ชงม.152สกัดม็อบ ‘นพดล’ ชูใช้สภา ถกปม ‘MOU44’ นายกฯ วอนสนธิ

 

"นายกฯ อิ๊งค์" วอนอย่าก่อม็อบ หวั่นกระทบท่องเที่ยว บอก “สนธิ” ยื่นหนังสือต้องเป็นตามกระบวนการ ลั่นเกิดแผ่นดินไทยไม่มีทางเห็นประเทศไหนดีกว่า “นพดล” ชงใช้มาตรา 152 อภิปรายในสภาสกัดการชุมนุม “เด็จพี่” ซัดสนธิกลืนน้ำลายลงถนน “ธีระชัย” ย้ำ MOU 44 เป็นโมฆะตั้งแต่ต้น

เมื่อวันศุกร์ที่ 29 พ.ย.2567 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ประกาศจัดการชุมนุมครั้งสุดท้ายในชีวิต ซึ่งสถานการณ์ทางการเมืองขณะนี้เหมาะมีม็อบหรือไม่ ว่าเราต้องรักษาความสงบในประเทศให้ได้มากที่สุด เพราะหากเราจะไปประเทศไหนแล้วมีม็อบเราอาจไม่อยากไป ซึ่งประเด็นนี้จะกระทบกับการท่องเที่ยวและประเทศแน่นอน แต่ว่าหากประชาชนมีข้อเรียกร้องหรืออยากเสนอรัฐบาล เรามีกระบวนการรับฟังเสียงของประชาชนอยู่แล้ว เช่น การยื่นจดหมาย  รัฐบาลเห็นว่าความคิดเห็นของประชาชนสำคัญเสมอ แต่การจะเกิดม็อบหรืออะไรเราพูดคุยกันได้  จึงยังไม่น่าจะเป็นสิ่งที่จำเป็น

เมื่อถามว่า การที่นายสนธิจะยื่นหนังสือคัดค้าน MOU 2544 จะไปรับด้วยตัวเองหรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า คงต้องให้เป็นไปตามกระบวนการที่มีอยู่ คงไม่มีพิเศษในกรณีไหน ไม่เช่นนั้นก็จะมีเคสใหม่เรื่อยๆ เราอยากให้เป็นไปตามกระบวนการ

เมื่อถามว่า เสียงคัดค้าน MOU 44 ดังขึ้นเรื่อยๆ นายกฯ จะมีการทบทวนหรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า สิ่งที่เดินหน้าขณะนี้มีเรื่องเดียวคือการตั้งคณะกรรมการร่วมทางเทคนิค (JTC) เพื่อเจรจาระหว่างสองประเทศ และประเด็น MOU 44 เราจะให้ข้อมูลประชาชนเรื่อยๆ และการจะเดินต่อหรือไม่ ขอให้ผ่านคณะกรรมการพูดคุยกันทั้งสองประเทศดีกว่า

เมื่อถามว่า MOU 44 ไทยสามารถยกเลิกเพียงฝ่ายเดียวได้หรือไม่ เพราะเสียงที่คัดค้านบอกว่าสามารถยกเลิกได้ถ้าประเทศเสียเปรียบ นายกฯ กล่าวว่า จริงๆ แล้วสามารถยกเลิกได้ตามหลักของกฎหมาย แต่ถามว่าเราควรยกเลิกฝ่ายเดียวหรือไม่  เพราะเป็นเรื่องระหว่างประเทศ ดังนั้นคงต้องคุยกันก่อนจะดีกว่า อย่างเมื่อวันที่ 28 พ.ย. ได้คุยกับนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ก็ไม่มีประเทศไหนอยากขัดแย้งกัน และเรื่องนี้เป็นเรื่องที่อ่อนไหว เพราะฉะนั้นเราพยายามคือ หนึ่ง ไม่ให้คนในประเทศของเราเข้าใจผิดในเรื่องอะไรก็ตาม สอง การจะตกลงในเรื่องนี้ควรเป็นการคุยกันระหว่างสองประเทศ เพื่อไม่ให้เกิดความแตกแยก

เมื่อถามว่า รัฐบาลชี้แจงในเรื่อง MOU 44 แต่ยังคงมีคำถามเข้ามาเรื่อยๆ มองว่ามีอะไรนอกเหนือจากเรื่อง MOU 44 ซ่อนอยู่ในนั้นหรือไม่ น.ส.แพทองธารนิ่งคิดก่อนกล่าวว่า ก็อาจเป็นประเด็นทางการเมืองหรือเปล่า ประเด็นทางการเมืองก็มีมากมายทุกวัน แต่เรื่องระหว่างประเทศเป็นเรื่องอ่อนไหว เพราะคำพูดของนายกฯ หรือของ รมว.การต่างประเทศได้สื่อสารออกไป ประเทศอื่นๆ จะรับข้อนั้นเลย เพราะฉะนั้นเราจึงพยายามสื่อสารด้วยความระมัดระวังและเห็นอกเห็นใจทั้งสองฝ่าย  แต่พื้นที่ที่เราคุยกันมายังคงเป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ ยังไม่มีการเคาะอะไรทั้งสิ้น ทั้งเราและกัมพูชายังไม่มีใครเสียผลประโยชน์อะไรในตอนนี้ เราต้องคุยกันก่อน

“แน่นอนว่าดิฉันเองเป็นนายกฯ ของประเทศไทย ไม่มีทางเห็นประเทศใดสำคัญกว่าประเทศไทย ขอให้มั่นใจตรงนี้ไว้อย่างหนึ่งว่าดิฉันเกิดในแผ่นดินนี้ ไม่มีทางที่จะเห็นที่ไหนดีกว่าบ้านเรา ขอให้มั่นใจในจุดนี้ และเราตั้งคณะกรรมการขึ้นมาคุยด้วยเหตุผล ด้วยการตกลงระหว่างประเทศที่ดี" นายกฯ กล่าว

เมื่อถามว่า หากรัฐบาลเดินหน้าในเรื่องนี้และเกิดความไม่สงบขึ้น นายกฯ จะดำเนินการอย่างไร  น.ส.แพทองธารกล่าวว่า เราอย่าเพิ่งไปมองตรงนั้นดีหรือไม่ เพราะจริงๆ แล้ว MOU 44 มีมานานแล้ว เรื่องความแตกแยกที่ทำให้คนเข้าใจผิดมันไม่ได้มี เราต้องฟังข้อมูลที่จริงให้ครบ อย่าเอาเรื่องของกระแสหรือความขัดแย้งทางการเมืองในประเทศของเรามาทำให้เป็นประเด็นที่จะกลายเป็นปัญหาระหว่างประเทศ อันนั้นก็จะไม่ดี ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น

เมื่อถามว่า กลุ่มผู้คัดค้าน MOU 44 มีการหยิบยกพระบรมราชโองการของในหลวงรัชกาลที่ 9  เรื่องของไหล่ทวีปขึ้นมา ประเด็นนี้จะอยู่ในการเจรจาด้วยหรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ในนั้นเราได้ดูเนื้อหานี้อย่างละเอียดแล้ว อะไรที่เป็นปัญหาเราไม่ชนกับปัญหาอย่างแน่นอน เราต้องค่อยๆ ร่วมกันแก้ไข

นายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะอดีต รมว.กต. กล่าวถึงม็อบ MOU 44 ว่า ถ้ารัฐบาลดําเนินการรักษาผลประโยชน์ชาติได้ ทั้งเรื่องการแบ่งเขตทางทะเล และการพัฒนาร่วม ก็ไม่น่ามีปัญหา ส่วนม็อบจะจุดติดหรือไม่ ขอไม่ประเมิน เพราะขึ้นอยู่กับการดำเนินการของรัฐบาล สิ่งที่กังวลคือการนำความเท็จมาโจมตีใส่ร้ายเพื่อทำลายเสถียรภาพของรัฐบาล ซึ่งนอกจากกระทบกับเสถียรภาพรัฐบาล ยังกระทบความมั่นคงของประเทศด้วย ว่าทำไมไม่ยุติความเห็นต่างทางการเมืองผ่านกลไกของสภาได้ ทำไมต้องไปลงถนน

นายนพดลกล่าวว่า ขอเรียกร้องให้ใช้กลไกของรัฐธรรมนูญมาตรา 152 เพื่อเปิดอภิปรายทั่วไปให้ สส.ฝ่ายรัฐบาล สส.ฝ่ายค้าน และ สว.ได้อภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อเอาลมออกจากใบเรือของคนที่จะลงถนน ให้เห็นว่ารัฐสภายังแก้ปัญหาได้ การใช้เวทีสภาเพื่อแก้ปัญหาถือเป็นการหาทางออกร่วมกัน และคนจัดม็อบสามารถคุยผ่านตัวแทนในสภาได้ ซึ่งจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรค พท. กล่าวว่า ยังไม่เห็นความจำเป็นใดๆ ที่นายสนธิจะต้องก่อม็อบประท้วงรัฐบาล ประเทศชาติเสียหาย ทำลายบรรยากาศการท่องเที่ยว การลงทุนที่กำลังมีสัญญาณแนวโน้มดีสุดๆ ในรอบ 10 ปี ยิ่งช่วงนี้เป็นช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เราควรสร้างความหวังเติมกำลังใจให้คนไทยมากกว่า เมื่อ 5 ปีก่อน นายสนธิเคยประกาศหลังได้รับพระราชทานอภัยโทษออกจากเรือนจำว่าจะให้ความรู้คน  ไม่ออกมาลงถนนแล้ว แต่วันนี้ทำไมถึงจะกลับคำออกมานำม็อบ มีวาระอะไรแอบแฝงหรือมีใครอยู่เบื้องหลังหรือไม่

“วันนี้รัฐบาลยังไม่ได้ทำอะไรผิดเลย กรณีปลุกกระแสคลั่งชาติบอกว่าไทยจะเสียดินแดนให้กัมพูชานั้น ข้อเท็จจริงคือรัฐบาลยังไม่เริ่มนับ 1 เลย แต่ไปมโนสร้างเรื่องปลุกปั่นกันไปไกล ประหนึ่งว่าไทยเสียดินแดนไปแล้ว อยากให้ผู้ที่คิดจะเดินตามนายสนธิช่วยตั้งสติ อย่าให้อคติเบียดบังจนหน้ามืดใจบอด”

ส่วนที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ประธานด้านวิชาการ พรรค พปชร. เผยว่า แถลงการณ์ร่วมวันที่ 18 มิ.ย.2544 ลงนามโดยนายทักษิณ ชินวัตร และสมเด็จฮุน เซนนั้น  มีข้อความรับรอง MOU จึงทำให้ MOU มีสถานะเป็นสนธิสัญญาครบตามเงื่อนไขของอนุสัญญากรุงเวียนนาฯ นอกจากนี้ ยังมีเอกสารวิชาการที่นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย ยืนยันว่า MOU เป็นสนธิสัญญาอีกด้วย ซึ่งเมื่อ  MOU เป็นสนธิสัญญาที่กระทบเขตอำนาจแห่งรัฐ เพราะมีการกำหนดพื้นที่พัฒนาร่วมเป็นอาณาเขตเฉพาะที่เปลี่ยนแปลงเขตไหล่ทวีปของไทย ตามที่ประกาศเมื่อวันที่ 18 พ.ค.2516 แต่ไม่ได้เสนอต่อรัฐสภา และไม่ได้ทูลเกล้าฯ ถวายต่อพระมหากษัตริย์ตามรัฐธรรมนูญ 2540 จึงเป็นโมฆะตั้งแต่ต้น

“ผมเองเคารพต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และเห็นว่ารัฐมนตรีจากพรรคร่วมฯ จะช่วยลดอุณหภูมิลงได้ โดยถ้าเห็นว่าเรื่องนี้ถูกต้อง ก็ควรเร่งให้รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศชี้แจงเหตุผลในทุกด้านให้ประชาชนคลายใจ เพราะประเด็นที่พรรคฝ่ายค้านยกขึ้น ล้วนเป็นการอ้างข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงที่สามารถถกแถลงกันให้กระจ่างได้ แต่ถ้าเห็นว่าไม่ถูกต้อง ก็ต้องเร่งให้มีการแก้ไข” นายธีระชัยกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

พ่อนายกฯขู่เช็กบิล! พรรคร่วมโดดประชุมครม.-นักร้อง/ขอพระเจ้าอยู่ต่ออีก17ปี

"เพื่อไทย" คึก! 3 นายกฯ ร่วมทีมขึ้นรถไฟสัมมนาพรรคที่หัวหิน "นายกฯ อิ๊งค์" ขอ  สส.ไม่แบ่งขั้ว-อายุ ยอมรับ 3 เดือนโฟกัสงานรัฐบาล