‘ศักดิ์สยาม’ลุย เมกะโปรเจ็กต์ ทุ่มงบ1.4ล้านล.

“ศักดิ์สยาม” เดินหน้าเมกะโปรเจ็กต์ปี 65 ทุ่มงบ 1.4 ล้านล้านบาท ช่วยคนไทยมีงานทำกว่า 1.54 แสนตำแหน่ง กระตุ้นเศรษฐกิจ 4 แสนล้าน ดันจีดีพีโต 2.35% อัปเกรดคุณภาพชีวิตประชาชน เน้นประหยัด เพิ่มความสะดวกปลอดภัยรวดเร็วในการเดินทาง

เมื่อวันที่ 20 มกราคม นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานเปิดงานสัมมนา “Thailand Future Smart & Sustainable Mobility ขับเคลื่อนประเทศไทยสู่อนาคตที่ยั่งยืน” และปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “ชีวิตคนไทยจะดีขึ้นอย่างไรบนแผนคมนาคม” ว่า โอกาสของประเทศไทยกับการได้ใช้ประโยชน์จากการพัฒนาโครงข่ายคมนาคมว่า การพัฒนาโครงข่ายคมนาคมของประเทศได้รับนโยบายจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ดำเนินการโครงสร้างพื้นฐานในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แม้มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระบาด แต่กระทรวงคมนาคมได้เดินหน้าอย่างต่อเนื่องในตลอดเวลาที่ผ่านมา ได้พยายามดำเนินการทำตามแผนยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี

นายศักดิ์สยามกล่าวว่า ในปี 2565 กระทรวงคมนาคมมีเม็ดเงินลงทุนโครงข่ายคมนาคมทั้งหมด 1.4 ล้านล้านบาท ประกอบด้วย โครงการที่ลงนามสัญญาแล้ววงเงิน 516,000 ล้านบาท และโครงการลงทุนใหม่ 974,000 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยจ้างงานได้มากถึง 154,000 ตำแหน่ง สร้างมูลค่าเพิ่มในส่วนของการใช้จ่ายด้านวัสดุก่อสร้างอุปกรณ์ 1.24 ล้านล้านบาท เกิดผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ 2.35% ของจีดีพี หรือประมาณ 400,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ แผนลงทุนของกระทรวงคมนาคม ทั้งทางบก ทางน้ำ ทางราง และทางอากาศ จะช่วยเพิ่มความรวดเร็วในการเดินทาง อาทิ รถไฟฟ้า จะช่วยเพิ่มความรวดเร็วในการเดินทาง โดยเฉพาะช่วงรถติดได้ 35 กิโลเมตร (กม.)/ชั่วโมง (ชม.), มอเตอร์เวย์ ช่วยเพิ่มความเร็วได้ จาก 80 กม./ชม. เป็น 120 กม./ชม., รถไฟทางคู่ เพิ่มความเร็วจาก 60 กม./ชม. เป็น 100 กม./ชม. ทั้งยังลดต้นทุนค่าขนส่งได้ 4 เท่า, รถไฟความเร็วสูง เพิ่มความเร็วจาก 80 กม./ชม. เป็น 160 กม./ชม. ส่วนสนามบินดอนเมือง, สุวรรณภูมิ, อู่ตะเภา จะรองรับผู้โดยสารจาก 80 ล้านคน/ปี เป็น 120 ล้านคน/ปี

"นอกจากนี้ ยังลดความเสียหาย แก้ปัญหาและลดปริมาณอุบัติเหตุบนท้องถนนให้เกิดความปลอดภัย อีกทั้งยังต้องเกิดความประหยัดกับประชาชน เพราะกระทรวงได้กำหนดค่าบริการโดยเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง ที่ผ่านมาไม่ว่ากัน เป็นอย่างไรไม่รู้ แต่ปัจจุบันค่าบริการต้องเอาประชาชนเป็นตัวตั้ง แล้วค่อยคิดถึงการแบ่งประโยชน์รัฐ เอกชน เพราะจะต้องมีการพัฒนาธุรกิจ พัฒนาพื้นที่โครงการเพื่อใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ เพื่อเอาเงินมาทดแทนค่าบริการที่จะเก็บประชาชน อย่างหัวลำโพง ที่เกิดดรามา กระทรวงไม่เคยคิดจะทุบทำลาย เพียงแค่ต้องการปรับปรุงใหม่ และนำมาใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์” นายศักดิ์สยามระบุ

รมว.คมนาคมกล่าวด้วยว่า แผนการลงทุนของกระทรวงคมนาคมในทุกเรื่องนั้น ต้องมีความชัดเจน มีการวางแผน และสิ่งสำคัญคือต้องยึดระเบียบ กฎหมาย มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) หลักธรรมาภิบาล พร้อมทั้งรับฟังความเห็นจากประชาชน เพราะเชื่อว่าจะทำให้ประเทศไทยมีศักยภาพ และสามารถเสริมสร้างเศรษฐกิจไทยให้เดินหน้าต่อไปอย่างยั่งยืน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง