สุริยะตั้งกก.สอบ นํ้ามันลอยเข้าฝั่ง ใกล้หาดแม่รำพึง

เร่งขจัดคราบน้ำมันลอยเข้าฝั่ง คาด 28 ม.ค.นี้ซัดเข้าหาดแม่รำพึง-เกาะเสม็ด แต่ไม่มากนัก ยันตัวเลขรั่วไหลแค่ 2 หมื่นลิตร “สุริยะ” สั่งตั้งกรรมการสอบสาเหตุ สำรวจความเสียหาย ประเมินไม่เลวร้ายเท่าปี 2556 จี้บริษัทชดเชย

เมื่อวันที่ 27 ม.ค.2565 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมนายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้เดินทางมาติดตามสถานการณ์น้ำมันดิบของบริษัท สตาร์ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) รั่วไหลจากท่อใต้ทะเลบริเวณทุ่นผูกเรือน้ำลึก หรือจุดขนถ่ายน้ำมันในทะเล (SPM) ห่างจากฝั่งประมาณ 12 ไมล์ทะเล โดยร่วมประชุมและรับฟังการชี้แจงจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง รวมถึงตัวแทนบริษัท มีนายชาญนะ เอี่ยมแสง ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง, นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรม (กนอ.) เข้าร่วมประชุมด้วย ที่ห้องประชุม อบจ.ระยอง

นายสุริยะกล่าวว่า จากเหตุการณ์น้ำมันรั่วกลางทะเลระยองดังกล่าว นายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยมากในเรื่องผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม การท่องเที่ยว และประชาชน โดยเฉพาะประเด็นสำคัญคือ ปริมาณจำนวนตัวเลขน้ำมันรั่วไหลจริงๆ มีเท่าใดกันแน่ ซึ่งครั้งแรกเจ้าหน้าที่บริษัทตรวจสอบประเมินว่ามี 400,000 ลิตร เป็นช่วงกลางคืนทำให้คลาดเคลื่อน แต่พอตอนสายๆ ของวันเดียวกันเป็น 160,000 ลิตร หลังจากนั้นได้ส่งนักประดาน้ำลงสำรวจ เหลืออยู่จริงๆ เพียง 50,000 ลิตร ขณะนี้กำจัดไปแล้วเหลือเพียง 5,000 ลิตร

"เชื่อมั่นว่าจะไม่กระทบด้านการท่องเที่ยวบริเวณชายหาดแน่นอน ซึ่งทางบริษัทได้เตรียมบูมต่างๆ ป้องกันการเข้าฝั่งไว้แล้ว ขณะเดียวกันได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 1 ชุด มีกระทรวงคมนาคม โดยกรมเจ้าท่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทช.) กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงสาธารณสุข เพื่อไปสอบสวนหาสาเหตุและแนวทางในอนาคตว่าจะต้องมีการแก้ไขป้องกันปัญหารั่วไหลซ้ำซาก ดูปัญหาให้ครบทุกมิติ" นายสุริยะกล่าว

ด้านนายสาธิต ปิตุเตชะ กล่าวว่า สำหรับการดำเนินการทางกฎหมายได้สั่งการผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระยองแจ้งความดำเนินคดีตามความผิดที่มีตามพยานหลักฐานว่ามีการประมาทเลินเล่ออย่างไร พร้อมสั่งการให้ผู้ว่าฯ กนอ.หาสาเหตุการเกิดครั้งนี้ให้ได้ ต้องตรวจสอบรายงานขั้นตอนทุกปีเพื่อป้องกันการเกิดเหตุซ้ำซาก และรายงานต่อ รมว.อุตสาหกรรม เพื่อนำรายงานนายกรัฐมนตรีให้รับทราบต่อไป

นายวีริศ อัมระปาล กล่าวว่า คราบน้ำมันได้ลอยห่างจากฝั่งประมาณ 10 กิโลเมตร โดยการดำเนินการหลังจากนี้ บริษัทจะทำการประเมินการเคลื่อนตัวและลักษณะของคราบน้ำมัน จัดเตรียมแผนในการเก็บกู้คราบน้ำมันในทะเลโดยใช้เครื่องมือขจัดคราบน้ำมัน (Skimmer) เพื่อทำการเก็บคราบน้ำมันใส่ภาชนะที่เตรียมไว้บนเรือ รวมถึงการทดลองใช้แบคทีเรียในการเพิ่มประสิทธิภาพในการขจัดคราบน้ำมันตามคำแนะนำของอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ และจัดเตรียมอุปกรณ์และกำลังพลเพื่อเก็บกู้คราบน้ำมันบริเวณชายฝั่ง (ถ้ามี) เพื่อป้องกันผลกระทบต่อระบบนิเวศชายฝั่ง เริ่มตั้งแต่ปากอ่าวตากวนจนถึงปากน้ำ

ขณะที่ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA ใช้ภาพจากดาวเทียม Sentinel-2 ของวันที่ 26 ม.ค.2565 เวลา 10.40 น. พบคราบน้ำมันลอยเป็นกลุ่มก้อนกลางอ่าวมาบตาพุด คิดเป็นพื้นที่ 11.65 ตารางกิโลเมตร (7,280 ไร่) หรือกว่า 2 เท่าของเกาะเสม็ด ซึ่งคราบน้ำมันดังกล่าวอยู่ห่างจากชายฝั่งทะเลของอำเภอเมืองระยอง ประมาณ 16.5 กิโลเมตร และจากการตรวจสอบทิศทางลม บริเวณอ่าวมาบตาพุด ด้วยแบบจำลอง Global Forecast System หรือ GFS พบว่าระหว่างวันที่ 26-28 มกราคม 2565 ทิศทางลมมีแนวโน้มเคลื่อนที่ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งมีระดับความเร็วลมเฉลี่ยอยู่ในช่วง 5-15 เมตร/วินาที ลักษณะดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อพื้นที่ชายฝั่งเมืองระยอง ชายหาดแม่รำพึง และพื้นที่ชายหาดใกล้เคียง

ที่หอประชุมกองทัพเรือ (ทร.) พล.ร.ท.ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ พร้อมด้วย พล.ร.ต.วิฉณุ ถูปาอ่าง ผู้อำนวยการสำนักกิจการความมั่นคง กรมยุทธการทหารเรือ, น.ส.พรพิมล เจริญส่ง ผู้อำนวยการกองจัดการคุณภาพน้ำ กรมควบคุมมลพิษ, นายพิทักษ์ วัฒนพงศ์พิศาล ผู้อำนวยการสำนักความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมทางน้ำ กรมเจ้าท่า และ ดร.พรศรี สุทธนารักษ์ รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ร่วมกันแถลงข่าว

 พล.ร.ท.ปกครองกล่าวว่า กรมเจ้าท่า ในฐานะศูนย์ประสานงานการป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน ได้ประสานมายัง ทร. เพื่อขอให้จัดตั้งศูนย์ควบคุมการปฏิบัติการฯ ขจัดคราบน้ำมันในบริเวณดังกล่าว ตามแผนป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำแห่งชาติ พ.ศ.2545 และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน พ.ศ. 2547 พร้อมขอรับการสนับสนุนอากาศยาน เรือตรวจการณ์ และเรือช่วยปฏิบัติงานขจัดคราบน้ำมัน เพื่อปฏิบัติการในพื้นที่เกิดเหตุ ทร. จึงได้สั่งการให้ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพเรือจัดตั้งศูนย์อำนวยการป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน กองทัพเรือ หรือ ศอปน.ทร.ขึ้น มีหน้าที่ในการอำนวยการกำกับการ และประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในขณะเดียวกันก็สั่งการให้ทัพเรือภาคที่ 1 จัดตั้งศูนย์ควบคุมการปฏิบัติการในการป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน

เมื่อถามว่า ตัวเลขการรั่วไหลน้ำมันดิบที่บริษัทแจ้งว่ามีกว่า 4 แสนลิตร ขัดแย้งกับข้อมูลของ รมว.ทช.ที่ระบุว่ามีเพียง 2 หมื่นลิตร พล.ร.ท.ปกครอง กล่าวว่า เมื่อ ทร.ส่งเครื่องบินขึ้นสำรวจลาดตระเวนทั้งทางอากาศ และส่งเรือดูพื้นที่ผิวน้ำด้วย คาดว่าเหลืออยู่ประมาณ 2 หมื่นลิตร อย่างไรก็ตาม เรื่องตัวเลขการรั่วไหลของน้ำมันคงปกปิดกันไม่ได้

ด้าน พล.ร.ต.วิฉณุกล่าวว่า จากการตรวจสอบทางวิศวกรรรมของบริษัท แจ้งล่าสุดมีน้ำมันรั่วไหลประมาณ 20-50 ตัน เป็นข้อมูลที่แตกต่างจากที่แจ้งมาครั้งแรก และระบุว่ายังมีน้ำมันคงเหลือ 5.3 ตัน โดยจากนี้จะส่งเครื่องบินขึ้นลาดตระเวนทุกวัน และตรวจสอบปริมาณคราบน้ำมันในทะเลและทิศทางคราบน้ำมันของจริงทุกวัน โดยคาดการณ์ว่าจะใช้ระยะเวลาในการดำเนินการ 5 วัน เพื่อให้สถานการณ์คลี่คลาย

เมื่อถามว่า ยืนยันได้หรือไม่ว่าคราบน้ำมันจะไม่มาถึงหาดแม่รำพึงในวันที่ 28 ม.ค. พล.ร.ต.วิฉณุกล่าวว่า จะพยายามในการล้อมวงไม่ให้คราบน้ำมันขึ้นฝั่ง คาดว่าจะสามารถป้องกันได้ แต่หากขึ้นหาดก็เชื่อว่าไม่มากนัก และเรามีแผนรับมือ

ส่วน ดร.พรศรีกล่าวว่า สิ่งที่มีความกังวลคือคราบน้ำมันที่จะส่งผลทรัพยากรใต้ทะเล ที่มีแนวปะการัง 150 ไร่ และหญ้าทะเล 300 ไร่ พร้อมยืนยันว่าจะมีการเรียกร้องค่าเสียหายที่เกิดขึ้น ทั้งการดำเนินการและทรัพยากรที่เสียหาย

ทางด้านนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ในฐานะนายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ออกแถลงการณ์ว่า  เหตุที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นโศกนาฏกรรมทางทะเลซ้ำในพื้นที่ทะเลระยองอีกครั้ง หลังจากที่เคยเกิดเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลในทะเลระยองไปกว่า 50,000 ลิตรในลักษณะเดียวกันนี้มาแล้วเมื่อปี 2556 ซึ่งครั้งนั้นได้สร้างความเสียหายให้กับทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง อาชีพชาวประมงพื้นบ้าน รวมทั้งทำลายสถานที่ท่องเที่ยว โดยเฉพาะหาดเสม็ด หาดแม่รำพึง จนกระทบพ่อค้าแม่ค้า ผู้ประกอบการท่องเที่ยวไปทั้งระบบ จนประเมินค่าความเสียหายมิได้ พร้อมให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเพิกถอนใบอนุญาต และขึ้นแบล็กลิสต์ผู้ประกอบการไว้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง