โยนบาป‘การเมือง’ รมต.เพื่อไทยดาหน้าเย้ยปมยื่นฟันล้มล้างฯซัดเลอะเทอะ!

"นายกฯ อิ๊งค์" ปัดตอบหลังถูกซักปม "ธีรยุทธ" ร้องศาล รธน. "ทักษิณ-เพื่อไทย" เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง "แกนนำ พท." ดาหน้าลั่นไม่ให้ค่า "ภูมิธรรม" ยันไม่กังวล 1,000% “สุริยะ” บอกเลอะเทอะ "มือ กม.พรรค พท." ระบุคำร้องเกินจริงไปมาก "สมคิด" เชื่อมีการเมืองอยู่เบื้องหลัง หยัน  "ไพบูลย์" จั่วหัวเหมือนเกิดแผ่นดินไหวสุดท้ายไม่มีอะไร "หมอวรงค์" ขอลุ้นด่านแรกศาล รธน.รับคำร้องหรือไม่ก่อน “สนธิญา” จี้นายกฯ ถอด “ณัฐวุฒิ”  ก่อนโดนร้อง "ชูศักดิ์" หวังแก้ รธน.เสร็จทันเลือกตั้งรอบหน้า "โฆษกวิปวุฒิฯ" มองแก้ กม.ประชามติไม่ต้องเร่ง

เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2567 เวลา 17.00 น.  น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางถึงท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ ภายหลังเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 44 และ 45 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง ณ นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว โดยนายกฯ ปฏิเสธให้สัมภาษณ์เมื่อถูกถามกรณีนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความอิสระ ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคเพื่อไทยใน 6 ประเด็น

โดยนายกรัฐมนตรีได้แต่กล่าวทักทายสื่อมวลชนด้วยภาษาลาวว่า “สบายดี” ด้วยสีหน้าอิดโรย  เมื่อถามอีกว่านายกรัฐมนตรีเหนื่อยหรือไม่ นายกฯ  กล่าวยอมรับว่า เหนื่อย

ขณะที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ถือเป็นสิทธิของผู้ร้องเรียน ก็ดำเนินการไป ขณะที่ศาลก็พิจารณาและพิพากษา ซึ่งมีเรื่องที่ตัดสินแล้วถูกและยกฟ้องไปก็เยอะ อย่าเพิ่งไปเข้าใจว่าจะเป็นอะไร รอให้ผลที่แท้จริงออกมาก่อน

"กระบวนการยุติธรรมทำงานอยู่แล้ว แต่จะมีคนที่แสดงบทบาทหน้าที่เยอะ ฟ้องไปเรื่อยเปื่อยก็เยอะ แต่ถ้ากฎหมายเห็นว่ามันถูกต้องก็ว่ากันไป ไม่มีปัญหาอะไร ผิดก็คือผิด ถูกก็คือถูก ไม่มีทางไปเปลี่ยนแปลงอะไรได้" นายภูมิธรรมกล่าว

ถามว่า จะเป็นหัวเชื้อนำไปสู่การยุบพรรค พท.หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่กังวลเลย 1,000%  เมื่อซักว่าได้อ่าน 6 ข้อร้องเรียนแล้วไม่มีเรื่องไหนที่กังวลเลยใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่หนักใจ ร้องตามกระบวนการก็ร้องไป หากศาลรับฟ้องก็เรียกพรรคไปชี้แจง ก็เท่านั้นเอง แต่ตอนนี้ศาลยังไม่รับฟ้อง อย่าเพิ่งคิดไปเร็ว เห็นใจพรรคเพื่อไทยบ้าง

นายภูมิธรรมยังกล่าวถึงกรณีข้อพิพาทพื้นที่ทับซ้อนเกาะกูดกับกัมพูชาที่ถูกหยิบยกเป็นข้อร้องเรียนเรื่องของการครอบงำของนายทักษิณว่า เรื่องนี้ได้ยินมาเสมอ ก็อยู่ที่ความเป็นจริง เรื่องของพื้นที่ทับซ้อนพูดกันมายาวนาน และยังไม่มีจุดจบบทสรุป ขอให้เป็นเรื่องจริงขึ้นมาแล้วค่อยคุยกันเรื่องบทสรุป

เมื่อถามว่า พรรค พท.มีแผนรองรับกรณีต้องเปลี่ยนตัวนายกฯ หรือไม่ นายภูมิธรรมร้องอุ๊ย ท่านมาได้แค่เดือนเดียวจะให้เปลี่ยนตัวแล้ว โหดร้ายไปหรือไม่ ถามว่าภายหลังจากที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย พานายเนวิน ชิดชอบ เข้าพบนายทักษิณ ทำให้มีกระแสข่าวว่าจะเปลี่ยนตัวนายกฯ อยากให้ยืนยันเรื่องนี้ได้หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ขออย่าคาดเดา เรามีหน้าที่ทำความจริงให้ปรากฏ การคาดเดาที่เลยเถิดเกินไปจะสร้างปัญหา นายกฯ ทำงานได้เพียงเดือนเดียว ซึ่งนายกฯ และรัฐบาลก็ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีใครคิดที่จะไปยกเลิก เปลี่ยนแปลงตัวนายกฯ จะไปเอานายกฯ มาตรา 7 หรือมาตรา 5 ไม่มี

ถามว่า ใน 6 ข้อที่ถูกร้องไม่มีข้อไหนที่ล่อแหลมจนทำให้พรรค พท.ต้องหานายกฯ สำรองใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่มี เพราะเราทำทุกอย่างด้วยความรอบคอบและเป็นไปตามกฎหมาย เรื่องบางครั้งก็ไม่ได้เกี่ยวกับพรรค พท. เช่นเรื่องการไปทานข้าวกับคุณทักษิณ ก็เป็นเรื่องของคนที่ไปคุยกัน คุณเนวินไปกินข้าวกับคุณทักษิณ คุณเนวินก็ต้องตอบ ไม่เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทยอะไรทั้งสิ้น

ย้ำว่านายทักษิณครอบงำพรรคเพื่อไทยหรือไม่   นายภูมิธรรมหัวเราะใส่พร้อมระบุว่า “ผมไม่ต้องตอบเลย เชื่อว่าท่านรู้ดีอยู่แล้ว” ก่อนจะเสร็จสิ้นการให้สัมภาษณ์

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม กล่าวถึงกรณีการร้องเรียน พ.ต.ท.ทักษิณและพรรคเพื่อไทยว่า สิ่งที่นายธีรยุทธยื่นคิดว่าพรรค พท.สามารถตอบได้ทุกประเด็น ไม่มีปัญหา ซึ่งเป็นคนละกรณีกับที่พรรคก้าวไกลถูกยุบ

"ผมได้อ่าน 6 ประเด็นที่นายธีรยุทธยื่นคร่าวๆ  แล้ว คิดว่าสิ่งที่ยื่นมานั้นเลอะเทอะมาก" นายสุริยะกล่าว

พท.ลั่นไม่ให้ค่า 'ธีรยุทธ' ร้อง

ส่วนนายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะฝ่ายกฎหมายของพรรค  พท. กล่าวว่า ประเด็นการยื่นคำร้องตามมาตรา 49 ของรัฐธรรมนูญ เป็นคำที่บัญญัติขึ้น เทียบความผิดประเภทนี้เท่ากับกบฏ เป็นการร้องขอเพื่อให้เลิกกระทำ หากดูจากคำร้อง 6 ข้อที่ร้องมา ตนมองว่าไกลกว่าเหตุที่จะเป็นการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งมีสองคำซ้อนกันอยู่ คือล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย และบวกด้วยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งในคำร้องมีความพยายามบรรยายให้เข้าเกณฑ์กับคำวินิจฉัยของพรรคก้าวไกลว่าเป็นการเซาะบ่อนทำลาย ซึ่งมันไกลกว่าเหตุมาก พร้อมกับมองว่ามันเป็นคนละเรื่องกัน

นายชูศักดิ์ยกตัวอย่างว่า การที่นายทักษิณพักรักษาตัวอยู่ที่ รพ.ตำรวจ บอกว่าเป็นการเซาะกร่อนบ่อนทำลาย ซึ่งเป็นการบรรยายเกินไป ซึ่งเรื่องของสถาบันทั้งนายทักษิณและพรรคเพื่อไทย เรายืนยันมาตลอด โดยเฉพาะนายทักษิณ ที่มองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก อย่างการแก้รัฐธรรมนูญปี 2550 นายทักษิณอยู่ต่างประเทศ ก็ได้แนะนำมาผ่านคณะทำงานว่าหากจะแก้หมวด 1 หมวด 2 ห้ามแตะตรงนี้ ถือเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด และเมื่อถึงรัฐบาลนี้และรัฐบาลที่แล้ว ก็มีความชัดเจนว่าไม่แก้หมวด 1 หมวด 2 จึงชัดเจนว่าเรายึดมั่นอยู่ในจุดใด และพรรค พท.ไม่มีเรื่องจะไปเซาะกร่อนบ่อนทำลายระบอบประชาธิปไตย

ถามว่า คำร้องที่มีการเขียนว่าร่วมมือกับฝ่ายค้านในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายชูศักดิ์กล่าวว่า   อยากจะตั้งคำถามว่าในการร่วมมือกันในการทำกฎหมายผิดอะไร อย่างการแก้จริยธรรมให้มีความชัดเจนขึ้น ไม่ใช่การยกเลิก แต่เป็นการตีความให้ความชัดเจนขึ้น และเป็นผลดีกับประชาธิปไตย และเห็นว่าเป็นการเอื้อให้กับอดีตนายกฯ ทักษิณตรงไหน

เมื่อถามว่า พรรค พท.ไม่กังวลต่อคำร้องดังกล่าวใช่หรือไม่ นายชูศักดิ์กล่าวว่า โดยรวมตนคิดว่าไม่น่าวิตกกังวลอะไร เพราะยึดมั่นมาแบบนี้ตลอด ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไม่เคยห่างไปจากนี้

ซักว่า จะมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาชี้แจงหรือไม่ ฝ่าย กม.พรรค พท.รายนี้ระบุว่า ต้องรอดูว่าศาลรัฐธรรมนูญจะรับคำร้องหรือไม่ หากศาลรับคำร้อง ก็คงจะเรียกไปชี้แจง ตนก็ยินดี เพราะมีคณะทำงานชี้แจงอยู่แล้ว เนื่องจากเกี่ยวข้องมาถึงพรรค  โดยหัวหน้าคณะทำงานก็คงหนีไม่พ้นตน

"เราไม่ได้มีพฤติกรรมอะไร และเรื่องครอบงำตัวอย่างชัดเจนที่สุด ยกตัวอย่างเรื่องการครอบงำ ว่ามีตัวอย่างชัดเจนเมื่อวันที่นายเศรษฐา ทวีสิน ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในคำร้องบอกว่ามีการไปประชุมกัน ท้ายที่สุดบอกว่าจะเอาคนนี้ แต่ในวันประชุมพรรคกลับเอาอีกคนหนึ่ง คือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ก็แสดงให้เห็นว่าเราเป็นตัวของตัวเอง มีอำนาจ มีวิจารณญาณในแง่ของการตัดสินใจ เพราะเราเป็นพรรคการเมือง มีคณะกรรมการบริหาร ส่วนการที่จะให้คำปรึกษาผมมองว่าเป็นธรรมชาติของสังคม จำเป็นต้องรับฟัง หากเป็นเรื่องดีก็นำมาใช้" ฝ่าย กม.พรรค พท.รายนี้ระบุ

ถามย้ำว่า การยื่นคำร้องดังกล่าวมีนัยอะไรหรือไม่ เนื่องจากก่อนหน้านี้นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังไทยรัฐ (พปชร.) ออกมาระบุเป็นจุดเริ่มต้นของจุดจบพรรคเพื่อไทย นายชูศักดิ์กล่าวว่า ไม่อยากคิดไปไกล ตอนนี้ต้องคิดเพียงว่าหากศาลรัฐธรรมนูญรับก็ชี้แจงไป

เมื่อถามว่า คิดว่ามีเบื้องหลังหรือไม่ นายชูศักดิ์กล่าวว่า เบื้องหลังอยู่ที่ความขัดแย้ง เพราะข้อหนึ่งในคำร้องระบุว่า นายทักษิณอยู่เบื้องหลังในการเอาพรรคพลังประชารัฐออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล มันก็เป็นการเมือง มีเบื้องหลังอยู่แล้ว

ซักว่า แสดงให้เห็นว่าพรรคการเมืองที่อยู่ในคำร้องเป็นผู้อยู่เบื้องหลังใช่หรือไม่ นายชูศักดิ์ย้อนถามกลับว่า ให้ดูในคำร้อง หากดูจากคำร้องก็จะเห็น เขาก็บอกอยู่ในคำร้อง

เช่นเดียวกับ นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง กล่าวว่า คำร้องหากเปรียบเหมือนเพลงลูกทุ่ง ก็เหมือนกับร้อยเนื้อทำนองเดียวกันออกชะชะช่า ไม่ว่าใครร้องก็จะเริ่มต้นด้วยมาตรา 49 เรื่องสิทธิเสรีภาพ สุดท้ายจบว่าเมื่อร้องอัยการครบ 15 วัน มีสิทธิร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ส่วนศาลจะรับหรือไม่ก็อีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งตนได้พูดคุยกับนายชูศักดิ์ มีคณะทำงานตามกฎหมายอยู่แล้ว

"ข่าวที่ออกไปจากนายไพบูลย์ ทำให้ดูเหมือนเกิดแผ่นดินไหวในประเทศไทย แต่พอข่าวออกมาก็ดูปกติไม่มีอะไร อย่างที่บอก การเมืองจะเล่นเอามันหรือสะใจก็ได้ ซึ่งพรรค พท.ก็ทำเป็น แต่เราไม่ทำ เพราะถือว่าเรามีหน้าที่มาทำงานให้ประชาชน  และคำร้องลักษณะนี้ไม่ได้ทำให้การทำงานของพรรคสะดุด จากที่คุยกับผู้ใหญ่ในพรรคก็ไม่มีปัญหา" นายสมคิดกล่าว

ถามว่า มองมีการเมืองอยู่เบื้องหลังหรือไม่ รองเลขาธิการนายกฯ กล่าวว่า มีแน่นอน ไม่ต้องมองเลย เพราะเห็นได้ชัด และคนที่ร้องเป็นใคร อยู่กับใครมา ก็อยู่กับพระพุทธเจ้ากันมาทั้งนั้น เมื่อถามว่าเป็นความเเค้นส่วนตัวของบางพรรคการเมืองหรือไม่ นายสมคิดกล่าวว่า ไม่แน่ใจว่าแค้นหรือไม่  แต่คงแค้น จะแค้นทำไม เขามีแต่ฝ่ายค้าน ฝ่ายแค้นไม่มี

พอถามว่า คำร้องลักษณะนี้จะทำให้การทำงานของรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยสะดุดหรือไม่  นายสมคิดยืนยันว่า ไม่สะดุด สำหรับในพรรคตนคุยกับผู้ใหญ่คนหนึ่ง ก็บอกว่าไม่มีปัญหา ส่วนในวิปรัฐบาลก็นัดกันปกติ ซึ่งในเช้าวันอังคารหน้าก็จะนัดคุยกันอีกครั้ง ก็จะมีการคุยเรื่องนี้ด้วย ทุกอย่างไปด้วยกันไม่มีปัญหา เรื่องร้องก็ร้องไป จะพิจารณาอย่างไรก็ว่าไปตามกระบวนการ ไม่มีอะไร

จี้นายกฯ ปลดเต้นก่อนเจอร้อง

ขณะที่ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ตอนหนึ่งระบุว่า  ตามความเห็นตน การที่ศาล รธน.จะรับคำร้องนี้หรือไม่ น้ำหนักอยู่ที่พฤติกรรมของนายทักษิณ  ตามคำร้องประเด็นที่ 1 กรณีที่นายทักษิณได้รับพระราชทานพระมหากรุณาอภัยลดโทษ เหลือโทษจำคุกต่อไปอีก 1 ปี ใช้พรรค พท.เป็นเครื่องมือสั่งการรัฐบาล ผ่านกระทรวงยุติธรรม กรมราชทัณฑ์ รพ.ตำรวจ ให้เอื้อประโยชน์แก่ตัวเอง ระหว่างต้องโทษจำคุกอยู่ห้องพัก ชั้น 14 เพื่อไม่ต้องรับโทษอยู่ในเรือนจำแม้แต่วันเดียว ถ้าศาลไม่รับคำร้อง เท่ากับว่าการกระทำแบบนี้ไม่ได้สร้างความเสื่อมเสียต่อสถาบัน อีกหน่อยนักการเมืองที่มีอำนาจก็จะใช้อำนาจเลียนแบบ ลึกๆ แล้วผมหวังว่าศาลน่าจะรับคำร้อง

ส่วนคำร้องประเด็นที่ 2 ถึง 6 พฤติกรรมครอบครอง ครอบงำพรรค เมื่อพิจารณาการร้อยเรียงเชื่อมโยง พฤติกรรมทั้งหมด ตั้งแต่ประเด็นที่ร้อง 1 ถึง 6 จึงครบองค์ประกอบการเซาะกร่อนบ่อนทำลาย ทั้งระบอบประชาธิปไตยและสถาบันพระมหากษัตริย์

"ดังนั้นด่านแรกที่ต้องผ่านคือ ศาล รธน.รับคำร้องหรือไม่ ซึ่งผมแอบหวังเองว่าน่าจะรับ และน้ำหนักอยู่ที่ประเด็นที่ 1 ส่วนจะไขกุญแจไปสู่ประเด็นที่ 2 ถึง 6 ได้หรือไม่ อยู่ที่พยานหลักฐาน แต่อย่างน้อยพี่น้องที่ไม่ค่อยเข้าใจจะได้ติดตามการเมืองคดีนี้ได้เข้าใจมากขึ้น" นพ.วรงค์กล่าว

วันเดียวกัน นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษากรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ฝากถึง น.ส.แพทองธาร ขอให้พิจารณาถอดถอนนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ภายในสัปดาห์หน้า  เพราะเคยจำคุกมาแล้วในกรณีบุกบ้านองคมนตรี และประกาศเคียงข้างแกนนำราษฎรที่มีคดีมาตรา 112 และมี 2 คนที่อยู่ระหว่างหลบหนีออกนอกประเทศ

"หากนายกฯ ไม่พิจารณาถอดถอน จะเดินหน้าร้องสำนักงานอัยการสูงสุด กรณีแต่งตั้งผู้ที่ขัดต่อจริยธรรมและคุณธรรมร้ายแรง เป็นที่ปรึกษาของนายกฯ เพื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้วินิจฉัยต่อไป" นายสนธิญากล่าว

ความคืบหน้าการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า ได้บอกกับนายภูมิธรรมที่เคยเป็นประธานคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ซึ่งมองว่ามีความเหมาะสม ให้เป็นผู้นัดหมายหัวหน้าพรรคการเมืองมาพูดคุยกัน และตนยินดีร่วมเข้าพูดคุยด้วย จะได้พูดคุยให้สะเด็ดน้ำว่าประชามติจะเอาอย่างไร ซึ่งเป็นการเกริ่นไว้ แต่ขณะนี้ยังไม่ได้มีการนัดหมาย

สว.มองแก้ กม.ประชามติไม่เร่ง

ผู้สื่อข่าวถามว่า มั่นใจว่ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะเสร็จทันเลือกตั้งครั้งต่อไปใช่หรือไม่ นายชูศักดิ์กล่าวว่า “ผมยังหวังอย่างนั้น”

ที่รัฐสภา นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สว.กลุ่มท่องเที่ยว ฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา กล่าวถึงการตั้งกรรมาธิการร่วมถกแก้ประชามติว่า หากเรื่องดังกล่าวจะเข้าสู่ที่ประชุมวุฒิสภา คาดว่าจะเป็นสัปดาห์ถัดไป

"ผมได้ติดตามการอภิปรายของ สส.อยู่บ้าง ทั้งนี้เมื่อต้องไปสู้กันใน กมธ.ร่วม ไม่มั่นใจว่าจะชนะ แต่ต้องทำเต็มที่ เพราะการแก้รัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกติกาสำคัญของประเทศและบังคับใช้กับประชาชนทั้งประเทศ ต้องคงหลักการเสียงข้างมากไว้" นายพิสิษฐ์กล่าว

ถามว่า การแก้ พ.ร.บ.ประชามติ จำเป็นต้องเร่งทำหรือไม่ โฆษกวิปวุฒิสภากล่าวว่า ไม่ต้องจำเป็นต้องเร่ง เนื่องจาก พ.ร.บ.ประชามติ 2564 สามารถใช้บังคับได้ 

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช  โพสต์เฟซบุ๊กหัวข้อ "ภูมิใจไทยงดออกเสียง พ.ร.บ.ประชามติ สัญญาณการแข็งข้อกับเพื่อไทย" ตอนหนึ่งระบุว่า หลังจากนี้ต้องจับตัวจับตาดูความเคลื่อนไหวของพรรคภูมิใจไทยว่าจะรุกคืบในประเด็นใดบ้าง ที่ทำให้พรรคเพื่อไทยต้องยินยอมตามความต้องการของพรรคภูมิใจไทย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเปิดบ่อนกาสิโน หรือการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ จะมีการงดเว้นการแก้ไขหมวด 1 กับหมวด 2 หรือไม่ พ.ร.บ.นิโทษกรรม จะเอาอย่างไร หรือมีเรื่องอื่นๆ ที่จะตามมาในอนาคต.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

จ่อร้องยุบรัฐบาล! ‘วีระ’ อ้างเป็นกบฏทำ เสียดินแดน / ‘ผบ.ทร.’ ลงพื้นที่เกาะกูด

ผบ.ทร.ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลหน่วยปฏิบัติการเกาะกูด กำชับกำลังพลหากมีเรื่องใดขัดข้องให้รีบแจ้งเพื่อแก้ไข ขณะที่นายอำเภอเกาะกูดลั่นเป็นของไทยมากว่า