักนายกรัฐมนตรีก่อน เพื่อจะดำเนินการบริหารจัดการภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นไปด้วยความเรียบร้อย บัดนี้เรื่องของการสืบสวนสอบสวน ก็ต้องบอกว่าจบไปแล้ว"

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการเปรียบว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหมือนเป็นเด็กที่ทะเลาะกัน ขณะนี้ได้มีการห้ามปรามกันเรียบร้อยแล้ว แต่หากในอนาคตเด็กทั้งคู่ยังทะเลาะกันอีกจะทำอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า "เราน่าจะมองบวกบ้างนะ ว่าถ้าเกิดกลับไปแล้ว แล้วเขาก็น่าจะรักกันและดีกันแล้ว"

ส่วนกรณีนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย  ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร แถลงว่าผลสอบที่ออกมาไม่มีความชัดเจน  ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของปัญหาเว็บพนันออนไลน์ หรือกรณีของ 2 บิ๊กตำรวจนั้น นายกฯ กล่าวว่า ในเรื่องของเว็บพนันกำลังสืบอยู่ และจับได้จำนวนมาก  การทำงานมีความคืบหน้าในการปฏิบัติหน้าที่อยู่แล้ว

สำหรับการวิพากษ์วิจารณ์เรื่อง 2 บิ๊กตำรวจ ที่มอบหมายให้นายวิษณุออกมาเป็นผู้แถลง ผลไม่เป็นที่น่าพอใจ นายเศรษฐาย้อนถามว่า "เห็นผลการสอบแล้วหรือ ขอให้ไปดูในรายละเอียดทั้งหมดก่อนดีกว่ามั้งครับ"

เมื่อถามว่า ฝ่ายค้านจะขอดูเอกสารผลสอบได้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่ทราบ ต้องว่าไปตามกฎหมาย

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากมีคำสั่งให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์กลับมาทำงานตามเดิมนั้น บริเวณด้านหน้าสำนักงานได้มีคนงานเข้ามาดูแลต้นไม้และดอกไม้ และมีการปรับภูมิทัศน์ภายในรั้ว ตร. มีการนำต้นไม้และดอกไม้มาตกแต่งสถานที่ ขณะที่ห้องทำงานของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ บริเวณชั้น 1 อาคาร 1 ส่วนหน้า ยังไม่มีการติดป้ายชื่อ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์

นอกจากนี้ เว็บไซต์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (www.royalthaipolice.go.th) เดิมได้ถอดรูป พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ออกจากทำเนียบผู้บังคับบัญชา ระดับรอง ผบ.ตร. แต่ล่าสุดพบว่ามีการนำรูปและชื่อกลับเข้ามาอยู่ในทำเนียบผู้บังคับบัญชาระดับรอง ผบ.ตร. ตามเดิมแล้ว

'โรม-ษิทรา' ผิดหวังผลสอบ

ด้านนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ กล่าวถึงการส่งตัว พล.ต.อ.ต่อศักดิ์กลับ ตร.ว่า เรื่องนี้เป็นข้อกล่าวหาที่ร้ายแรง ในแง่ที่มีตำรวจระดับสูงรับเงินจากเว็บพนัน สังคมรอคอยคำตอบว่าจะมีความชัดเจนอย่างไรในการดำเนินการทางกฎหมาย เวลาผ่านไปหลายเดือน สังคมยังไม่เห็นว่าความชัดเจนของการตรวจสอบคืออะไร  จึงทำให้เกิดความสงสัยว่ารัฐบาลทำอะไรอยู่ จะจบแบบนี้ใช่หรือไม่ คือต่างฝ่ายต่างแยกย้าย แล้วเวลาที่ผ่านมาไม่มีความหมายใช่หรือไม่

"ไม่ใช่เด็กทะเลาะกันแล้วมาจับแยก แล้วพูดว่าหายๆ กันไป หากทำแบบนั้นเป็นการจัดการที่ไม่มีวุฒิภาวะของรัฐบาล สิ่งที่นายวิษณุแถลงออกมาก็ยังไม่ชัดเจนเพียงพอที่จะยอมรับได้ ต้องไม่ลืมว่าองค์กรตำรวจอยู่ภายใต้นายกฯ หมายความว่า หากมีปัญหาเช่นนี้ก็กระทบถึงสถานะนายกฯ" นายรังสิมันต์กล่าว

ถามว่า ควรจะมีการเปิดเผยเอกสารในการสอบสวนหรือไม่ นายรังสิมันต์กล่าวว่า การเปิดเผยผลการสอบสวนเป็นขั้นต่ำของความโปร่งใส การแถลงของนายวิษณุค่อนข้างน่าผิดหวัง ไม่คิดว่าเป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี มีอำนาจพอๆ กับรองนายกรัฐมนตรี น่าจะทำอะไรได้มากกว่านี้ สุดท้ายกลายเป็นปัญหาที่ถูกซุกไว้ใต้พรมขององค์กรตำรวจที่ไม่ได้รับการคลี่คลาย

ซักว่า กมธ.มีสิทธิในการขอเรียกเอกสารการสอบสวนได้หรือไม่ นายรังสิมันต์กล่าวว่า คงต้องตรวจสอบ อยู่ในพิสัยตามกรอบอำนาจของ กมธ. อยู่แล้ว ขึ้นว่าเขาจะให้หรือไม่ หากไม่ให้จะส่งกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชน ซึ่งเรามีการตั้งคณะอนุกรรมาธิการเพื่อศึกษาการปฏิรูปตำรวจด้วย

ที่โรงแรมบางกอกมิดทาวน์ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ แถลงข่าวหัวข้อการกลับมาดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. ของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ และดีลลับติดต่อเข้ามาเสนอช่วย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กลับตําแหน่ง

นายษิทรากล่าวว่า ตนเคยได้รับการติดต่อจากนักการเมืองระดับผู้ใหญ่ที่นับถือมาเสนอดีลลับ โดยจะให้หยุดการดำเนินคดีกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์  เพื่อแลกกับการที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ได้กลับตำแหน่งเดิม รวมทั้งได้ข้อมูลมาว่าการที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์รีบกลับมาดำรงตำแหน่งนั้น เนื่องจากมีภารกิจใหญ่ในเดือนหน้า คาดว่าเมื่อแล้วเสร็จภารกิจดังกล่าวจะลาออก และให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กลับมาดำรงตำแหน่ง และตนจะได้รับการดูแล คาดว่าเป็นเงินจำนวนมาก จึงได้ปฏิเสธดีลนี้ไป เพราะมาทำในฐานะทนายประชาชนไม่ได้อยู่ฝ่ายใด ถึงแม้จะสนิทกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ก็ตาม

"การกระทำเช่นนี้เป็นการกระทำที่ไม่เห็นหัวประชาชน ซึ่งก่อนหน้านี้ผมได้มีการดำเนินการฟ้องร้องต่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ทั้ง 4 หน่วยงาน ได้แก่ สน.เตาปูน, ก.พ.ตร., ป.ป.ป. และ ปปง. ก็ไม่มีความคืบหน้าทางคดีเท่าที่ควร" นายษิทรากล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทนายตั้มยังได้ยกมือไหว้พร้อมกล่าวขอโทษประชาชนที่ทำภารกิจนี้ไม่สำเร็จ แต่ยังยืนยันว่าจะดำเนินการต่อ โดยจะไปตามเรื่องทั้งหมดที่เคยร้องดำเนินคดีไปทั้ง 4 หน่วยงาน ในส่วนที่ พล.ต.อ.วินัย ทองสอง หนึ่งในคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงที่นายกฯ ตั้งขึ้น เคยกล่าวว่า ไม่มีใครสามารถเอามือไปปิดแผ่นฟ้าได้ แต่ตอนนี้ปิดมิดแล้ว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘หนู’ ลั่นฟังแค่ ‘อิ๊งค์’ ยันร่วมรัฐบาลเป็นไฟต์บังคับ ‘ทักษิณ’ พูดไม่นำพา

"อนุทิน" ลั่น! รับสัญญาณจากนายกฯ อิ๊งค์เท่านั้น ยันที่ "ทักษิณ" พูดไม่ได้หมายถึงรัฐมนตรีจากพรรคภูมิใจไทย "ท่านทักษิณพูดถึงพรรคที่ไม่เข้าร่วมประชุม ผมก็ไม่นำพาไปฟังอะไรมาก"

รัฐบาลลุยขายฝันหนีบ่วงการเมือง แกนนำม็อบขยับจัดทัพเดินหน้าไล่

การแถลงผลงานรัฐบาลในรอบ 3 เดือนของ อุ๊งอิ๊ง-น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ภายใต้ชื่อ “2568 โอกาสไทย ทำได้จริง” ที่สตูดิโอ 4 สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT)

ใต้อ่วม! ทางรถไฟ-ถนนขาด

ฝนตกหนักน้ำท่วม เส้นทางลงใต้อัมพาต ทางขาดทั้งรถไฟและถนนสายเอเชีย รถไฟไปต่อไม่ได้ ติดค้างที่ชุมพรเพียบ ชาวบ้านเดือดร้อนหนัก ส่วนที่นครศรีฯ น้ำทะเลจ่อหนุนซ้ำเติม

เตือนภัยบุหรี่ไฟฟ้า ผสมนํ้ายาดองศพ

เตือนภัยบุหรี่ไฟฟ้า พบน้ำยาดองศพ สารก่อมะเร็งในบุหรี่ไฟฟ้าเพียบ เสี่ยงเกิดมะเร็ง แนะผู้ปกครองสอดส่องพฤติกรรมบุตรหลาน ย้ำเตือนเด็กและเยาวชนอย่าหลงเชื่อค่านิยมผิดๆ

บึ้มงานกาชาด สอบเกียร์ว่าง! ตำรวจอุ้มผาง

"ผบ.ตร." สั่งสอบตำรวจพื้นที่ปล่อยปละละเลยหรือไม่ เหตุ 2 คนร้ายปาระเบิดกลางเวทีรำวงงานกาชาดอุ้มผาง ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย เจ็บ 48 คน "อุ๊งอิ๊ง"