นํ้ามันรั่วระยอง ระดมขจัดคราบ จ่อฟ้องบ.ชดใช้

"บิ๊กตู่" สั่งทุกหน่วยระดมกำลังขจัดคราบน้ำมันรั่วมาบตาพุด  สตาร์ปิโตรเลียมแจ้งรั่วรวม 1.6 แสนลิตร รมว.ทส.ยันไม่ซ้ำรอยปี 56 แต่หวั่นระยะยาว ส่งผลกระทบสิ่งมีชีวิตใต้ทะเล อธิบดีทรัพยากรทางทะเลฯ เผยคุมสถานการณ์ได้แล้ว ขจัดคราบได้ 80% ไม่พัดเข้าฝั่ง กรมควบคุมมลพิษจ่อฟ้องเรียกค่าเสียหาย

เมื่อวันที่ 26 มกราคม บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC ชี้แจงว่า วันที่ 25 ม.ค. เวลา 21.06 น. พบน้ำมันดิบรั่วไหลบริเวณทุ่นผูกเรือน้ำลึกแบบทุ่นเดี่ยวกลางทะเล หรือจุดขนถ่ายน้ำมันในทะเล (SPM) ซึ่งตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง ทันทีที่เกิดเหตุ บริษัทได้ระดมทีมเพื่อควบคุมสถานการณ์ตามแผนรับมือเหตุฉุกเฉิน หยุดกิจกรรมในพื้นที่ใกล้เคียงทั้งหมดตามขั้นตอนความปลอดภัย และแจ้งหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง หลังจากที่เกิดเหตุ ทีมตอบโต้ภาวะฉุกเฉินได้ทำการควบคุมสถานการณ์ตามขั้นตอนการตอบโต้สถานการณ์ฉุกเฉิน และได้ทำการหยุดกิจกรรมในพื้นที่ใกล้เคียงทั้งหมดตาม ขั้นตอนความปลอดภัย ขณะนี้สถานการณ์สามารถควบคุมได้ และหยุดการรั่วไหลตั้งแต่เวลา 0.18 น. วันที่ 26 ม.ค. และได้ดำเนินการใช้เรือฉีดพ่นน้ำยาขจัดคราบน้ำมัน เนื่องจากเวลาที่เกิดเหตุเป็นเวลากลางคืน บริษัทจะทำการสำรวจบริเวณที่เกิดเหตุในเช้าวันที่ 26 ม.ค. เพื่อประเมินสถานการณ์ต่อไป

ขณะเดียวกัน บริษัทได้แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ศูนย์เฝ้าระวังและควบคุมสิ่งแวดล้อม (EMCC) ศูนย์บัญชาการตอบโต้สถานการณ์ฉุกเฉินและกระจายข่าว (EIC) ชุมชนกลุ่มประมงใกล้เคียง ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ภาค 1 และได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนเป็นอย่างดี ซึ่งประกอบด้วยกำลังพล เรือ และน้ำยาขจัดคราบน้ำมัน เพื่อใช้ในการขจัดคราบน้ำมัน บริษัทได้รับการสนับสนุนจากกองทัพเรือภาคที่ 1 ด้วยการใช้เครื่องบินกองทัพเรือบินลาดตระเวนเพื่อดูสำรวจการเคลื่อนที่ของน้ำมัน พบว่ามีปริมาณน้ำมันหลงเหลืออยู่ในทะเลประมาณ 20 ตัน หรือประมาณ 20,000 ลิตร นอกจากนี้ ยังได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสมาคมอนุรักษ์สภาพแวดล้อมของกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมัน (IESG) ในการช่วยเหลือน้ำยาขจัดคราบน้ำมัน และอุปกรณ์ขจัดคราบน้ำมัน และบริษัทได้ประสานงานจาก บริษัท Oil Spill Response Limited (OSRL) ณ ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งได้ส่งผู้เชี่ยวชาญเดินทางมาให้ความช่วยเหลือโดยทันที บริษัทคาดว่าจะสามารถขจัดและเก็บคราบน้ำมันได้ทั้งหมดภายในไม่ช้า อย่างไรก็ตาม บริษัทได้จัดส่งทีมติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม รับทราบเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลแล้ว มีความห่วงใย จึงสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นกรมควบคุมมลพิษ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม ฯลฯ บูรณาการร่วมกับจังหวัด และบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียมฯ รับมือผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากเหตุดังกล่าว โดยนายกฯ ขอให้เร่งขจัดคราบน้ำมันโดยเร็ว เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อสิ่งแวดล้อมให้ได้มากที่สุด และป้องกันคราบน้ำมันไหลสู่ชายหาด ได้กำชับให้กระทรวงกลาโหม สนับสนุนกำลังพลและเรือในการแก้ไขปัญหานี้อย่างเต็มกำลัง พร้อมกันนี้ ยังให้ประเมินผลกระทบทางทะเลและให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แจ้งเตือนประชาชนในการประกอบอาชีพ เพื่อที่ประชาชนจะได้ทราบถึงแนวทางการปฏิบัติ ไม่เกิดความตื่นตระหนก

นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ได้ติดตามเรื่องอยู่ตลอด ประสานติดตามสถานการณ์กับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กรมควบคุมมลพิษ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง กองทัพเรือ และกระทรวงพลังงาน ขณะนี้สถานการณ์เบื้องต้นที่ทางบริษัทแถลง ระบุปริมาณน้ำมันรั่ว 2-4 แสนลิตรนั้น จากการที่เจ้าหน้าที่ และผู้ว่าฯ ขึ้นเฮลิคอปเตอร์และลงเรือสำรวจ พบว่าที่จริงแล้วปริมาณน้ำมันที่รั่วประมาณ 2 หมื่นลิตร น้ำมันที่รั่วมีลักษณะเป็นฟิล์มบางๆ บนผิวน้ำ ช่วงแรกเกรงว่าน้ำมันที่รั่วจะพัดเข้าฝั่ง แต่ขณะนี้ดูทิศทางลม กระแสน้ำแล้ว คาดว่าไม่น่าจะพัดเข้าฝั่ง ขณะนี้มีการใช้เครื่องบินโปรยสารให้น้ำมันสลายตัวจมลงใต้ทะเล จากรายงานเบื้องต้น น้ำมันเริ่มแตกตัวจมลงแล้ว เป็นการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่ถ้าไม่ดีขึ้นก็มีความเป็นไปได้ว่าจะไปติดตามสถานการณ์ด้วยตัวเอง และหลังจากนี้จะต้องศึกษาดูผลระยะยาวว่าน้ำมันที่จมลงจะเกิดผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างไร ซึ่งทางบริษัทต้องมีกองทุนเพื่อรับผิดชอบในระยะยาวเช่นกัน 

 “การแก้ปัญหาคราบน้ำมันเราดูแค่ช่วงนี้ไม่ได้ แต่ต้องดูระยะยาวว่าสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลจะได้รับผลกระทบอย่างไร ได้กำชับผู้ว่าฯ ให้พูดคุยกับทางบริษัท ให้ดูในเรื่องนี้ด้วย ส่วนการดำเนินการทางกฎหมาย จะต้องดูรายละเอียด แต่แน่นอนว่าทางบริษัทต้องรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้น ขอฝากไปยังผู้ประกอบการธุรกิจสายส่งน้ำมัน ให้ดูแลระบบสายส่งให้อยู่ในสภาพพร้อม 100% ขณะนี้เร็วเกินไปที่จะตอบเรื่องนี้ ต้องดูว่าน้ำมันที่จมลงใต้ทะเลจะกระทบอะไรกับห่วงโซ่อาหารหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าเหตุการณ์นี้จะไม่ซ้ำรอยเหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วที่เกาะเสม็ดเมื่อปี 2556 เพราะในปีนั้นมีน้ำมันดิบที่รั่วไหลจำนวนมหาศาล ดังนั้น ขอให้พี่น้องชาวระยอง ชาวเกาะเสม็ด และชาวบ้านบริเวณชายหาดแม่รำพึงวางใจได้” นายวราวุธระบุ

นายธารา ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย นพ.บัญญัติ เจตนจันทร์ ส.ส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ ร่วมกันแถลงว่า เหตุดังกล่าวส่งผลให้ปัจจุบันเกิดการปนเปื้อนน้ำมันดิบกระจายอยู่ในน้ำทะเล เกรงว่าบริเวณหาดแม่รำพึง เกาะเสม็ด ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญจะได้รับผลกระทบ ตลอดน้ำทะเล และสัตว์ทะเลจะปนเปื้อนสารพิษ ขอเรียกร้องให้ภาครัฐเร่งกำจัดคราบน้ำมัน เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และการท่องเที่ยว พร้อมทั้งตั้งกองทุนเยียวยาเพื่อฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมทางทะเลและสัตว์ทะเล รวมทั้งประชาชนที่ได้รับผลกระทบ

ขณะที่นายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ร่วมกับอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง รองอธิบดีกรมเจ้าท่า และ ศรชล.ภาค 1 ได้ลงพื้นที่ตรวจ กล่าวว่า ล่าสุดได้รับรายงานจากบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียมฯ ขอแก้ไขข้อมูลการรั่วไหลของน้ำมันดิบจากที่แจ้งว่า 400,000 ลิตร เป็น 160,000 ลิตร หรือ 128 ตัน โดยใช้สารเคมีจำพวก Dispersant ซึ่งเป็นสารที่เมื่อจับกับคราบน้ำมันจะทำให้แตกตัว แล้วย่อยสลายในที่สุด ขณะนี้ดำเนินการฉีดให้แตกตัวแล้ว 80% คงเหลือคราบน้ำมันอีกประมาณ 21 ตัน

ซึ่งขณะนี้ควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว โดยจะไม่มีการพัดพาคราบน้ำมันสู่ฝั่ง ทั้งยังไม่ปรากฏผลกระทบต่อทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง แต่จะส่งนักวิชาการเพื่อตรวจประเมินผลกระทบทั้งในระยะสั้นและระยะยาว หากมีผลกระทบตกค้างสร้างความเสียหายต่อทรัพยากรธรรมชาติจะดำนินคดีตามกฎหมายต่อไป

นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กล่าวว่า เชื่อว่าควบคุมสถานการณ์ได้ และผลกระทบที่จะเกิดต่อทรัพยากรธรรมชาติจะไม่รุนแรงตามที่คาดการณ์ก่อนหน้า ตั้งแต่ช่วงสายเฮลิคอปเตอร์บินทิ้งสารจำพวก Dispersant ชื่อ Dasic slickgone จะทำให้ฟิล์มน้ำมันดิบแตกตัว แล้วจับเป็นก้อนเล็กๆ ใน 24 ชั่วโมง จากนั้นจุลินทรีย์ในธรรมชาติจะย่อยสลายตัวไปใน 8-10 วัน อาจมีลมและคลื่นพัดพาเข้าสู่ชายฝั่งบ้าง แต่คาดว่าไม่มาก แต่กำลังพิจารณาฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเนื่องจากก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมตามกฎหมาย

พล.ต.ต.วรา เวชชาภินันท์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระยอง กล่าวว่า ได้มาตรวจสอบสถานการณ์ร่วมกับฝ่ายต่างๆ ซึ่งกำลังพิจารณาว่าทางบริษัทมีความผิดฐานใดตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การเดินเรือ พ.ร.บ.สิ่งแวดล้อม ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดระยองให้ดำเนินการตามกฎหมาย หากมีโทษทางอาญาต้องดำเนินการ ส่วนโทษทางแพ่งเนื่องจากกระทำการให้เกิดความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมย่อมมีอยู่แล้ว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง