แห่ยื่นยุบ‘เพื่อไทย’ คลิปเสียง‘แม้ว’ครอบงำพรรค ‘บิ๊กตู่’ฟื้น‘ครม.สัญจร’ที่กระบี่

งานเข้าเพื่อไทย 3 คณะนักร้องประสานเสียง  "สิระ-เรืองไกร-สนธิญา" เตรียมหอบหลักฐานให้ กกต.ชงยุบพรรค ฐานครอบงำ หลังคลิป "ทักษิณ" ร่วมแจมงานเลี้ยงเพื่อไทยโผล่ว่อนโซเชียล แต่ "วิษณุ" ยันไม่เข้าข่ายแค่พูดโยนหินถามทางเฉยๆ ฟื้น ครม.สัญจรเล็งกระบี่ หลังหยุดไป 1 ปีเพราะโควิด

เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2564 นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.  พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน เปิดเผยว่า มีประชาชนมายื่นเรื่องร้องเรียนต่อกรรมาธิการ จากกรณีคลิปนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ วิดีโอคอลพูดคุยถึงการส่งแคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย โดยกรรมาธิการจะรรจุเรื่องนี้เข้าสู่ระเบียบวาระเพื่อขอมติจากกรรมาธิการ ในการจะเชิญผู้ที่เกี่ยวข้อง อาทิ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และบุคคลที่ปรากฏอยู่ในคลิปวิดีโอมาชี้แจง โดย กกต.ต้องตอบว่านี่คือการครอบงำพรรคการเมืองจากบุคคลภายนอกหรือไม่

โดยตามมาตรา 92 (4) ยินยอมหรือกระทำการใด อันทำให้บุคคลอื่น ซึ่งมิใช่สมาชิกกระทำการอันเป็นการควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำกิจกรรมของพรรคการเมือง ในลักษณะที่ทำให้พรรคการเมืองหรือสมาชิกขาดความอิสระ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม มีโทษถึงยุบพรรคและเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารเป็นเวลา  10 ปีด้วย ทั้งนี้ยังครอบคลุมไปถึงคนที่ไม่ใช่สมาชิกพรรค เพราะถูกเว้นวรรคทางการเมือง ถูกตัดสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้งตลอดชีพ ตนเชื่อมั่นว่าเรื่องนี้จะมีนักร้องระดับประเทศหลายต่อหลายคนเข้ายื่นหนังสือ เพื่อให้ศาลพิจารณายุบพรรคเพื่อไทยอย่างแน่นอน

ด้านนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)  ให้สัมภาษณ์ว่า ตนอยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานและข้อเท็จจริงเพื่อร้องต่อ กกต. เนื่องจากนายทักษิณไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย  เพราะไม่มีคุณสมบัติ เป็นผู้ต้องโทษหนีคดี จากกรณีที่มีคลิปภาพนายทักษิณปรากฏและภายในงานยังมีกรรมการบริหารพรรค นำโดยนายสมพงษ์​ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นต้น ร่วมงานอยู่ด้วย แม้นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รองหัวหน้าพรรคและแกนนำภาคอีสานของพรรคเพื่อไทย จะระบุว่าเป็นงานเลี้ยงสังสรรค์ ไม่ใช่การประชุม แต่ภาพที่ปรากฏนั้นมีความชัดเจนอย่างยิ่ง

"คลิปที่สื่อมวลชนเผยแพร่เมื่อวันที่ 17 สิงหาคมนั้น ก่อนหน้านั้นมีการเผยแพร่ผ่านทางโซเชียลมีเดียมาก่อนหน้านั้นแล้ว เดิมคิดว่าไม่มีอะไร แต่เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่พบว่าพรรคเพื่อไทยได้นำสโลแกนใหม่ที่ว่า 'พรุ่งนี้เพื่อไทย เพื่อชีวิตใหม่ของประชาชน' และติดเป็นคำโฆษณาบนรถตุ๊กๆ และเตรียมเปิดตัวในการเลือกตั้ง อบต. ทำให้เป็นภาพชัดเจน ซึ่งชัดเจนมากกว่าครั้งที่ยุบพรรคไทยรักษาชาติหรือ พรรคพลังประชาชน" นายเรืองไกรกล่าว

เมื่อถามว่า คำพูดที่ระบุว่ามีแนวทางที่พรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ คือประจักษ์พยานที่เข้าข่ายครอบงำ ควบคุม หรือชี้นำกิจกรรมของพรรคการเมืองหรือไม่ นายเรืองไกรกล่าวว่า กรณีที่นายทักษิณบอกว่าหากจะเป็นรัฐบาลได้ต้องชนะแบบแลนด์สไลด์ ตนมองว่าเขาตั้งเป้าให้ได้ ส.ส.มากกว่า 377 ที่นั่ง ถึง 400 เสียง เพราะการเลือกนายกรัฐมนตรีหลังเลือกตั้งทั่วไปอีกครั้งยังต้องใช้รัฐสภาและให้ ส.ว. 250 คนร่วมลงมติ อย่างไรก็ดีตนมองว่าคำพูดดังกล่าวคงไม่ใช่การครอบงำ แต่คงอยากกระตุ้น ส.ส.และต้องการเป็นรัฐบาลพรรคเดียว เหมือนสมัยยุคเลือกตั้งทักษิณ 2 ที่สามารถได้ ส.ส.เข้าสภา 377 ที่นั่ง เป็นพรรคเดียวคุมเบ็ดเสร็จ หรือต้องการไฮรีเทิร์น (High  Return)

“ผมขอรวบรวมหลักฐานและรายละเอียดที่เกี่ยวข้อง จากนั้นประมาณวันอังคารหน้าจะเข้ายื่นเรื่องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งเพื่อให้พิจารณา อย่างไรก็ดีนอกจากมุมการทำผิดตาม พ.ร.ป.พรรคการเมืองแล้ว อาจเข้าข่ายกระทำการฝ่าฝืน พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตด้วย เพราะ ส.ส.คือเจ้าพนักงานตามกฎหมาย และต้องปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจที่ไม่ขัดกับกฎหมายหรือรัฐธรรมนูญ”  นายเรืองไกรกล่าว

นายสนธิญา สวัสดี ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า การพูดสั่งการและให้แนวทางของนายทักษิณในคลิป เห็นชัดเจนว่ามีการเตรียมการทุกอย่างของพรรคเพื่อไทย โดยถือเป็นการครอบงำจากบุคคลภายนอก โดยเฉพาะนายทักษิณที่เป็นนักโทษหนีคดีด้วย จึงเชื่อว่าคลิปดังกล่าว ถือเป็นหลักฐานที่มีน้ำหนักอีก 1 ชิ้นที่จะส่งให้ กกต.พิจารณาในเรื่องนี้ ให้ดำเนินการในขั้นตอนการยุบพรรคต่อไป

ด้าน พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต.ให้สัมภาษณ์ว่าจะต้องดูข้อเท็จจริง แต่ตอนนี้ยังไม่เห็นข้อเท็จจริง มีแต่เพียงภาพข่าวเท่านั้น หากยังไม่รู้ข้อเท็จจริงก็ยังวินิจฉัยข้อกฎหมายไม่ได้ ซึ่งเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ซึ่งสำนักงาน กกต.คงจะมีการเก็บรวบรวมข้อมูลในเรื่องดังกล่าวอยู่

อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวระดับสูงในสำนักงาน กกต.เปิดเผยว่า  กรณีนายสิระและนายเรืองไกรเตรียมยื่น กกต.ขอให้พิจารณายุบพรรคเพื่อไทยนั้น กรณีดังกล่าวต้องดูในข้อเท็จจริงที่มากกว่าที่ปรากฏในข่าว  ทั้งนี้หากมีการนำกรณีดังกล่าวร้องต่อ กกต.ก็จะมีกระบวนการตามขั้นตอนของกฎหมายปกติเหมือนกับทุกคำร้อง ส่วนจะตรวจสอบได้อะไรบ้างก็ต้องดูข้อเท็จจริงที่เขาร้อง ข้อเท็จจริงที่สอบได้ ตรวจสอบแล้วเข้าตามกฎหมายหรือไม่ ซึ่งในการตรวจสอบข้อเท็จจริงชั้นต้น นายทะเบียนพรรคการเมืองจะเป็นผู้ตรวจสอบ

ส่วนนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า เคยมีการวินิจฉัยไว้แล้วว่าการครอบงำคือ การใช้อิทธิพลโดยที่ตัวเองไม่มีส่วนได้เสีย ไม่ได้เป็นสมาชิก และไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรค แล้วไปชี้นำให้ผู้อื่นปฏิบัติตาม ส่วนเรื่องนี้จะเข้าข่ายครอบงำหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ

เมื่อถามว่า กรณีพูดคุยผ่านระบบออนไลน์เช่นนี้ไม่เข้าข่ายครอบงำใช่หรือไม่ รองนายกฯ ตอบว่าใช่ นี่เป็นการพูดคุยธรรมดา โยนหินถามทาง หยั่งเสียง โดยนายวิษณุย้อนถามกลับว่า คำว่าครอบงำหมายถึงใคร  เมื่อสื่อระบุว่าเขาจะร้องว่านายทักษิณครอบงำพรรคเพื่อไทย นายวิษณุ จึงกล่าวว่า "คุณทักษิณเขาปฏิเสธมาแล้วไม่ใช่หรือว่า คุณหญิงพูดไม่เป็น หาเสียงไม่เก่ง แล้วครอบอะไร ไม่ครอบ"

"ผมเข้าใจว่าเป็นการสนทนา ปราศรัย พูดจากันธรรมดา ในที่สาธารณะใครๆ ก็ทำได้ ไม่น่าจะถึงขั้นนำมาเป็นหลักฐานในการจะยุบพรรค เพราะไม่เช่นนั้นจะพูดอะไรกันก็ไม่ได้ บางอย่างเป็นการออกความเห็น ถามมาตอบไป แต่ถ้าเมื่อไหร่ไปเริ่มดำเนินการกันในพรรคจึงจะเข้าข่าย แต่ที่ที่เขาคุยกันอยู่นั้นไม่ใช่พรรค เป็นที่สาธารณะ" นายวิษณุกล่าว

ขณะที่พรรคเพื่อไทยก็ออกมาเคลื่อนไหวเรื่องนี้้เช่นกัน โดยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค ยืนยันว่า ความจริงแล้วคลิปที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นการครอบงำพรรคแต่อย่างใด นายทักษิณก็ไม่ได้กล่าวอะไรที่แสดงให้เห็นว่าเป็นการครอบงำพรรค เหมือนเป็นการพูดแซวเล่นกันเท่านั้น

เมื่อถามว่า แคนดิเดตนายกฯ จะเป็น พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (อดีต ผบ.ตร.) พี่ชายของคุณหญิงพจมานหรือไม่ นายประเสริฐตอบว่า พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ไม่ยุ่งกับการเมือง และคงไม่มาเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค ส่วนคุณหญิงพจมานไม่มีตำแหน่งภายในพรรค และไม่ประสงค์ที่จะรับตำแหน่งใดๆ  ดังนั้นกระแสข่าวที่ออกมาทั้งหมดจึงไม่เป็นความจริง

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ที่ จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 10 พ.ย.63 ซึ่งว่างเว้นมาเป็นเวลา 1 ปีจากสถานการณ์โควิด-19 ล่าสุดได้มีการเสนอ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม พิจารณาพื้นที่ จ.กระบี่ เป็นสถานที่ในการจัดประชุม ครม.สัญจรเดือน พ.ย.นี้ โดยจังหวัดกระบี่ถือเป็น 1 ในจังหวัดนำร่องเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวในเฟสที่ 1 ซึ่งมี 5 จังหวัด ประกอบด้วย  เชียงใหม่, ภูเก็ต, สุราษฎร์ธานี, ชลบุรี และกระบี่ ทั้งนี้ต้องนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม.เพื่อพิจารณาอีกครั้ง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง