‘ท้องถิ่น’ ผวา! พรรคครอบงำ

กกต.จับ "หมูเด้ง" เป็นพรีเซนเตอร์ช่วยรณรงค์ประชาสัมพันธ์ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ส.อบจ.-นายก อบจ. ขณะที่นักการเมืองท้องถิ่นเผยน่ากลัวมาก! ผวาการเมืองระดับชาติครอบงำท้องถิ่น ผู้สมัครนายก อบจ.ศรีสะเกษยอมรับหนักใจ  ต้องฝ่ากระสุน มีพรรคการเมืองใช้หัวหน้าใหญ่ลงพื้นที่ เตือนนายจ้างอำนวยความสะดวก "ลูกจ้าง"    รัฐ-เอกชน ไปใช้สิทธิไม่ถือเป็นวันลาหรือวันหยุด  ฝ่าฝืนเสี่ยงผิดกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่น

เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2568 นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)  กล่าวว่า ในวันอังคารที่ 28 ม.ค.นี้ สำนักงาน กกต. จะจัดกิจกรรม Bigday ทั่วประเทศทั้ง 76 จังหวัด เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนออกไปใช้สิทธิให้มากขึ้น โดยดึง “น้องหมูเด้ง” มาช่วยรณรงค์ประชาสัมพันธ์ เพิ่มความน่ารักและเป็นสีสันในการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยคาดว่าในช่วงการรณรงค์จะสามารถประชาสัมพันธ์ให้คนออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งเพิ่มขึ้น

เขายังกล่าวถึงการทำงานในช่วงเลือกตั้ง อบจ.โค้งสุดท้ายว่า ในเวทีปราศรัย กกต.ได้ส่งผู้สังเกตการณ์ไปทุกเวที ขณะเดียวกันผู้ตรวจการเลือกตั้งก็ลงพื้นที่ตรวจสอบการหาเสียงว่าเป็นไปตามกฎหมายและระเบียบกำหนดไว้หรือไม่

“หรือมีการกระทำอะไรเกินเลยที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ ด้วยมีข่าวว่าขนคนมาฟังหรือไม่  โดยมีค่าจ้างหรือไม่ กำลังให้จังหวัด รวมถึงผู้ตรวจการเลือกตั้งและรายงานมาอีกครั้งหนึ่ง”  นายแสวงกล่าว

ขณะที่ นายประกาศิต สุพรหมธีรกูร นายก อบต.หนองไฮ อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ ได้โพสต์ข้อความลงบน Facebook ชื่อ Prakasit Supromteerakoon ว่า โดยส่วนตัวเห็นว่า การเมืองท้องถิ่นทั้ง อบจ.เทศบาล อบต. ควรมีความเป็นตัวของตัวเอง ต้องไม่ถูกครอบงำจากพรรคการเมืองระดับชาติ ไม่ว่าพรรคการเมืองใดก็ตาม   องค์กรท้องถิ่นเป็นองค์กรที่ประชาชนมีส่วนร่วมมากที่สุด คล้ายกับว่าเป็นองค์กรกึ่งรัฐกึ่งประชาชน เป็นรากฐานประชาธิปไตย

ดังนั้น นายก อบจ.เทศบาล อบต.ควรมีอิสระในการตัดสินใจดูแลประชาชนในท้องถิ่นของตัวเอง พรรคการเมืองระดับชาติไม่ควรแสวงหาอำนาจบงการผู้บริหารท้องถิ่น เลือกตั้ง อบจ. การเมืองสร้างสรรค์ น่ากลัวมาก หากการเมืองระดับชาติครอบงำท้องถิ่น

ทั้งนี้ ช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงที่นายทักษิณ ชินวัตร พร้อมด้วยคณะผู้ช่วยหาเสียงของพรรคเพื่อไทย เดินทางมาปราศรัยหาเสียงเลือกตั้ง ช่วยนายวิวัฒน์ชัย โหตระไวศยะ ผู้สมัครนายก  อบจ.ศรีสะเกษ สังกัดพรรคเพื่อไทย ระหว่างวันที่ 24-25 มกราคม 2568 ที่ อ.กันทรลักษ์ อ.เมืองศรีสะเกษ อ.ปรางค์กู่ และ อ.อุทุมพรพิสัย รวม 4 จุด โดยมีเป้าหมายให้ สส.ในพื้นที่ระดมมวลชนมาฟังการปราศรัยของนายทักษิณจุดละไม่ต่ำกว่า 10,000 คน

กระแสหรือกระสุน

ด้านนายวิชิต ไตรสรณกุล ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ ในนามกลุ่มฅนท้องถิ่น นำผู้สมัครสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ (ส.อบจ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณลงพื้นที่หาเสียง  จ.ศรีสะเกษ ว่าคู่แข่งในอดีตส่วนตัวไม่ให้ค่า แต่ในปัจจุบันไม่เคยปรากฏมาก่อนที่จะมีพรรคการเมืองโดยเฉพาะหัวหน้าใหญ่ลงมา

“ยอมรับว่ามีความหนักใจ เพราะว่าคนที่มาไม่ใช่คนธรรมดา แต่ผมในฐานะที่เป็นคนศรีสะเกษ ก็จะลองดูว่าระหว่างกลุ่มของเราในท้องถิ่นสามารถฝ่าอะไรมาบ้าง ไม่ว่าจะเป็นกระแสหรือกระสุน ก็คิดว่าจะสู้เต็มที่” นายวิชิตกล่าว

ด้าน น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล กล่าวถึงนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่มั่นใจว่าไม่จำเป็นต้องลงพื้นที่มาช่วยหาเสียงว่า นายอนุทินเป็นเจ้านาย  ตนก็อยู่พรรคนายอนุทิน แต่พ่อไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรคภูมิใจไทย นายอนุทินก็อยากให้กำลังใจตน ขอบคุณคุณอนุทินมากๆ ที่สำคัญพ่อตนชัดเจน เขาเล่นการเมืองมาก่อนมีพรรคภูมิใจไทย อยากให้ประชาชนแยกแยะ

“กวางก็ส่วนกวาง พ่อก็ส่วนพ่อ ลุยเต็มที่ช่วงโค้งสุดท้าย สู้สุดใจ ช่วยคุณพ่อในฐานะลูกสาว ทำในฐานะลูกสาว"

เมื่อถามถึงวาทะ ทำพิธีไล่หนูตีงูเห่า ของนายทักษิณที่กล่าวตอนหาเสียง น.ส.ไตรศุลีย้ำว่า  อย่างที่บอก ตนเล่นการเมืองครั้งแรกก็อยู่พรรคภูมิใจไทย ส่วนพ่อเล่นการเมืองครั้งแรกไม่เคยมีพรรค ได้มาเพราะประชาชนช่วยเหลือมาตลอด  ลงพื้นที่ก็จะรู้ว่าเขาจะเล่นการเมืองได้ ประชาชนไปขายข้าวขายนามาให้เขาเล่น ฉะนั้นเขาไม่เคยมีพรรคการเมือง อาจจะผิดสโลแกนหรือไม่ เอาไว้ใช้ตอนหาเสียงใหญ่ดีกว่า

นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่ กกต.ได้กำหนดให้วันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ เป็นวันเลือกตั้ง ส.อบจ.และนายก อบจ. กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน โดยกระทรวงแรงงาน ได้ออกประกาศขอความร่วมมือนายจ้างสถานประกอบกิจการ อนุญาตให้ลูกจ้างที่ทำงานอยู่ในสถานประกอบกิจการ ซึ่งมีหน้าที่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง   เดินทางไปใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาบริหารส่วนจังหวัดและนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ณ หน่วยเลือกตั้งที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งมีชื่ออยู่ โดยไม่ถือเป็นวันลาหรือวันหยุด เพื่อให้นายจ้างอำนวยความสะดวกแก่ลูกจ้างในการไปใช้สิทธิ  โดยกำหนดให้ลูกจ้างสามารถหยุดงานหรือปรับเวลาทำงานเพื่อไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้ตามกฎหมายเลือกตั้ง

นายจ้างระวังผิดกฎหมาย

สำหรับผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ไม่สามารถไปใช้สิทธิได้ สามารถแจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้ในช่วงก่อนวันเลือกตั้ง 7 วัน (วันที่ 25-31 ม.ค.68) และหลังวันเลือกตั้ง 7 วัน (วันที่ 2-8 ก.พ.68) ตามแบบฟอร์มแจ้งเหตุไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งท้องถิ่น (ส.ถ./ผ.ถ.1/8) หรือทำเป็นหนังสือ ซึ่งอย่างน้อยต้องระบุหมายเลขประจำตัวประชาชนและที่อยู่ตามหลักฐานทะเบียนบ้านให้ชัดเจน พร้อมทั้งแจ้งเหตุอันสมควร โดยผ่านช่องทาง ดังนี้

1.ยื่นต่อนายทะเบียนอำเภอหรือนายทะเบียนท้องถิ่นที่ตนเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งด้วยตนเอง 2.ทำเป็นหนังสือมอบหมายให้บุคคลอื่นไปยื่นแทน 3.จัดส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียน 4.แจ้งเหตุผ่านเว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง www.ect.go.th หรือแอปพลิเคชัน Smart Vote  5.แจ้งเหตุผ่านเว็บไซต์ของสำนักบริหารการทะเบียน มท. https://stat.bora.dopa.go.th/Election/abscause/#/main

ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ทำงานนอกพื้นที่ทะเบียนบ้านของตน สามารถไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้โดยสะดวก และเพื่อให้การออกเสียงลงคะแนนเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย ไม่ขัดต่อ พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2562 มาตรา 117 ที่กำหนดบทลงโทษ ผู้บังคับบัญชาหรือนายจ้างหากขัดขวาง หน่วงเหนี่ยว หรือไม่ให้ความสะดวกผู้ใต้บังคับบัญชาหรือลูกจ้างให้ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง โดยไม่มีเหตุอันสมควร มีโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ  โดยกฎหมายดังกล่าวครอบคลุมการเลือกตั้งท้องถิ่นรูปแบบอื่นด้วย หากนายจ้างหรือผู้บังคับบัญชาไม่อำนวยความสะดวกให้ลูกจ้างไปใช้สิทธิเลือกตั้งโดยไม่มีเหตุจำเป็น อาจเข้าข่ายกระทำความผิดและมีโทษทางกฎหมายนี้เช่นกัน

“การใช้กฎหมายบังคับนายจ้างให้หยุดงาน ไม่สามารถทำได้ เพราะจะกระทบต่อระบบการผลิตและการดำเนินธุรกิจของนายจ้าง ดังนั้น การจัดสรรเวลาให้ลูกจ้างไปใช้สิทธิเลือกตั้งขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการของแต่ละสถานประกอบการ  โดยขอให้นายจ้างพิจารณาแนวทางที่เหมาะสม เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ และย้ำว่า กฎหมายมีบทลงโทษ สำหรับนายจ้างที่ขัดขวาง หรือไม่อำนวยความสะดวกให้ลูกจ้างไปใช้สิทธิเลือกตั้ง  หากมีข้อสงสัย สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานกรุงเทพมหานคร 10 พื้นที่ หรือสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดทุกจังหวัด  หรือสายด่วน 1506 กด 3 หรือ 1546” นายคารมระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง