มี.ค.ได้วัคซีนสู้‘โอมิครอน’ ย้ำขรก.เข้มป้องกันติดเชื้อ

ศบค.เปิดตัวเลขผู้ป่วยโควิดใหม่ยังแรงต่อเนื่อง ติดเชื้อ 7,133 ราย เสียชีวิต 12 คน “กรุงเทพฯ” กลับมาทวงแชมป์ผู้ป่วยใหม่สูงสุด “บิ๊กตู่” สั่งคุมเข้มร้านเหล้า หากผิดกฎยึดใบอนุญาตทันที กทม.ตั้งเป้าส่งผู้ป่วยเข้าระบบรักษาใน 1 วัน ซีอีโอ “ไฟเซอร์-โมเดอร์นา” ประกาศพัฒนาป้องกันโอมิครอน

เมื่อวันที่ 11 ม.ค. ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์ผู้ติดเชื้อในประเทศว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 7,133 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 6,677 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 6,632 ราย, มาจากการค้นหาเชิงรุกในชุมชน 45 ราย, มาจากเรือนจำ 45 ราย, เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 411 ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสมยืนยันตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 2,284,609 ราย หายป่วยเพิ่มขึ้น 3,306 ราย มียอดหายป่วยสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 2,200,785 ราย อยู่ระหว่างรักษา 61,974 ราย อาการหนัก 492 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 110 ราย เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 12 ราย เป็นชาย 9 ราย หญิง 3 ราย เป็นผู้เสียชีวิตที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 8 ราย โรคเรื้อรัง 3 ราย ทำให้มียอดผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 21,850 ราย  

สำหรับ 10 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่มากที่สุด ได้แก่ กทม. 593 ราย, ชลบุรี 583 ราย, สมุทรปราการ 530 ราย, ภูเก็ต 468 ราย, อุบลราชธานี 426 ราย, นนทบุรี 336 ราย, ขอนแก่น 280 ราย, เชียงใหม่ 209 ราย, ปทุมธานี 173 ราย และบุรีรัมย์ 162 ราย 

ขณะเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ทั้งนี้ ทำเนียบรัฐบาลได้เปิดให้สื่อมวลชนเข้าปฏิบัติหน้าที่ภายในเป็นวันแรก แต่ต้องปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด โดยสื่อมวลชนต้องได้รับวัคซีนครบโดส มีการตรวจคัดกรอง ATK และลดจำนวนทีมที่เข้ามาปฏิบัติงานลง

รายงานข่าวจากทำเนียบฯ แจ้งว่า ในที่ประชุม ครม. พล.อ.ประยุทธ์ได้ปรารภก่อนเข้าวาระการประชุมถึงเรื่องโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน โดยขอให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องไปทำความเข้าใจกับประชาชนถึงมาตรการในการป้องกันตัว รวมถึงการเตรียมความพร้อม รัฐบาลยืนยันว่าควบคุมได้ เรามีแผนเผชิญเหตุ และอยากให้มีเร่งฉีดวัคซีนเข็มสามและเข็มสี่

 “ระหว่างการประชุม นายกฯ ได้กำชับตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ให้ดูแลเรื่องร้านเหล้า ซึ่งได้สั่งการไปแล้ว โดยย้ำว่าถ้าใครทำผิดกฎหมาย หรือเจ้าหน้าที่ทำผิดกฎหมาย ต้องลงโทษทางวินัย ใครขายเหล้า ใครเปิดเกินเวลา บางที่ให้ปิดสามทุ่ม แต่มันปิดตีสี่ มีได้ยังไง มันเปิดได้ยังไง มันก็เกินไป ถ้าเจ้าหน้าที่มีส่วนรู้เห็นก็ให้เอาผิดวินัย ร้านไหนทำผิด เปิดเกินเวลา ก็ให้ยึดใบอนุญาต” 

ต่อมา นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงภายหลังการประชุม ครม.ว่า พล.อ.ประยุทธ์กล่าวในที่ประชุมว่ามีความเป็นห่วงข้าราชการและเจ้าหน้าที่ที่ทำงานเพื่อป้องกันโควิด-19 รวมทั้งเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงที่ดูแลบริเวณชายแดน ขอให้ปฏิบัติงานด้วยความระมัดระวัง ป้องกันตัวเองให้ปลอดภัย และลดความเสี่ยงรับเชื้อโรค เพราะเป็นบุคลากรที่ต้องดูแลพี่น้องประชาชน

ทั้งนี้ วันที่ 11 ม.ค. ยังเป็นวันแรกของการให้บริการตรวจคัดกรองโควิด-19 เชิงรุกด้วยชุดตรวจ ATK บริเวณลานจอดรถชั้น 1 อาคารบี ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ แจ้งวัฒนะ ซึ่งมีประชาชนมารอคิวเข้ารับการตรวจหาเชื้อตั้งช่วงเช้า โดย ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สปสช. กล่าวว่า มีเป้าหมายการตรวจ 1,000 คนต่อวัน จะใช้ชุดตรวจ ATK ที่ขึ้นทะเบียนแบบใช้โดยผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ ซึ่งจะทราบผลตรวจภายใน 30 นาที และเป็นจุดให้บริการแบบครบวงจร หากตรวจแล้วพบผลเป็นบวก จะลงทะเบียนในระบบของ สปสช.ให้ทันที เพื่อจับคู่หน่วยบริการให้ หรือหากผู้ป่วยต้องการกลับไปรักษาตัวที่บ้านแบบ Home Isolation จะมีแพทย์ประจำจุดจะประเมินอาการ และจัดรถไปส่งถึงบ้าน เพื่อไม่ให้ไปขึ้นรถสาธารณะ หากเริ่มมีอาการจะพิจารณาจ่ายยาฟาวิพิราเวียร์ให้ด้วย ส่วนผู้ป่วยที่มีอาการหนัก จะประสานส่งต่อเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลทันที

ส่วน นพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (อภ.) กล่าวถึงนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธาราณสุข มอบหมายให้ อภ.จัดหาชุดตรวจ ATK มาขายให้ประชาชนในราคาทุน ว่า อภ.มีคู่ค้าชุดตรวจ ATK ที่ได้รับอนุญาตนำเข้ากว่า 100 บริษัท ทำให้ อภ.สามารถทำการประมูลราคาจากผู้ได้รับอนุญาตนำเข้าได้ โดยได้เซ็นสัญญาไปแล้ว 3.5 ล้านชุด และ ATK จะทยอยส่งมอบจากนี้สัปดาห์ละ 1 ล้านชุด จำหน่ายให้ประชาชนในราคาทุนอยู่ที่ 35 บาทต่อชุด และในสัปดาห์หน้ายังเตรียมประมูล ATK เพิ่มอีกประมาณ 5 ล้านชุด ทำให้มีราคาถูกลงอีก ซึ่ง อภ.จะนำมาจำหน่ายในราคาต้นทุนเช่นกัน

“อภ.มีชุดตรวจ ATK ในคลังอยู่แล้ว 3 ล้านชุด จะทยอยออกจำหน่ายเช่นกัน และ อภ.จะเปิดประมูลในส่วนของชุดตรวจจากน้ำลายด้วย สำหรับช่องทางการจำหน่าย ประชาชนสามารถซื้อในระบบออนไลน์ ผ่านเว็บไซต์ www.gpoplanet.com ซึ่งได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แล้ว พร้อมบริการจัดส่งถึงบ้าน หรือซื้อได้ที่ร้านขายยาขององค์การเภสัชกรรม รวมทั้งช่องทางออนไลน์ผ่านบริษัทลูกคือ เว็บไซต์ของ Thai Herb และบริษัท เยเนอรัล ฮอสปิตัล โปรดัคส์ จำกัด (มหาชน)” นพ.วิฑูรย์กล่าว

ขณะที่ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ศูนย์เอราวัณ (1669) สำนักการแพทย์ ได้ยกระดับการนำส่งผู้ป่วยโควิดเข้าระบบการรักษาของโรงพยาบาล โดยภายในสัปดาห์หน้ามีแผนจะเพิ่มคู่สายจากเดิม 30 คู่สาย เป็น 60 คู่สาย พร้อมเจ้าหน้าที่บริการรับสายตลอด 24 ชั่วโมง  เพื่อเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์การแพร่ระบาดและเพิ่มศักยภาพการนำส่งผู้ป่วยเข้ารับการรักษา ณ โรงพยาบาลสนามกทม. หรือศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อ หรือโรงพยาบาลในกรณีที่มีผู้ป่วยแสดงอาการหรือมีอาการรุนแรงพื้นที่กรุงเทพมหานคร ตั้งเป้าหมายนำส่งผู้ป่วยเข้าสู่ระบบการรักษาภายใน 1 วัน โดยไม่ให้มีผู้ป่วยตกค้าง

วันเดียวกัน อัลเบิร์ต บัวร์ลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท ไฟเซอร์ ผู้ผลิตวัคซีนโควิด-19 จากสหรัฐอเมริกากล่าวผ่านสถานีซีเอ็นบีซีว่า บริษัทคาดว่าวัคซีนที่พัฒนาสำหรับการรับมือกับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์โอมิครอนโดยเฉพาะจะพร้อมให้ใช้งานได้ในเดือน มี.ค.ปีนี้ ขณะนี้ไฟเซอร์กำลังทำการผลิตวัคซีนนี้อยู่แล้ว เนื่องจากได้รับความสนใจอย่างมากจากรัฐบาลหลายประเทศ เจ้าหน้าที่ทางการต้องต่อสู้กับจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นมาก รวมถึงการติดเชื้อโอมิครอนในกลุ่มประชากรที่ฉีดวัคซีนแล้ว

"วัคซีนนี้จะพร้อมในเดือนมีนาคม" บัวร์ลากล่าวกับซีเอ็นบีซี แต่พร้อมกันนั้น เขาบอกว่ายังไม่แน่ใจว่าวัคซีนจะยังมีความจำเป็นหรือไม่ และยังไม่รู้ว่าจะได้ใช้หรือไม่ หรือจะใช้อย่างไร เพราะระบบที่ใช้อยู่ขณะนี้คือการฉีดวัคซีน 2 โดส และวัคซีนกระตุ้นภูมิต้านทานอีก 1 โดส ให้การปกป้องผลกระทบร้ายแรงต่อสุขภาพจากโอมิครอนได้พอสมควรแล้ว

 ทางด้านสเตฟาน บ็องเซล ซีอีโอของบริษัทโมเดอร์นา ให้สัมภาษณ์ซีเอ็นบีซีเช่นกันว่า โมเดอร์นากำลังพัฒนาวัคซีนบูสเตอร์ที่อาจจัดการกับโอมิครอนและสายพันธุ์ที่เกิดใหม่ได้ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ โดยบริษัทกำลังหารือกับบรรดาผู้นำด้านสาธารณสุขทั่วโลกเพื่อตัดสินใจในสิ่งที่เราคิดว่าเป็นกลยุทธ์ดีที่สุด เราต้องระมัดระวังเพื่อพยายามนำหน้าไวรัส ไม่ใช่ตามหลัง.