“นิด้าโพล” เผยคนส่วนใหญ่เชื่อเลือกตั้งครั้งหน้ามีสิทธิ์แลนด์สไลด์ตั้งรัฐบาลพรรคเดียว พร้อมประเมินหากไม่ชนะเด็ดขาดมีโอกาสสูงเป็นฝ่ายค้าน! “ศรายุทธิ์” ตีปี๊บพรรคได้รับคำตอบรับล้นหลาม “เรืองไกร” เช็กบิลพรรคถิ่นกาขาวฯ ยก “พรรคสยามพล” ที่สิ้นสภาพเทียบเคียง ลามถึงการเลือกนายกฯ เป็นโมฆะ
เมื่อวันที่ 18 ส.ค.2567 ศูนย์สำรวจความคิดเห็นนิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเรื่อง ความเป็นไปได้ในการเลือกตั้งครั้ง หน้า โดยสอบถามประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปทั่วประเทศ จำนวน 1,310 หน่วยตัวอย่าง โดยเมื่อถามความคิดเห็นของประชาชนถึงความเป็นไปได้ที่จะมีพรรคการเมืองซึ่งได้รับชัยชนะแบบแลนด์สไลด์ จะสามารถจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ พบว่า 27.40% ระบุว่าเป็นไปได้มาก, 27.25% ค่อนข้างไปได้, 22.52% ไม่น่าจะเป็นไปได้, 21.15% เป็นไปไม่ได้เลย และ 1.68% ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
ด้านความเป็นไปได้ที่พรรคการเมืองซึ่งได้รับชัยชนะเป็นอันดับที่หนึ่ง แต่ไม่ใช่การชนะแบบแลนด์สไลด์ อาจจะต้องไปเป็นพรรคฝ่ายค้าน พบว่า 38.17% ระบุว่าค่อนข้างเป็นไปได้, 29.77% เป็นไปได้มาก, 18.78% ไม่น่าจะเป็นไปได้, 12.21% เป็นไปไม่ได้เลย และ 1.07% ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงความเป็นไปได้ที่จะมีพรรคการเมืองจับมือเป็นพันธมิตรกันและหลีกทางให้กันในบางเขตเลือกตั้ง พบว่า 34.81% ค่อนข้างเป็นไปได้, 27.02% เป็นไปได้มาก, 18.24% ไม่น่าจะเป็นไปได้, 18.17% เป็นไปไม่ได้เลย และ 1.76% ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
ขณะที่ นายศรายุทธิ์ ใจหลัก เลขาธิการพรรคประชาชน (ปชช.) กล่าวถึงสถิติการเติบโตของพรรคในวาระครบ 7 วัน ของการเปิดตัวพรรค หลังประชุมวิสามัญเมื่อวันที่ 9 ส.ค.ว่า พรรคได้รับการตอบรับอย่างจากประชาชน โดยมียอดสมาชิกทั้งการสมัครแบบออนไลน์และออฟไลน์ ณ วันที่ 16 ส.ค. รวม 59,606 คน โดยที่น่ายินดีคืออัตราการสมัครสมาชิกตลอดชีพคิดเป็นสัดส่วนถึง 48% ของยอดสมาชิกทั้งหมด ในขณะที่อดีตพรรคก้าวไกล (ก.ก.) มีสัดส่วนสมาชิกตลอดชีพเพียง 7% เท่านั้น หมายความว่าประชาชนเชื่อมั่นในพรรคประชาชน และยินดีสนับสนุนพรรคอย่างจริงจังต่อเนื่องยิ่งกว่าในสมัยของอดีตพรรค ก.ก.
นายศรายุทธิ์ยังกล่าวถึงการบริจาคเงินเพื่อสนับสนุนการทำงานของพรรคว่า ได้รับบริจาคเป็นจำนวน 25,451,968.02 บาท แบ่งเป็นการบริจาคออนไลน์ 24,962,872.02 บาท จากการบริจาค 31,045 ครั้ง เฉลี่ยครั้งละ 804 บาท และการบริจาคแบบออฟไลน์ 489,096 บาท จากการบริจาค 431 ครั้ง เฉลี่ยครั้งละ 1,135 บาท ซึ่งเป็นการบริจาคจากประชาชนรายเล็กเป็นส่วนใหญ่ โดยจำนวนการบริจาคออนไลน์ 31,045 ครั้ง เป็นการบริจาคในช่วงจำนวน 201-999 บาท มากที่สุดถึง 16,300 ครั้ง ตามด้วยยอดบริจาคที่น้อยกว่า 200 บาท และยอดบริจาคระหว่าง 1,000-5,000 บาท ในสัดส่วนใกล้เคียงกัน ส่วนการบริจาคที่มากกว่า 5,000 บาท มีเพียง 326 ครั้งเท่านั้น โดยรายละเอียดทั้งหมดพรรค ปชช.ต้องทำบัญชีรายงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งยืนยันว่าเป็นการรับบริจาคที่ถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ ส่วนประชาชนที่บริจาคให้พรรค อย่าลืมว่าสามารถนำยอดบริจาคไปลดหย่อนภาษีได้ในมูลค่ารวมไม่เกิน 10,000 บาท
“ภารกิจการสร้างพรรคตอนนี้ ที่สำคัญที่สุดคือการหาสมาชิกให้ได้ 100,000 คน ภายในสิ้นเดือน ส.ค. เพื่อให้ได้สมาชิกเท่ากับในวันที่พรรคก้าวไกลถูกยุบ นอกจากนี้ยังอยากให้พรรคมีสมาชิกในหลายจังหวัดทั่วประเทศไทย เพื่อให้เครือข่ายพื้นที่ทำกิจกรรมกับประชาชนได้ครอบคลุมทั่วประเทศ เพราะสมาชิกส่วนใหญ่ยังกระจายอยู่ในหัวเมืองใหญ่ ได้แก่ กทม. นนทบุรี ปทุมธานี นครปฐม สมุทรปราการ ชลบุรี เชียงใหม่ นครราชสีมา ชัยภูมิ อุดรธานี ขอนแก่น และระยอง”
วันเดียวกัน นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ระบุว่า กำลังรวบรวมประเด็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับนายกรัฐมนตรีคนใหม่ มาตรฐานทางจริยธรรมในกระบวนการเลือกนายกฯ เมื่อวันที่ 16 ส.ค. เพื่อขอให้ กกต.ตรวจสอบว่าในส่วนพรรคถิ่นกาขาวชาววิไล ที่เปลี่ยนชื่อเป็นพรรคประชาชน และมี สส.พรรค ปชช.เข้าร่วมเป็นองค์ประชุมในวันดังกล่าวนั้น หากพรรคถิ่นกาขาวฯ มีเหตุสิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมืองไปแล้ว การเลือกนายกฯ จะชอบหรือไม่ จะเป็นโมฆะหรือไม่ จึงได้ส่งไปรษณีย์ด่วนพิเศษ (อีเอ็มเอส) ถึง กกต. ขอให้ตรวจสอบตามมาตรา 33 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560
นายเรืองไกรยังระบุว่า ที่นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. และนายทะเบียนพรรคการเมือง ระบุผ่านสื่อมวลชนว่า การจัดตั้งสาขาพรรคของพรรคถิ่นกาขาวฯ นั้นพบว่า 1 สัปดาห์ก่อนหน้านี้ มีการประชุมจัดตั้งสาขาพรรคในส่วนที่ขาดอยู่จนครบ และอยู่ภายใน 1 ปีที่กฎหมายกำหนด มีการจะส่งเรื่องมาให้นายทะเบียนพรรคการเมืองทราบตามขั้นตอน การระบุเช่นนี้อาจคลาดเคลื่อนจากมาตรา 33 วรรคหนึ่ง (1) และ (2) แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 ทั้งนี้ เทียบเคียงตามประกาศ กกต. ข้อ 4 ตามประกาศ กกต. เรื่อง พรรคสยามพลสิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมือง เมื่อวันที่ 19 ม.ค.2567 ให้เหตุผลว่า ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 33 วรรคหนึ่ง (1) และ (2) พรรคสยามพลไม่สามารถดำเนินการให้มีจำนวนสมาชิกไม่น้อยกว่า 5,000 คน และจัดให้มีสาขาพรรคการเมืองในแต่ละภาคอย่างน้อยภาคละ 1 สาขา ภายใน 1 ปี นับแต่วันที่นายทะเบียนพรรคฯ รับจดทะเบียน
นายเรืองไกรกล่าวว่า จากการตรวจสอบในเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา พบประกาศนายทะเบียนพรรคการเมืองเรื่อง การเปลี่ยนแปลงข้อบังคับพรรค และคณะกรรมการบริหารพรรคถิ่นกาขาวชาววิไล ลงในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 22 มี.ค.2562 ซึ่งมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อบังคับพรรค คำประกาศอุดมการณ์ และนโยบายของพรรคถิ่นกาขาวฯ ข้อ 28 ระบุว่า ภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่มีประกาศ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส. พ.ศ.2561 ในราชกิจจานุเบกษา ต้องดำเนินการให้มีสาขาพรรคในแต่ละภาค ตามบัญชีรายชื่อภาคและจังหวัดที่ กกต.กำหนด อย่างน้อยภาคละ 1 สาขา แต่ละสาขาต้องมีสมาชิกพรรคที่มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตเลือกตั้ง สส.หรือเขตจังหวัดตั้งแต่ 500 คนขึ้นไป
นายเรืองไกรระบุอีกว่า ตามที่นายแสวงระบุนั้นอาจไม่สอดคล้องกับช่วงเวลาที่กฎหมายกำหนดบังคับไว้ เพราะหากพรรคถิ่นกาขาวฯ เพิ่งมีการจัดตั้งสาขาของพรรคถิ่นกาขาวฯ เมื่อต้นเดือน ส.ค.2567 ทั้งที่มีการดำเนินการเกี่ยวกับพรรคการเมืองไปแล้วตั้งแต่วันที่ 30 พ.ย.2561 ดังนั้น ย่อมมีเหตุให้พิจารณาว่า การตั้งสาขาพรรคเมื่อต้น ส.ค.2567 นั้นเกินกำหนดระยะเวลาภายใน 1 ปีนับแต่วันที่นายทะเบียนรับจดทะเบียนพรรคการเมือง ตามมาตรา 33 วรรคหนึ่ง (1) และ (2) แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 หรือไม่ และเป็นเหตุให้พรรคถิ่นกาขาวฯ ต้องสิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมือง ตามมาตรา 91 วรรคหนึ่ง (1) และวรรคสอง ไปแล้วหรือไม่ เทียบกับกรณีของพรรคสยามพลที่สิ้นสภาพตามประกาศ กกต. จึงขอให้ กกต.ตรวจสอบเรื่องนี้ ซึ่งหากพรรคพรรคถิ่นกาขาวฯ มีเหตุต้องสิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมือง ปัญหาการเปลี่ยนชื่อเป็นพรรคประชาชนจะชอบหรือไม่ และบรรดา สส.ที่เข้าไปทำหน้าที่เป็นองค์ประชุมในนามพรรคประชาชนเพื่อโหวตเลือกนายกฯ เมื่อวันที่ 16 ส.ค.2567 จะชอบหรือไม่ และผลโหวตให้บุคคลเป็นนายกฯ จะตกเป็นโมฆะ หรือไม่
“ขอให้ กกต.ตรวจสอบว่า พรรคถิ่นกาขาวฯ สิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมือง ก่อนเปลี่ยนชื่อเป็นพรรคประชาชน ตามมาตรา 91 วรรคหนึ่ง (1) และวรรคสอง แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 แล้วหรือไม่ และส่งเรื่องต่อให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเลือกนายกฯ ว่าชอบหรือไม่” นายเรืองไกรระบุ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นิด้าโพล เผยประชาชนโกรธแน่ ถ้ารัฐไม่แจกดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 2
ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจของประชาชน เรื่อง “โกรธไหม ถ้าเงินดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 2 ไม่ตรงปก”
นวมินทรมหาราช ‘ในหลวง-ราชินี’ เสด็จฯอุทยานเฉลิมพระเกียรติฯ
"ในหลวง-พระราชินี" เสด็จฯ ทรงวางพวงมาลา ณ พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
ศาลรธน.ยืนยัน ‘อุดม’ ไม่เสียดสี แค่ตอบ ‘ข้อกม.’
ศาลรัฐธรรมนูญทำหนังสือตอบกลับสภาผู้แทนฯ ยืนยัน "อุดม สิทธิวิรัชธรรม" ตุลาการศาล รธน. แสดงความเห็นหลังยุบพรรคก้าวไกล "ยุบ 3 วันตั้งพรรค"
ร้อง ‘บาทแข็ง-แม่นํ้าโขง’
ไม่ดรามา! นักร้องเบอร์หนึ่ง "เรืองไกร" ร้อง กกต.ตรวจสอบ "แพทองธาร" ความเป็นนายกฯ
ชงอินเตอร์โพล ออกหมายแดง! ล่าตัวคดีตากใบ
“บิ๊กอ้วน” แสลงชื่อ “พิศาล” ตัดบทเมื่อถูกจี้ถาม ตอบตามสูตรเดิมเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ไม่ขับ ไม่ไล่
15ต.ค.‘อิ๊งค์’ตรวจการบ้าน แก้ปัญหา-เยียวยาอุทกภัย
นายกฯ อิ๊งค์เตรียมนั่งหัวโต๊ะ 15 ต.ค. ตรวจการบ้านน้ำท่วม